WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET25ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้น เก็งกลุ่มสื่อสารหลังคืบหน้า4G-กลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันขึ้น

   นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับขึ้นได้ราว 2-3 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เปิดตลาดส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นกัน โดยคาดว่าหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มพลังงานจะขึ้นนำตลาดฯ

     เนื่องจากกลุ่มสื่อสารมีความคืบหน้ามากขึ้นในเรื่องของประมูล 4G คลื่น 900 MHz ที่ทางนายกรัฐมนตรีอาจใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ไขปัญหาคลื่น 900 MHz และเปิดทางให้มีการประมูลได้ และจะมีมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่คลื่นความถี่ 900 MHz ระบบ 2G ของบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส เพื่อไม่ให้ซิมดับ รวมถึงปรับวันประมูลใหม่เป็นวันที่ 27 พ.ค.นี้ ตรงนี้จะเป็นผลบวกต่อ ADVANC ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานก็น่าจะรับผลบวกจากราคาน้ำมันปรับขึ้นมาเหนือระดับ 40 เหรียญฯ/บาร์เรล

     อย่างไรก็ดีมองว่า วอลุ่มเทรดของตลาดฯอาจน้อย และในช่วงบ่ายอาจมีแรงขายทำกำไรก่อนที่จะหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะยังมีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยหยุดทางสหรัฐฯจะทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ ซึ่งก็คาดว่าจะออกมาไม่ดีมากนัก

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,360-1,378 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 เม.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,556.41 จุด ลดลง 20.55 จุด (-0.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,833.40 จุด ลดลง 17.29 จุด (-0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,041.99 จุด ลดลง 5.61 จุด (-0.27%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 31.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 0.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 1.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.29 จุด

   - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 เม.ย.59) 1,369.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด (+0.01%)

   - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,157.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 เม.ย.59

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 เม.ย.59) ปิดที่ 40.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 1.6%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 เม.ย.59) ที่ 5.79 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 35.01/03 แข็งค่าเล็กน้อย คาดแกว่งแคบรอปัจจัยใหม่

    - "ฐากร" ชี้ ประมูล 900 MHz รวมทั้งการขยายเวลาซิมดับ ได้ข้อยุติแล้ว รับประกันจบด้วยดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ให้รอคำสั่งคสช.ประกาศไม่เกินวันที่ 12 เม.ย. พร้อมปรับวันประมูลใหม่เป็น 27 พ.ค. ด้านคนวงในชี้ขยายเยียวยาซิมดับถึง 30 มิ.ย.และให้ทรูเซ็นยินยอมไม่ฟ้อง

    - ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกรายงานคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและ แปซิฟิก โดยระบุว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้จะเติบโตเพียง 2.5% และในปี 2560 จีดีพีจะขยายตัว 2.6% ลดลงกว่าในปี 2558 ที่เศรษฐกิจเติบโต 2.8%

     - นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (แอเรีย) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ที่ยังคงซบเซาส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย คาดว่าจะหดตัว 11% ของจำนวนหน่วย และ 19% ของมูลค่า ยิ่งหากนับรวมจังหวัดภูมิภาคด้วยแล้วการหดตัวจะมากกว่านี้ แต่เชื่อว่าเมื่อมีการเลือกตั้งในปี 2560 สถานการณ์น่าจะคลี่คลายดีขึ้น เพราะรัฐบาลสัญญาว่าจะมีการเลือกตั้งจะยิ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนต่างๆ ดีขึ้น เหมือนกับประเทศเมียนมาร์ ไม่ใช่เพราะซื้อเสียง แต่เพราะเกิดความเชื่อมั่นจากนานาชาติเศรษฐกิจเลยจะกลายเป็นขาขึ้นแทน

      - นายอาเจย์ คานวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เปิดเผยว่า จากการประเมินของธนาคารพัฒนาเอเชียว่า ทวีปเอเชียต้องการเงินทุน 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นับจากนี้ไปจนถึงปีค.ศ. 2020 เพื่ออุดช่องว่างโครงสร้างพื้นฐานที่ยังขาดแคลน เพื่อรองรับการขยายตัวของประชากรในตัวเมือง ความต้องการด้านขนส่ง โลจิสติกส์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะเติบโตขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะเพิ่มภาระทางการเงินสำหรับภาครัฐ

     - นายจิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ อุปนายกฝ่ายการตลาด สมาคมประกันชีวิตไทย คาดว่า ไตรมาสแรกของปี 2559 นี้ เบี้ยประกันชีวิตรับรวมจะเติบโตประมาณ 4-5% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และราคายาง ข้าว ตกลงมาก ส่งผลกระทบต่อตลาดเกษตรกร ซึ่งเป็นตลาดรายย่อยที่มีขนาดใหญ่

      - แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลเปิดให้มีการดำเนินธุรกิจสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) มีผู้ยื่นขอทำธุรกิจ 25 ราย แต่มีการเปิดดำเนินการจริง 9 ราย ซึ่งทั้งหมดได้ปล่อยสินเชื่อจนถึงสิ้นเดือน ม.ค. 2559 มีการให้กู้แล้วจำนวน 9,433 ราย เป็นวงเงินรวม 195 ล้านบาท

       - ร.ฟ.ท.เสนอบอร์ด 12 เม.ย. อนุมัติรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง เด่นชัย-เชียงของ และบ้านไผ่-นครพนม คาดประมูลได้ปีนี้ เดินหน้าไฮสปีดเทรน กทม.-ระยอง กทม.-หัวหิน เสนอ สคร.ทำตามขั้นตอนพีพีพีแล้ว วางเป้าหาผู้รับเหมาก่อสร้างเสร็จใน 9 เดือน เล็งถก รฟม.ใช้รถไฟเชื่อมต่อ ผู้โดยสารระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที

*หุ้นเด่นวันนี้

    - KTC (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 120 บาท คาดกำไรสุทธิ 584 ล้านบาทใน Q1/59 เพิ่มขึ้น 1.7% yoy และ 9.2% qoq โดยกำไรที่เติบโตในไตรมาสนี้น่าจะมีปัจจัยผลักดันจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้น 15% yoy ใน Q1/59 และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ยังคงเติบโต 11.7% yoy นอกจากนี้ คาดว่าบริษัทได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลปีใหม่ในเดือนมกราคม ขณะที่ประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 44.6% ใน Q1/59 หรือลดลงเล็กน้อย qoq ตามค่าใช้จ่ายทางการตลาด ขณะเดียวกัน ผู้บริหารเผยว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ KTC ยังคงแข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วน NPL เพียง 2.1% ใน Q1/59

     - CPF (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 25.9 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้คาดจะฟื้นตัวจากปีที่แล้ว (Bloomberg Consensus คาดกำไรปกติ +40% YoY ) จากอัตรากำไรที่ดีขึ้น (ราคาเนื้อสัตว์ขึ้น/ราคาอาหารสัตว์ลง) และธุรกิจที่ลงทุนในต่างประเทศ (รัสเซียและกัมพูชา) ปีนี้รับรู้รายได้เต็มปี รวมถึงราคาเนื้อสุกรหน้าฟาร์มสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นเป็น 68-73 บาท/กก (เทียบกับ 67-72 บาท/กก ในสัปดาห์ที่แล้ว)

     - กลุ่มท่องเที่ยว (ฟินันเซีย ไซรัส) การกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐที่ให้นำบิลค่าอาหารที่ใช้ในช่วง 9-17 เม.ย. มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มค้าปลีกเท่ากับมาตรการช้อปช่วยชาติโค้งสุดท้ายปลายปีก่อนที่เน้นซื้อสินค้า แต่เป็นอานิสงส์กับกลุ่มโรงแรม (มีร้านอาหาร) ซึ่งมีมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ (หักลดหย่อนฯได้ไม่เกิน 15,000 บาท) ตลอดทั้งปีอยู่แล้ว รวมถึง Q1 เป็นฤดูที่ดีที่สุดของการท่องเที่ยว แนวโน้มกำไรจึงโดดเด่นกว่าธุรกิจอิ่น โดยยังชอบ MINT (ราคาพื้นฐาน 43 บาท) จากกำไรที่จะก้าวกระโดดหลังรวมโรงแรม Tivoli 14 แห่งในโปรตุเกสตั้งแต่ Q1/59

   - SPA (ไอร่า) เป้า 10.40 บาท SPA คาดผลการดำเนินงานในปี 59 จะทำจุดสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้เต็มปีของธุรกิจสปา 3 ดาว ที่เข้าซื้อกิจการเมื่อปีก่อน ทำให้มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการธุรกิจสปา 4 ดาว ในประเทศอีก 2 ราย สอดคล้องกับประมาณการที่คาดผลการดำเนินงานมีโอกาสทำ New High ต่อเนื่อง โดยคาดรายได้ในปี 59 เติบโต 28% อยู่ที่ 695 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 169 ล้านบาท เติบโต 59%

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังราคาน้ำมันดีดตัว

    ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนจับตาดูบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการ

    ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 127.07 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,719.24 จุด ลดลง 31.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,031.30 จุด ลดลง 2.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,440.72 จุด ลดลง 0.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,561.21 จุด ลดลง 1.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,970.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,810.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,713.99 จุด ลดลง 1.29 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นกลุ่มเภสัชภัณฑ์ร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 4.29 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเภสัชภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะได้แรงหนุนในระหว่างวันจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์

    ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับตัวลง 4.29 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 6,200.12 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไร หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา

    หุ้นแอสทราเซเนกานำหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ในขณะที่หุ้นแองโกล อเมริกัน นำหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

    สำหรับ ข่าวความเคลื่อนไหวของบริษัทจดทะเบียน หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 1% หลังธนาคารระบุว่าจะขายทรัพย์ในเอเชียในวงเงินไม่ต่ำกว่า 4.4 พันล้านดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อหุ้นเหมือง,ธนาคาร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.3% ปิดที่ 332.87 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,312.63 จุด เพิ่มขึ้น 9.51 จุด หรือ +0.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,682.99 จุด เพิ่มขึ้น 60.73 จุด หรือ +0.63% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,200.12 จุด ลดลง 4.29 จุด หรือ -0.07%

    ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลี โดยหุ้นบังโค ป๊อปปูเลร์ และหุ้นยูบีไอ บังคา เอสพีเอ ทะยานขึ้นอย่างน้อย 7% หลังจากมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอิตาลีจะหารือกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ เพื่อจัดตั้งกองทุนสำหรับจัดการกับเงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1%

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานเมื่อวานนี้ว่า อัตราการลงทุนในภาคธุรกิจของยูโรโซนแตะระดับ 22.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 22% ในไตรมาสก่อนหน้า

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 20.55 จุด ก่อนบริษัทรายใหญ่เผยผลประกอบการ

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงอัลโค อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากในระหว่างวัน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,556.41 จุด ลดลง 20.55 จุด หรือ -0.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,833.40 จุด ลดลง 17.29 จุด หรือ -0.36% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,041.99 จุด ลดลง 5.61 จุด หรือ -0.27%

     ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 100 จุด ก่อนที่จะอ่อนแรงลงและปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการ โดยอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากที่ตลาดปิดทำการแล้ว ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงก์ ออฟ อเมริกา และซิตี้กรุ๊ป มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

    อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ หลังจากมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง

    หุ้นอัลโค อิงค์ ปิดลบ 0.4% ก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ

   หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพร่วงลง โดยหุ้นเอนโด อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 8% หุ้นอินซิส เทราพูติกส์ ดิ่งลง 19%

   หุ้นยาฮู พุ่งขึ้น 1.1% หลังจากมีรายงานว่า เดลี เมล แอนด์ เจนเนอรัล ทรัสต์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อรายใหญ่ของอังกฤษ กำลังเจรจากับบริษัทไพรเวทอิควิตี้หลายแห่ง เพื่อการเสนอซื้อธุรกิจข่าวและสื่อของยาฮู อิงค์

   หุ้นกลุ่มเหมืองทองคำดีดตัวขึ้นตามราคาทองคำในตลาดโลก โดยหุ้นคินรอสส์ โกลด์ คอร์ป และหุ้นแองโกลโกลด์ อาชาตี ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5%

   นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนนี้ ขณะที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มองว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้มีน้อยมาก เมื่อพิจารณาจากถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนมี.ค. ซึ่งต่างก็ส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้

   นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค., ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค., ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!