WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET5ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดทั่วโลก-คาดเจอ take profit ก่อน ECB

    นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงรับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาไม่ดี โดยตัวเลขส่งออก-นำเข้าหดตัว แม้ว่าเมื่อวานนี้ในช่วงบ่ายตลาดบ้านเราจะตอบรับไประดับหนึ่งแล้ว แต่ตลาดยุโรปเปิดเทรดในช่วงบ่ายวานนี้ยังติดลบ เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐเมื่อคืนนี้อันเป็นผลจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีนเช่นกัน รวมทั้งตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็อยู่ในแดนลบกันถ้วนหน้า

     นอกจากนี้ ยังมองว่าตลาดฯน่าจะรับแรง take profit ล่วงหน้าก่อนที่จะถึงวันประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เพราะคาดเดากันแล้วว่าอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้น และขยายวงเงิน QE ทำให้ตลาดฯเล่นในประเด็นดังกล่าวมามากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้

                อีกทั้ง ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.หลายตลาดในเอเชียปรับตัวขึ้นมาราว 10-12% โดยเฉลี่ย ตลาดบ้านเราก็ขึ้นมาจากระดับ 1,220 จุดในเดือน ม.ค.หรือปรับขึ้นมาจนถึงปัจจุบันประมาณ 13% แล้ว ขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าตลาดฯเป็น Bull Market แล้วหรือไม่ แต่ทาง BLS มองว่ายังเป็น Bear Market เนื่องจากยังไม่เห็นการปรับตัวดีขึ้นในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกของไทยยังหดตัว ขณะที่ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดทั่วโลก

พร้อมให้แนวรับ 1,368-1,365 ถัดไป 1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,391 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด (-0.64%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด (-1.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด (-1.12%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 157.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 61.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 112.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 15.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.87 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.55 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มี.ค.59) 1,374.62 จุด ลดลง 21.13 จุด (-1.51%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 623.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 มี.ค.59) ปิดที่ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มี.ค.59) ที่ 6.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.37 แนวโน้มแข็งค่าสวนทางภูมิภาคจากเงินทุนไหลเข้า มองกรอบ 35.30-35.45

                - นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีความเสี่ยงมากกว่าที่ประเมินไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยบทบาทหลักยังอยู่ที่นโยบายการคลัง โดยเฉพาะการลงทุนโครงการภาครัฐที่จะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ

                - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2558 ที่ให้จัดทำโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยใช้งบกลางปี 2559 จำนวน 233 ล้านบาท และเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) มาเป็นรัฐลงทุนทั้งหมด เนื่องจากพื้นที่ที่คัดเลือก คือ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ทำให้ไม่มีเอกชนรายใดกล้าเข้ามาร่วมลงทุน

                - ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติอนุมัติการจัดทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 ซึ่งตามปฏิทินจะต้องเสนอหลักเกณฑ์ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อเสนอร่างกฎหมายให้ ครม.พิจารณา อนมัติก่อนเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาภายในวันที่ 10 พ.ค.และ 26 พ.ค.59 ตามลำดับ

                - นายแบงก์หวั่นเศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตามคาด เหตุผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น ชี้แนวโน้ม GDP ไทยปีนี้อาจเติบโตในทิศทางขาลง 2.5% กดดันธนาคารวางมาตรการเข้มป้องกัน NPL พุ่ง ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.6% จากรัฐกระตุ้นลงทุน ขณะอัตราการเติบโตของบจ. 640 แห่งเฉลี่ย 8% ใกล้เคียงตลาดหุ้นโลกที่ 8.5%

*หุ้นเด่นวันนี้

                - AAV, BA, EPG, TASCO (ซีไอเอ็มบี)"ซื้อเก็งกำไร"รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับลดลงแรง 1.4 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -3.69% มาปิดที่ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรลวานนี้ หลังจีนเปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ. ออกมา -25% ลดลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบในฐานะเป็นผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 2 ของโลก

                - CK (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 33.50 บาท มองในเชิงบวกผลงานปี 59 ได้แรงหนุนหลักจากงานเพิ่มเติมโครงการไซยะบุรีเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และคาดจะมีงานภาครัฐออกประมูลมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาทเป็นตัวผลักดันสำคัญให้ Backlog เติบโตสูงขึ้น คาดการณ์สุวรรณภูมิ เฟส 2 มูลค่า 15,500 ล้านบาทจะเปิดประมูลในเดือน มี.ค.-เม.ย.คาดรายได้รวมปีนี้ที่ 38,000 ล้านบาท (+10% YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อยที่ 9% ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีที่ 1,237 ล้านบาท อีกทั้งยังมีจุดเด่นด้านโครงสร้างกลุ่มธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีลักษณะธุรกิจเกื้อกูลกัน

                - BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท แม้ราคาถ่านหิน US$50.38/ตัน แต่โอกาสในการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์มีน้อยเพราะต้นทุนเหมืองต่ำ คงกำไรปีนี้ที่ 1.01 พันล้านบาท ฟื้นจากขาดทุน 1.53 พันล้านบาทปีก่อน กำไรโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังโรงไฟฟ้าหงสา (BANPU ถือ 40%) ผลิตครบทั้ง 1,878MW ตั้งแต่ต้น มี.ค.,การขาย IPO บมจ.บ้านปูพาวเวอร์ (BPP) ใน 2H16 (pre-emptive right 12 BANPU : 1 BPP) ช่วยลดหนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,200MW ในจีนจะเริ่มผลิตปลายปีหน้า BANPU มี PBV เพียง 0.7 เท่า

                - LPH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.20 บาท ปรับกำไรปี 2016-18 เพิ่ม 6-13% จากแนวโน้ม margin ที่ดีขึ้นจากการทยอยเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทาง 9 ด้าน (ตา กระดูก สมอง ทางเดินอาหาร ความงาม หัวใจ เด็ก สูตินรีเวช และทันตกรรม) โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ +68.7% Y-Y ปี 2017 +20% Y-Y

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังราคาน้ำมันร่วง, ยอดส่งออกจีนดิ่ง

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากราคาน้ำมัน WTI ตลาดนิวยอร์กที่ร่วงลง 3.7% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากตลาดเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

                ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วง 0.6% สู่ระดับ 124.82 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,625.59 จุด ลดลง 157.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,839.41 จุด ลดลง 61.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,898.74 จุด ลดลง 112.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,649.10 จุด ลดลง 15.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,940.55 จุด ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,783.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,681.31 จุด ลดลง 6.55 จุด

                ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นเหมืองร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 56.96 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เช่นเดียวกับทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ร่วงลงอย่างหนัก

                ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 56.96 จุด หรือ 0.92% ที่ 6,125.44 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นบีเอชพี บิลลิตันต่างก็ร่วงลงมากกว่า 8.5%

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน

                ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน

                หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าหรูหรา เพิ่มขึ้น 6.6% หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า บริษัทกำลังมองหาวิธีในการต่อต้านข้อเสนอซื้อที่เป็นไปได้สำหรับกิจการของบริษัท

                หุ้นเทสโก้เพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากบริษัท คันทาร์ เวิลด์พาเนล รายงานว่า ร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของอังกฤษมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์ที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.พ.

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุราคาน้ำมันร่วงฉุดหุ้นพลังงาน

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 337.48 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันที่ 4,404.02 จุด ลดลง 38.27 จุด หรือ -0.86% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,692.82 จุด ลดลง 86.11 จุด หรือ -0.88% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,125.44 จุด ลดลง 56.96 จุด หรือ -0.92%

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงด้วย โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 7.5% หุ้นเรพซอล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของสเปน ดิ่งลง 2.9% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 8.5% หุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 15% และหุ้นอาร์เซลอร์ มิททัล ปรับตัวลง 8%

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน

                ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน

                นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมเดือนนี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 109.85 จุด วิตกน้ำมันร่วง,ศก.จีนซบเซา

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลง 3.7% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงกว่า 20% ในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด หรือ -0.64% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด หรือ -1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด หรือ -1.12%

                ดัชนี ดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากราคาน้ำมัน WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 3.7% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีก

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน

                ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน

                มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนเมื่อวานนี้ว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะเป็นปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเสรษฐกิจในกลุ่ม G20 ลง 0.3% สู่ระดับ 1.8% ในปีนี้

                หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นอาปาเช่ คอร์ป และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 9.5% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 12% หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 7.1%

                หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.5% หุ้นโคเมริกา อิงค์ ปรับตัวลง 4.1%

                หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.8% หลังจากสมาคมผู้ค้ารถยนต์ของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมในตลาดจีนปรับตัวลง 3.7% ในเดือนก.พ.

                นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวลง โดยหุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 1.2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี และหุ้นสกายวอล์ค โซลูชันส์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 4.1%

                นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนม.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนก.พ. และราคาส่งออกและนำเข้าเดือนก.พ.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 มี.ค.2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,964.10 จุด                         ลดลง 109.85 จุด      -0.64%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,648.82 จุด                      ลดลง 59.43 จุด       -1.26%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,979.26 จุด                       ลดลง 22.50 จุด       -1.12%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,125.44 จุด                    ลดลง 56.96 จุด       -0.92%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,692.82 จุด                            ลดลง 86.11 จุด       -0.88%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,404.02 จุด                        ลดลง 38.27 จุด       -0.86%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,169.50 จุด      ลดลง 35.20 จุด       -0.68%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,108.00 จุด            ลดลง 34.80 จุด       -0.68%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,664.31 จุด                           เพิ่มขึ้น 4.76 จุด       +0.05%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,783.15 จุด                     ลดลง 128.17 จุด      -0.76%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,946.12 จุด                         ลดลง 11.75 จุด       -0.60%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,901.39 จุด                     เพิ่มขึ้น 4.05 จุด       +0.14%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,915.51 จุด             เพิ่มขึ้น 22.82 จุด      +0.33%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,011.58 จุด                              ลดลง 148.14 จุด      -0.73%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,811.04 จุด      ลดลง 20.54 จุด       -0.43%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,778.77 จุด                       ลดลง 44.74 จุด       -1.58%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,687.86 จุด                      ลดลง 10.07 จุด       -0.59%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 24,659.23 จุด                        เพิ่มขึ้น 12.75 จุด      +0.05%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลง 3.7% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงกว่า 20% ในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด หรือ -0.64% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด หรือ -1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด หรือ -1.12%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 337.48 จุด

         ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันที่ 4,404.02 จุด ลดลง 38.27 จุด หรือ -0.86% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,692.82 จุด ลดลง 86.11 จุด หรือ -0.88% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,125.44 จุด ลดลง 56.96 จุด หรือ -0.92%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เช่นเดียวกับทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ร่วงลงอย่างหนัก

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 56.96 จุด หรือ 0.92% ที่ 6,125.44 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอ

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7% แตะที่ระดับ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.9% แตะที่ระดับ 39.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีนยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำเป็นไปอย่างซบเซา

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% แตะที่ระดับ 1,262.90 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลง 24.3 เซนต์ หรือ 1.55% แตะที่ 15.39 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 12.6 ดอลลาร์ หรือ 1.26% แตะที่ 989.40 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดลดลง 10.75 ดอลลาร์ แตะที่ 565.85 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินเยนเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากข้อมูลการค้าจีนที่อ่อนแอได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1007 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1012 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4214 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4261 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 112.57 เยน จาก 113.28 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9963 ฟรังก์ จาก 0.9952 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7445 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7470 ดอลลาร์

      ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 366.00 จุด เพิ่มขึ้น 12.00 จุด, +3.39%

                อินโฟเควสท์

 
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดทั่วโลก-คาดเจอ take profit ก่อน ECB
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงรับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาไม่ดี โดยตัวเลขส่งออก-นำเข้าหดตัว แม้ว่าเมื่อวานนี้ในช่วงบ่ายตลาดบ้านเราจะตอบรับไประดับหนึ่งแล้ว แต่ตลาดยุโรปเปิดเทรดในช่วงบ่ายวานนี้ยังติดลบ เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐเมื่อคืนนี้อันเป็นผลจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีนเช่นกัน รวมทั้งตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็อยู่ในแดนลบกันถ้วนหน้า
นอกจากนี้ ยังมองว่าตลาดฯน่าจะรับแรง take profit ล่วงหน้าก่อนที่จะถึงวันประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เพราะคาดเดากันแล้วว่าอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้น และขยายวงเงิน QE ทำให้ตลาดฯเล่นในประเด็นดังกล่าวมามากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้
อีกทั้ง ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.หลายตลาดในเอเชียปรับตัวขึ้นมาราว 10-12% โดยเฉลี่ย ตลาดบ้านเราก็ขึ้นมาจากระดับ 1,220 จุดในเดือน ม.ค.หรือปรับขึ้นมาจนถึงปัจจุบันประมาณ 13% แล้ว ขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าตลาดฯเป็น Bull Market แล้วหรือไม่ แต่ทาง BLS มองว่ายังเป็น Bear Market เนื่องจากยังไม่เห็นการปรับตัวดีขึ้นในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งออกของไทยยังหดตัว ขณะที่ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดทั่วโลก
พร้อมให้แนวรับ 1,368-1,365 ถัดไป 1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,391 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด (-0.64%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด (-1.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด (-1.12%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 157.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 61.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 112.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 15.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.87 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.55 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มี.ค.59) 1,374.62 จุด ลดลง 21.13 จุด (-1.51%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 623.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 มี.ค.59) ปิดที่ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มี.ค.59) ที่ 6.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.37 แนวโน้มแข็งค่าสวนทางภูมิภาคจากเงินทุนไหลเข้า มองกรอบ 35.30-35.45
- นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีความเสี่ยงมากกว่าที่ประเมินไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยบทบาทหลักยังอยู่ที่นโยบายการคลัง โดยเฉพาะการลงทุนโครงการภาครัฐที่จะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2558 ที่ให้จัดทำโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ โดยใช้งบกลางปี 2559 จำนวน 233 ล้านบาท และเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) มาเป็นรัฐลงทุนทั้งหมด เนื่องจากพื้นที่ที่คัดเลือก คือ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ทำให้ไม่มีเอกชนรายใดกล้าเข้ามาร่วมลงทุน
- ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติอนุมัติการจัดทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 ซึ่งตามปฏิทินจะต้องเสนอหลักเกณฑ์ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อเสนอร่างกฎหมายให้ ครม.พิจารณา อนมัติก่อนเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาภายในวันที่ 10 พ.ค.และ 26 พ.ค.59 ตามลำดับ
- นายแบงก์หวั่นเศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตามคาด เหตุผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น ชี้แนวโน้ม GDP ไทยปีนี้อาจเติบโตในทิศทางขาลง 2.5% กดดันธนาคารวางมาตรการเข้มป้องกัน NPL พุ่ง ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.6% จากรัฐกระตุ้นลงทุน ขณะอัตราการเติบโตของบจ. 640 แห่งเฉลี่ย 8% ใกล้เคียงตลาดหุ้นโลกที่ 8.5%
*หุ้นเด่นวันนี้
- AAV, BA, EPG, TASCO (ซีไอเอ็มบี)"ซื้อเก็งกำไร"รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับลดลงแรง 1.4 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -3.69% มาปิดที่ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรลวานนี้ หลังจีนเปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ. ออกมา -25% ลดลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบในฐานะเป็นผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 2 ของโลก
- CK (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 33.50 บาท มองในเชิงบวกผลงานปี 59 ได้แรงหนุนหลักจากงานเพิ่มเติมโครงการไซยะบุรีเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และคาดจะมีงานภาครัฐออกประมูลมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาทเป็นตัวผลักดันสำคัญให้ Backlog เติบโตสูงขึ้น คาดการณ์สุวรรณภูมิ เฟส 2 มูลค่า 15,500 ล้านบาทจะเปิดประมูลในเดือน มี.ค.-เม.ย.คาดรายได้รวมปีนี้ที่ 38,000 ล้านบาท (+10% YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นกว่าปีก่อนเล็กน้อยที่ 9% ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีที่ 1,237 ล้านบาท อีกทั้งยังมีจุดเด่นด้านโครงสร้างกลุ่มธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีลักษณะธุรกิจเกื้อกูลกัน
- BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท แม้ราคาถ่านหิน US$50.38/ตัน แต่โอกาสในการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์มีน้อยเพราะต้นทุนเหมืองต่ำ คงกำไรปีนี้ที่ 1.01 พันล้านบาท ฟื้นจากขาดทุน 1.53 พันล้านบาทปีก่อน กำไรโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังโรงไฟฟ้าหงสา (BANPU ถือ 40%) ผลิตครบทั้ง 1,878MW ตั้งแต่ต้น มี.ค.,การขาย IPO บมจ.บ้านปูพาวเวอร์ (BPP) ใน 2H16 (pre-emptive right 12 BANPU : 1 BPP) ช่วยลดหนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,200MW ในจีนจะเริ่มผลิตปลายปีหน้า BANPU มี PBV เพียง 0.7 เท่า
- LPH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.20 บาท ปรับกำไรปี 2016-18 เพิ่ม 6-13% จากแนวโน้ม margin ที่ดีขึ้นจากการทยอยเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทาง 9 ด้าน (ตา กระดูก สมอง ทางเดินอาหาร ความงาม หัวใจ เด็ก สูตินรีเวช และทันตกรรม) โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ +68.7% Y-Y ปี 2017 +20% Y-Y
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังราคาน้ำมันร่วง, ยอดส่งออกจีนดิ่ง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากราคาน้ำมัน WTI ตลาดนิวยอร์กที่ร่วงลง 3.7% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากตลาดเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วง 0.6% สู่ระดับ 124.82 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,625.59 จุด ลดลง 157.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,839.41 จุด ลดลง 61.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,898.74 จุด ลดลง 112.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,649.10 จุด ลดลง 15.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,940.55 จุด ลดลง 5.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,783.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,681.31 จุด ลดลง 6.55 จุด
ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นเหมืองร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 56.96 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เช่นเดียวกับทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ร่วงลงอย่างหนัก
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 56.96 จุด หรือ 0.92% ที่ 6,125.44 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นบีเอชพี บิลลิตันต่างก็ร่วงลงมากกว่า 8.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน
ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน
หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าหรูหรา เพิ่มขึ้น 6.6% หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า บริษัทกำลังมองหาวิธีในการต่อต้านข้อเสนอซื้อที่เป็นไปได้สำหรับกิจการของบริษัท
หุ้นเทสโก้เพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากบริษัท คันทาร์ เวิลด์พาเนล รายงานว่า ร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของอังกฤษมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์ที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.พ.
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุราคาน้ำมันร่วงฉุดหุ้นพลังงาน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 337.48 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันที่ 4,404.02 จุด ลดลง 38.27 จุด หรือ -0.86% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,692.82 จุด ลดลง 86.11 จุด หรือ -0.88% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,125.44 จุด ลดลง 56.96 จุด หรือ -0.92%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงด้วย โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 7.5% หุ้นเรพซอล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของสเปน ดิ่งลง 2.9% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 8.5% หุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 15% และหุ้นอาร์เซลอร์ มิททัล ปรับตัวลง 8%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน
ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมเดือนนี้
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 109.85 จุด วิตกน้ำมันร่วง,ศก.จีนซบเซา
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลง 3.7% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงกว่า 20% ในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด หรือ -0.64% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด หรือ -1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด หรือ -1.12%
ดัชนี ดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากราคาน้ำมัน WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลง 3.7% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ. ร่วงลง 20.6% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.218 แสนล้านหยวน (1.263 แสนล้านดอลลาร์) ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 8% สู่ระดับ 6.123 แสนล้านหยวน
ส่วนยอดเกินดุลการค้าต่างประเทศเดือนก.พ.ของจีน ร่วงลง 43.3% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน จากเดือนม.ค.ที่ระดับ 4.063 แสนล้านหยวน
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนเมื่อวานนี้ว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะเป็นปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเสรษฐกิจในกลุ่ม G20 ลง 0.3% สู่ระดับ 1.8% ในปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นอาปาเช่ คอร์ป และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 9.5% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 12% หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 7.1%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.5% หุ้นโคเมริกา อิงค์ ปรับตัวลง 4.1%
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.8% หลังจากสมาคมผู้ค้ารถยนต์ของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมในตลาดจีนปรับตัวลง 3.7% ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวลง โดยหุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 1.2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี และหุ้นสกายวอล์ค โซลูชันส์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 4.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนม.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนก.พ. และราคาส่งออกและนำเข้าเดือนก.พ.
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
 
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 มี.ค.2559
          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,964.10 จุด                         ลดลง 109.85 จุด      -0.64%
          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,648.82 จุด                      ลดลง 59.43 จุด       -1.26%
          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,979.26 จุด                       ลดลง 22.50 จุด       -1.12%
          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,125.44 จุด                    ลดลง 56.96 จุด       -0.92%
          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,692.82 จุด                            ลดลง 86.11 จุด       -0.88%
          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,404.02 จุด                        ลดลง 38.27 จุด       -0.86%
          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,169.50 จุด      ลดลง 35.20 จุด       -0.68%
          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,108.00 จุด            ลดลง 34.80 จุด       -0.68%
          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,664.31 จุด                           เพิ่มขึ้น 4.76 จุด       +0.05%
          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,783.15 จุด                     ลดลง 128.17 จุด      -0.76%
          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,946.12 จุด                         ลดลง 11.75 จุด       -0.60%
          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,901.39 จุด                     เพิ่มขึ้น 4.05 จุด       +0.14%
          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,915.51 จุด             เพิ่มขึ้น 22.82 จุด      +0.33%
          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,011.58 จุด                              ลดลง 148.14 จุด      -0.73%
          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,811.04 จุด      ลดลง 20.54 จุด       -0.43%
          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,778.77 จุด                       ลดลง 44.74 จุด       -1.58%
          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,687.86 จุด                      ลดลง 10.07 จุด       -0.59%
          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 24,659.23 จุด                        เพิ่มขึ้น 12.75 จุด      +0.05%
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลง 3.7% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงกว่า 20% ในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,964.10 จุด ร่วงลง 109.85 จุด หรือ -0.64% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,648.82 จุด ลดลง 59.43 จุด หรือ -1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,979.26 จุด ลดลง 22.50 จุด หรือ -1.12%
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.พ. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 337.48 จุด
         ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันที่ 4,404.02 จุด ลดลง 38.27 จุด หรือ -0.86% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,692.82 จุด ลดลง 86.11 จุด หรือ -0.88% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,125.44 จุด ลดลง 56.96 จุด หรือ -0.92%
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เช่นเดียวกับทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ร่วงลงอย่างหนัก
          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 56.96 จุด หรือ 0.92% ที่ 6,125.44 จุด
 
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอ
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7% แตะที่ระดับ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.9% แตะที่ระดับ 39.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
 
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีนยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำเป็นไปอย่างซบเซา
          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% แตะที่ระดับ 1,262.90 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลง 24.3 เซนต์ หรือ 1.55% แตะที่ 15.39 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 12.6 ดอลลาร์ หรือ 1.26% แตะที่ 989.40 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดลดลง 10.75 ดอลลาร์ แตะที่ 565.85 ดอลลาร์/ออนซ์
 
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินเยนเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากข้อมูลการค้าจีนที่อ่อนแอได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย
          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1007 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1012 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4214 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4261 ดอลลาร์สหรัฐ
          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 112.57 เยน จาก 113.28 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9963 ฟรังก์ จาก 0.9952 ฟรังก์
          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7445 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7470 ดอลลาร์
      ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 366.00 จุด เพิ่มขึ้น 12.00 จุด, +3.39%
อินโฟเควสท์ 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!