WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET5 copyภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับฐานกังวลเศรษฐกิจในประเทศแผ่ว แต่เก็งปันผลช่วยหนุน

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานแต่ก็ไม่มาก เนื่องจากยังมีเรื่องการจ่ายปันผลเข้ามาช่วยรับความเสี่ยงขาลงของการขายได้บ้าง ทั้งนี้คาดว่าจะเป็นผลจากความกังวลเศรษฐกิจในประเทศที่แผ่วลง โดยการส่งออกไม่ดีอยู่แล้ว การบริโภคก็ยังอ่อนลงอีก และการใช้จ่ายของภาครัฐฯก็ดูเหมือนว่าจะมีสัญญาณแผ่วลงด้วย

    อีกทั้ง วันนี้จะเริ่มมีการทยอยประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศ ซึ่งก็มีทิศทางที่ไม่ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ดี วานนี้ทางจีนได้ปรับลดการสำรองของภาคธนาคาร ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ปรับตัวขึ้น ช่วยให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นด้วย ดังนั้นหุ้นในกลุ่มพลังงานก็น่าจะได้แรงหนุนบ้าง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

พร้อมให้แนวรับ 1,320-1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,516.50 จุด ร่วงลง 123.47 จุด (-0.74%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,557.95 จุด ลดลง 32.52 จุด (-0.71%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,932.23 จุด ลดลง 15.82 จุด (-0.81%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 13.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 148.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 29.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.67 จุด

ด้านตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันอิสรภาพ

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ก.พ.59) 1,332.37 จุด ลดลง 10.70 จุด (-0.80%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 138.15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.พ.59

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ก.พ.59) ปิดที่ 33.75 ดอลลาร์/บาร์เรล บวก 97 เซนต์ หรือ 3%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ก.พ.59) ที่ 7.17 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.63 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังจีนปรับค่าเงินหยวน คาดวันนี้แกว่งในกรอบ 35.55-35.70

                - กระทรวงการคลัง เผยผลการดำเนินกิจกรรมกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) ณ วันที่ 30 ก.ย. 2558 การดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐที่มีการแยกบัญชี (พีเอสเอ) มียอดสินเชื่อคงค้างจำนวน 7.89 แสนล้านบาท ลดลง 13.69% จากไตรมาสก่อนหน้า ในจำนวนนี้กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 1.04 หมื่นล้านบาท

                - ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สิ้นเดือน มี.ค.นี้ ธปท.จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโตได้ 3.5% และการส่งออกเติบโต 0%

                - คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมทีวีดิจิทัลในปีนี้ ฟองสบู่ในด้านของบุคลากรได้แตกไปเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการใช้เงินจำนวนมาก เพื่อซื้อตัวบุคลากรเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่อง แต่เมื่อสถานการณ์ทีวีดิจิทัล ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง จึงทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล เริ่มปรับโครงสร้างองค์กร คัดเหลือแต่ตัวจริงเข้าร่วมงาน เพื่อความคล่องตัวใน การดำเนินธุรกิจ

                - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือน ม.ค. 2559 มีอัตราหดตัวลง 3.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 ถือว่ามีการหดตัวต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ประเทศคู่ค้าหลักของไทยมีเศรษฐกิจชะลอลง ทั้งประเทศจีน และภูมิภาคอาเซียน ที่ต่างพึ่งพาการส่งออกเช่นเดียวกับไทย และ ผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ทำให้มูลค่าโดยรวมของสินค้าลดลงแทบทุกประเภท

                - นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น (Local Investment) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น และยกระดับแหล่งการท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้มีคุณภาพมากขึ้น แต่ต้องขอรับบีโอไอในปี 2559 และเริ่มผลิตได้ในปี 2560

                - คณะกรรมการพีพีพีไฟเขียว รฟม. เดินหน้ารถไฟฟ้าโมโนเรล 2 สาย สีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ชี้โครงการแรกใช้ระบบพีพีพี ฟาสต์แทร็ก เปิดเอกชนลงทุน 30 ปี เสนอ ครม. มี.ค. ประมูล มิ.ย. เปิดบริการปี'63 พร้อมแก้ประกาศวงเงินลงทุน 1-5 พันล้านบาท ไม่ต้องเข้ากระบวนการพีพีพี หนุนโซลาร์ฟาร์ม โรงงานขยะ

*หุ้นเด่นวันนี้

                - CI (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดได้ประโยชน์จากการตั้งกอง REIT ศรีพันวามูลค่า 1.4 พันล้านบาท และมีรายได้และกำไรโตก้าวกระโดดในไตรมาส 4/58 และไตรมาส 1/59 รวมไปถึงทั้งปี 59 จากการโอนคอนโดและบ้านเดี่ยวตามนโยบายกระตุ้นการโอนของรัฐบาลในปีนี้

                - CK (ยูโอบี เคย์เฮียน) แนะนำ"สะสม"รับ Mega projects ทั้งรางคู่และรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปี 59, การควบรวม BMCL & BECL, นอกจากนั้นยังมีโครงการของบริษัทลูก เช่น CKP โครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในลาว 1.7 หมื่นล้านบาท คาดเซ็นสัญญา Q1/59, Q3 & Q4 ของปี 58 sale & earnings ไม่ค่อยดี แต่โครงการ mega projects จะชัดเจนมากขึ้นปีนี้ทั้งการประมูลและการก่อสร้างจริง

                - CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 60 บาท กำไรดีกว่าคาด +19% Q-Q, +54.5% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าคาด ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี +34% Y-Y โดยคาดกำไรปีนี้โตชะลอ +14.8% Y-Y จากฐานสูงแต่ดีกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มเพราะสินค้าของ 7-11 ถูกกระทบจำกัดจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ CPALL ลดอัตราการจ่ายปันผลลงเหลือ 59% ของกำไร จากในอดีตที่ 70-75% เพื่อให้อัตราส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ในเกณฑ์ที่เจ้าหนี้ตามกำหนด

                - BEAUTY (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 6.10 บาท กำไรสุทธิ 4Q15 เท่ากับ 131 ล้านบาท (+25%yoy , +29%qoq) ซึ่งดีกว่าที่คาด พร้อมคาดว่าปี 2559 มูลค่าตลาดเครื่องสำอางของไทยจะยังเติบโตได้กว่า 10-15%yoy นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเร่งมาจาก 1) การรุกไปยัง AEC และต่างประเทศมากขึ้นและ 2) การเติบโตที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

                - BDMS (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 25.50 บาท รายงานกำไรใน 4Q15 ดีกว่าคาด จาก EBITDA Margin ที่ดีกว่าคาด แต่รายได้เป็นไปตามคาด พร้อมปรับราคาประมาณการกำไรขึ้น 2-3% จากการปรับสมมติฐาน EBITDA Margin เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ SG&A ต่อรายได้เพิ่มขึ้น จาก 19.4% ในปี 2014  เป็น 19.7% ในปี 2015 จากการเปิดโรงพยาบาลใหม่

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะเยนแข็งค่าฉุดตลาหุ้นญี่ปุ่นร่วง

                ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะเดียวกันเงินเยนที่แข็งค่าได้กดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัวลง

                ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับลง 0.1% สู่ระดับ 119.08 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.20 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,013.00 จุด ลดลง 13.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,688.38 จุด เพิ่มขึ้น 0.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,259.99 จุด เพิ่มขึ้น 148.06 จุด

                ส่วนดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,381.38 จุด ลดลง 29.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,666.71 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,658.42 จุด เพิ่มขึ้น 3.67 จุด ด้านตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันอิสรภาพ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 1.08 จุด ขานรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.พ.) หลังจีนประกาศปรับลด RRR ลงเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธนาคาร

                ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 1.08 จุด หรือ 0.02% ที่ระดับ 6,097.09 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% สู่ระดับ 17% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (1 มี.ค.) โดยการปรับ RRR ลงครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน และกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ ภายหลังจากที่ราคาหุ้นจีนร่วงลงและเงินหยวนอ่อนค่า

                การปรับลด RRR ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 ตั้งแต่เดือนก.พ.2558 โดยครั้งล่าสุดที่จีนประกาศลด RRR เกิดขึ้นในวันที่ 23 ต.ค.2558 พร้อมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นเกลนคอร์และหุ้นแองโกล อเมริกัน ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.9%

                หุ้นโอคาโด ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกออนไลน์ร่วงลง 7.8% หลังจาก Amazon.com Inc. รุกตลาดอังกฤษมากขึ้นด้วยการเซ็นสัญญากับเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าหลายร้อยรายการให้กับดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต ในขณะที่หุ้นมอร์ริสันเพิ่มขึ้น 5.9%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับจีนลด RRR กระตุ้นเศรษฐกิจ

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.พ.) หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นสภาพคล่องและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.7% ปิดที่ 333.92 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,353.55 จุด เพิ่มขึ้น 38.98 จุด หรือ +0.90% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันที่ 9,495.40 จุด ลดลง 17.90 จุด หรือ -0.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,097.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.02%

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% สู่ระดับ 17% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (1 มี.ค.) โดยการปรับ RRR ลงครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน และกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ ภายหลังจากที่ราคาหุ้นจีนร่วงลงและเงินหยวนอ่อนค่า

                มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีนช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นอาร์เซลอร์ มิททัล ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 6.5%

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมนโยบายในวันที่ 10 มี.ค. อันเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนอยู่ที่ระดับ -0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี

                ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ECB จะทำการผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 10 มี.ค.เพื่อกระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนไปสู่เป้าหมายของ ECB ที่ใกล้ระดับ 2%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 123.47 จุด เหตุหุ้นพลังงานดิ่ง,ข้อมูลศก.ซบเซา

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ก.พ.) โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนม.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,516.50 จุด ร่วงลง 123.47 จุด หรือ -0.74% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,557.95 จุด ลดลง 32.52 จุด หรือ -0.71% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,932.23 จุด ลดลง 15.82 จุด หรือ -0.81%

                ดัชนี ดาวโจนส์ปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการและเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวันจนกระทั่งตลาดปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดร่วงลง 2.86% และหลังจากตลาดหุ้นจีนปิดทำการแล้ว ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% สู่ระดับ 17% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (1 มี.ค.)

                ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐนับเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 106 ในเดือนม.ค. โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาว, สต็อกบ้านที่มีอยู่จำกัด และราคาบ้านที่พุ่งสูง

                ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเขตชิคาโก หดตัวลงสู่ระดับ 47.6 ในเดือนก.พ. โดยรับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวลง

                หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงแม้ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม โดยหุ้นเซาเทิร์น เอนเนอร์จี ดิ่งลง 9.4% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.1% และหุ้นอาปาเช คอร์ป ดิ่งลง 3.2%

                หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.1% ส่วนหุ้นธุรกิจเพื่อสุขภาพนั้น หุ้นแอมเจน อิงค์ ร่วงลง 3.6% และหุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแนล ทรุดฮวบลง 21%

                นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.,        ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดการใช้จ่ายด้านก่อสร้างเดือนม.ค.

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!