- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 18 March 2016 11:29
- Hits: 1580
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway อิงแดนบวกหลังราคาน้ำมันทะลุ 40 เหรียญฯฯ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway อิงทางบวก ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้น โดย WTI ได้ขึ้นมาทะลุ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว ซึ่งก็ถือว่าขึ้นมาได้สูงสุดในรอบปีนี้ด้วย อันเป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงินยังไม่ไหลออกและจะยังมีเม็ดเงินไหลเข้ามาด้วย
สังเกตุได้จาก SET แม้ว่าจะมีแรงขายของต่างชาติ 3 วันที่ผ่านมา แต่ก็เป็นเพราะมีโบรกเกอร์ต่างชาติได้ปรับลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นในกลุ่มแบงก์ ขณะที่ตลาด TFEX จะเห็นได้ว่าเมื่อวานนี้ได้มีการเปิดสถานะ Long ไว้มาก ซึ่งเป็นการสะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติยังไม่ออกไป
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ค่อนไปทางบวกราว 0.3-0.6% พร้อมให้แนวรับ 1,370 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,395 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,481.49 จุด พุ่งขึ้น 155.73 จุด (+0.90%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,774.98 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด (+0.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,040.59 จุด เพิ่มขึ้น 13.37 จุด (+0.66%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 52.63 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.69 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 95.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 12.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.94 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 มี.ค.59) 1,380.20 จุด เพิ่มขึ้น 2.40 จุด (+0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 894.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 มี.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 มี.ค.59) ปิดที่ 40.20 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.74 ดอลลาร์ หรือ 4.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 มี.ค.59) ที่ 6.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.78/80 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อ หากหลุดแนวรับมีโอกาสแตะ 34.50
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 22 มี.ค. อนุมัติวงเงินโครงการ ช่วยเหลือชุมชนระดับหมู่บ้านเพิ่มเติมอีก 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเร่งดูแลเศรษฐกิจฐานรากให้ทั่วถึงหมู่บ้านทั่วประเทศ
- กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จ่ายคืนหนี้รัฐได้แค่พันกว่าล้านบาทในงวดล่าสุด ทำให้ยอดเงินต้นหนี้เหลืออยู่ 9.91 แสนล้านบาท และยอดการชำระหนี้ภายใต้กฎหมายบริหารหนี้ไปแล้วเกือบ 3 แสนล้านบาท กว่าครึ่งเป็นการชำระดอกเบี้ย ส่วนการจ่ายคืนเงินต้น ส่วนใหญ่มาจากรายได้ขายสินทรัพย์ของกองทุนฯ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า นักลงทุนไทยนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ (ทีดีไอ) ทั้งการลงทุน โยกย้ายฐานการผลิต และลงทุนในหุ้น ของกิจการในต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 8,631 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.02 แสนล้านบาท (คิดที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ระดับ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นถึง 98.53% เทียบกับปี 2557 ที่มีการนำเงินไปลงทุนประมาณ 1.52 แสนล้านบาท
- 'สมคิด' ไขลาน 14 รัฐวิสาหกิจใหญ่เร่งลงทุน หลังที่ผ่านมายังไม่เข้าเป้า ย้ำเร่งสปีดทันทีหวังเม็ดเงินเข้าระบบช่วงครึ่งปีหลัง ชี้ตอนนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี ให้เน้นลงทุนในประเทศไปพลางๆ ก่อน จี้ ปตท. เดินหน้าคลังแอลเอ็นจี ส่วน ทอท.ให้ลงทุนขยายสนามบิน ตจว.เพิ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้
- LPH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 8.5 บาท ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016 ขึ้น 16% จาก GPM ในช่วง 2M16 ดีกว่าที่คาดไว้ โดยคาดรายได้ปี 2016-17 เติบโตเฉลี่ย 7%-9% จากการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางอีก 9 แห่งในปี 2017
- TOP (ไอร่า) เป้า 85 บาท โครงการโรงไฟฟ้า SPP 2 หน่วย กำลังการผลิตรวม 239 MW จะเริ่มจ่ายไฟได้ในช่วง 2Q/59 คาดทำกำไรเพิ่มเติมให้อย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความผันผวนจากธุรกิจโรงกลั่น, คาด 1Q/59 ยังคงโดดเด่น แม้ค่าการกลั่นดีเซลลดลง ค่าการกลั่นเบนซินยังสูงจากปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันต่ำ พร้อมคาดปี 59 กำไรสุทธิ 14,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% และจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีก
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 210 บาท สินเชื่อ ก.พ. +0.39% M-M ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อระยะสั้นในกลุ่มCorporate + SME ส่วนสินเชื่อรายย่อยชะลอในฤดูกาลคืนหนี้ต้นปี ทำให้สินเชื่อ 2 เดือนแรก +0.25% YTD ธนาคารยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้โต 6-7% NPL 3.5-3.6% ส่วนสถานการณ์คุณภาพหนี้ ธนาคารยังไม่สามารถให้ตัวเลขได้ แต่ยังคงมุมมองเดิมคือ NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแต่ในอัตราที่ชะลอลง และยังช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหา โดยรวมทิศทางที่บริหารจัดการได้ คาดกำไร 1Q16 น่าจะฟื้นเท่าตัว Q-Q
- AIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 34 บาท Backlog ดีขึ้นมาที่ 3 พันล้านบาท ยังไม่รวมที่รอใบสั่งซื้อและอยู่ระหว่างประมูลเกือบ 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3-6 เดือนก่อนที่อยู่ที่ 2.0-2.5 พันล้านบาท Data Center ในไทยคาดให้บริการต้นปี 60 ส่วนการร่วมทุนเคเบิลใต้น้ำจากย่างกุ้งมายังสตูลคาดแล้วเสร็จกลางปีหน้าทั้ง 2 โครงการจะทำให้มีรายได้ประจำเพิ่มขึ้น ลดการพึ่งพางานประมูลภาครัฐที่เริ่มมีการอนุมัติหลายโครงการ ปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 9.5% เป็นโต 17.7% Y-Y และให้ Dividend Yield 5% (@1.50 บาท XD 20 เม.ย.)
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่บวกเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมันดีดตัว
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 4.5% เมื่อคืนนี้ แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัวลงเพราะเงินเยนแข็งค่า
ดัชนี MSCI Asia Pacific เคลื่อนไหวเล็กน้อยแตะระดับ 128.72 ขุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,883.75 จุด ลดลง 52.63 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,915.52 จุด เพิ่มขึ้น 10.69 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,599.19 จุด เพิ่มขึ้น 95.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,747.05 จุด เพิ่มขึ้น 12.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,996.31 จุด เพิ่มขึ้น 8.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,888.75 จุด เพิ่มขึ้น 8.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,709.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้น 4.5% เมื่อคืนนี้ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะจัดการประชุมในเดือนหน้าเพื่อจำกัดการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาฟื้นตัวขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 25.63 จุด รับหุ้นเหมืองแร่พุ่ง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกุล่มเหมือง หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.63 จุด หรือ 0.42% แตะที่ระดับ 6,201.12 จุด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติ 9-1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 2 ครั้งในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 4 ครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ BoE ยังมีมติคงวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ผู้ผลิตพลาตินัมรายใหญ่ของอังกฤษพุ่งขึ้น 9.8% ในขณะที่หุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 8.4% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตันเพิ่มขึ้น 7.7% ถึงแม้ว่าบริษัทโนมูระจะปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบีเอชพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ก็ตาม
หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล โฮเท็ล กรุ๊ป ลดลง 1.6% หลังจากบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของโรงแรม
หุ้นแกลกโซสมิธไคลน์ เพิ่มขึ้น 1.72% หลังประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทระบุว่าเขามีแผนจะเกษียณงานหลังจากที่ดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 10 ปี
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 155.73 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง,ข้อมูลแรงงานสดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นมากกว่า 4% ซึ่งช่วยหนุนกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,481.49 จุด พุ่งขึ้น 155.73 จุด หรือ +0.90% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,774.98 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด หรือ +0.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,040.59 จุด เพิ่มขึ้น 13.37 จุด หรือ +0.66%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้น 4.5% เมื่อคืนนี้ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะจัดการประชุมในเดือนหน้าเพื่อจำกัดการผลิตน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาฟื้นตัวขึ้น
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ปรับขึ้น 2.6% หุ้นเอ็มเมอร์สัน อิเล็กทริก ทะยานขึ้น 6.4% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้นกว่า 6.6%
หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ปรับขึ้น 2.1% แม้ว่าบริษัทได้ปรับลดแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสแรก ขณะที่หุ้นเฟดเอ็กซ์ ทะยานขึ้นเกือบ 12% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ และหุ้นโบอิ้ง โค พุ่งขึ้น 2.5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 มี.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดากรณ์ไว้ที่ 268,000 ราย
ทั้งนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 54 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973
ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธ พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 2 ครั้งในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 4 ครั้ง โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกยังคงมีความเสี่ยง
นักลงทุนจับดูดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งรายงานโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้
อินโฟเควสท์