WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET22ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นขานรับผลเฟดดงดอกเบี้ยหนุนลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง

      นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย และมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่ได้ปิดประตูการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งยังมีความกังวลเศรษฐกิจโลก อีกทั้งเฟดได้ปรับลดการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลงเหลือ 0.8% ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปีนี้โอกาสในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง

   ทั้งนี้ ผลการประชุม FOMC ที่ออกมาทำให้มีแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯออกมา ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนลง และสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวสูงขึ้น

    หลังจากนี้คงปลอดข่าวที่จะมากดดันตลาดฯ แม้ว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ แต่คงไม่มีผลต่อตลาดมากนัก มองว่าถึงสิ้นเดือนนี้ตลาดฯคงไม่มีข่าวลบก็จะเข้าสู่การเทรดดิ้งได้อีกครั้ง

    พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,395 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,325.76 จุด เพิ่มขึ้น 74.23 จุด (+0.43%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,763.97 จุด เพิ่มขึ้น 35.30 จุด (+0.75%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,027.22 จุด เพิ่มขึ้น 11.29 จุด (+0.56%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 133.15 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 322.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 64.37 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 27.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.19 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 มี.ค.59) 1,377.80 จุด ลดลง 5.13 จุด (-0.37%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,330.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มี.ค.59

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 มี.ค.59) ปิดที่ 38.46 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 5.8%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 มี.ค.59) ที่ 6.45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 34.83 แข็งค่าในรอบ 7 เดือน หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

                - นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ยังฟื้นตัวได้น้อย หากในช่วงที่เหลือของปีเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว หรือขยายตัวได้ต่ำ โอกาสที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะโตได้ 3.5% คงจะเป็นไปได้ยาก แม้ว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเป็นโรคที่ดื้อยา

                - นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้หารือถึงคำสั่งศาลปกครองที่ให้ทุเลาการบังคับให้ซิมการ์ดโทรศัพทมือถือบนคลื่น 900 MHz กว่า 4 แสนเลขหมายของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ให้สามารถใช้บริการชั่วคราวไปอีก 30 วัน จากเดิมที่ซิมจะดับในวันที่ 15 มี.ค. โดยมีมติให้เอไอเอสใช้บริการคลื่นความถี่ในย่านความถี่ที่บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ชนะการประมูลไป

                - แบงก์ชาติระบุไม่มีแผนจะออกมาตรการคุมสินเชื่อ เพื่อดูแลปัญหาหนี้ต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ มั่นใจสถาบันการเงินทุกแห่งต่างระวังตัวและตั้งสำรองกันไว้ ย้ำยังไม่เห็นพัฒนาแสวงหากำไรในการลงทุนเสี่ยงส่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงินโดยรวม พร้อมจับมือหน่วยงานกำกับอื่นเฝ้าดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

                - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ ว่า ได้มอบหมายให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ไปช่วยคิดยุทธศาสตร์การพัฒนาเอ็กซิมแบงก์ เพื่อเพิ่มบทบาทของการขยายสาขาในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาiN และเวียดนาม หรือซีแอลเอ็มวี และในประเทศต่างๆ ที่ธนาคารพาณิชย์ยังเข้าไปไม่ถึง เพื่อเสริมบทบาทให้เอ็กซิมแบงก์ช่วย ผู้ส่งออกและนักลงทุนให้สามารถส่งออกสินค้า ทำการค้าการลงทุนได้

*หุ้นเด่นวันนี้

                - EPG (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 15.50 บาท สะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีในงวด 9 เดือนแรก และจะยังคงดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4Q59 (ม.ค.2559-มี.ค.2559) คาดกำไรสุทธิ เติบโตโดดเด่นเพิ่มขึ้น 156% YOY และคาดว่าทาง EPG อาจจะมีการจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีหลังอีก 30% ของกำไรสุทธิ หรือประมาณ 0.09 บาท คิดเป็น dividend yield 0.7%

                - SNC (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 20 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 จะโต 65% QoQ เป็น 150 ล้านบาท จาก High season ของยอดขายเครื่องปรับอากาศ (SNC เป็น OEM เครื่องปรับอากาศและผลิตชิ้นส่วนฯ) และธีม El Nino ที่ส่งผลให้อากาศร้อนในเอเชียขณะนี้ (ลูกค้าหลักอยู่ในตะวันออกกลางและเอเชีย) พร้อมประเมินกำไรปีนี้ 450 ล้านบาท (+10% YoY) โดยเป็นสมมติฐานที่อนุรักษ์นิยม คือยอดขายเติบโต 10% YoY และอัตรากำไรสุทธิ 5% PE คิดเป็นเพียง 9.2 เท่า (Consensus ทำกำไรสูงกว่านี้)

                - IRPC (โกลเบล็ก) "ซื้อเมื่อย่อตัว" มีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการ โดยคาดปี 59 มีกำไรปกติราว 9,094 ล้านบาท +83%YoY เนื่องจากราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับต่ำ และการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ UHV จะช่วยหนุนกำไรปกติเพิ่มเติม ด้านโครงการ UHV จะเปลี่ยนน้ำมันเตาเป็นโพรพิลีนที่สร้างกำไรได้ดีกว่า แต่บริษัทจะได้ประโยชน์ไม่มากนักเพราะจะมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นช่วงเดือน พ.ย. เป็นเวลา 1 เดือน แต่ปี 60 ซึ่งเป็นปีที่โครงการ UHV เริ่มการผลิตเต็มปีและไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่จะช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อีกราว 1 พันล้านบาทเป็นอย่างน้อย

                - PTTEP (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 94 บาท คาดราคาหุ้นจะมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในวันนี้หลังราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนพุ่งขึ้นแรง 5.8% หรือ 2.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดที่ 38.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดและยังได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง บวกกับค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าลงหลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25-0.50% และประกาศลดคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่า PTTEP จะมีแนวโน้มกำไรดีขึ้นจากโครงสร้างต้นทุนที่ลดลง จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรต่อหุ้น 8.8-14.6% ในปี FY14-18

ตลาดหุ้นเอเชียพุ่งขึ้นเช้านี้ ขานรับผลประชุมเฟด

            ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นในช้วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และได้ลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลงเหลือเพียง 2 ครั้ง

                ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 1.1% สู่ระดับ 127.54 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,107.60 จุด เพิ่มขึ้น 133.15 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,875.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,580.06 จุด เพิ่มขึ้น 322.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,763.51 จุด เพิ่มขึ้น 64.37 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,984.69 จุด เพิ่มขึ้น 9.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,872.13 จุด เพิ่มขึ้น 27.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,696.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.19 จุด

                ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติ 9-1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

                ขณะเดียวกัน คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 2 ครั้งในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 4 ครั้ง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 35.52 จุด หลังหุ้นพลังงานพุ่ง

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นกว่า 4%

                ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 35.52 จุด หรือ 0.58% ที่ระดับ 6,175.49 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน หลังสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวก 1.59 ดอลลาร์ หรือ 4.1% แตะที่ระดับ 40.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

                หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับอานิสงส์จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี และหุ้นแอชทีด กรุ๊ป ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 2%

                หุ้น Moneysupermarket.com Group ลดลง 4.5% หลังจากผู้ก่อตั้งบริษัทขายหุ้นที่ถือครอง ส่วนหุ้นสมิธส์ กรุ๊ป ลดลง 4.6% หลังเปิดเผยการปรับตัวลดลงของกำไรจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรก

                นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยผลการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยผลการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.04% ปิดที่ 341.00 จุด

                ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,983.41 จุด เพิ่มขึ้น 49.56 จุด หรือ +0.50% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,463.00 จุด ลดลง 9.63 จุด หรือ -0.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,175.49 จุด เพิ่มขึ้น 35.52 จุด หรือ +0.58%

                หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัดขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้  ทั้งนี้ หุ้นกัลพ์ เอสจีพีเอส พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นปิโตรแฟค ปรับขึ้น 2%

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นริโอทินโต ปรับขึ้น 1.1% แต่หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 2%

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของเฟด โดยคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยผลการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 74.23 จุด รับเฟดหั่นคาดการณ์ขึ้นดบ.ปีนี้

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และได้ลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลงเหลือเพียง 2 ครั้ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 5%

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,325.76 จุด เพิ่มขึ้น 74.23 จุด หรือ +0.43% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,763.97 จุด เพิ่มขึ้น 35.30 จุด หรือ +0.75% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,027.22 จุด เพิ่มขึ้น 11.29 จุด หรือ +0.56%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น โดยได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติ 9-1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

                ขณะเดียวกัน คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 2 ครั้งในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 4 ครั้ง โดยการลดคาดการณ์จำนวนครั้งของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ บ่งชี้ว่าเฟดมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการขยายตัวที่อ่อนแอในต่างประเทศ และตลาดการเงินที่ผันผวน

                นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสำหรับปี 2016-2018 โดยได้ปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลง 0.50% สู่ระดับ 0.88% ส่วนในปี 2017 ได้ปรับลดลง 0.50% สู่ระดับ 1.88% ขณะที่ปี 2018 ปรับลดลง 0.38% สู่ระดับ 3.00% ส่วนอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวมีการปรับลดลง 0.25% สู่ระดับ 3.25%

                หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 5.8% ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล

                ทั้งนี้ หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 10.3% หุ้นอัลโค อิงค์ ปรับขึ้น 6.3% หุ้นเชฟรอนดีดตัวขึ้น 1.2% ส่วนหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 8.8%

                หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ และหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ซึ่งต่างก็ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1.3% ขณะที่หุ้นออราเคิลทะยานขึ้น 13% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน

                นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนมี.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดุลบัญชีเดินสะพัดช่วงไตรมาส 4/2558 และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ.จาก Conference Board

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!