WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET48ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้น คาดเม็ดเงินไหลเข้า-ราคาน้ำมันดีดตัวหนุนตลาด

   นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ประกอบกับ ยังมีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนโดยรวม แต่การปรับขึ้นของดัชนียังอยู่ในกรอบจำกัด หลังการประกาศผลประกอบการปี 58 และการจ่ายปันผลครึ่งหลังปี 58 ของ บมจ.ปตท. (PTT) ออกมาต่ำกว่าที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ ให้แนวต้าน 1,332/ และ 1,340 จุด แนวรับ 1,313 และ 1,307 จุด

    นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะดีดตัวขึ้นได้ แต่กรอบการปรับขึ้นจะไม่มากเหมือนเมื่อวันศุกร์ที่ดัชนีปรับขึ้นไปกว่า 25 จุด ตอบรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ผลประกอบการปี 58 ของ PTT ออกมานับว่าเป็นเชิงลบเล็กน้อย (slightly negative) คือ ต่ำกว่าที่ทางโนมูระฯ และตลาดคาดการณ์ รวมถึงมีการจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 58 ต่ำกว่าคาดด้วย ขณะที่ราคาน้ำมันแม้จะดีดตัวขึ้นแต่ก็เริ่มที่จะมีการพักตัวบ้างในบางตลาด

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้าที่ในช่วง 4-5 วันนี้ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมถึงในตลาดฟิวเจอร์สและพันธบัตรด้วย ซึ่งเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อตลาด แต่เชื่อว่าจะอยู่ในระดับอัตราเร่งที่ไม่มากนัก โดยมองกลุ่มที่น่าจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินไหลเข้าน่าจะยังอยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มปิโตรเคมี รวมถึงหุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เป็นต้น

    พร้อมมองแนวต้านที่ระดับ 1,332/1,340 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,313/1,307 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,620.66 จุด เพิ่มขึ้น 228.67 จุด (+1.40%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,570.61 จุด เพิ่มขึ้น 66.18 จุด (+1.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,945.50 จุด เพิ่มขึ้น 27.72 จุด (+1.45%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 119.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 42.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 6.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 19.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.29 จุด

   - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ก.พ.59) 1,320.19 จุด เพิ่มขึ้น 25.60 จุด (+1.98%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,484.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.พ.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ก.พ.59) ปิดที่ 31.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดบวก 1.84 ดอลลาร์ หรือ 6.2%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.พ.59) ที่ 6.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 35.74/76 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบ 35.65-35.85

     - ธปท.เผยภาคธุรกิจแห่ตัดหนี้สูญหรือขายหนี้ถึง 5.87 หมื่นล้านบาท และขอปรับโครงสร้างหนี้อีก 1.18 หมื่นล้านบาท พบธุรกิจอุตสาหกรรม-บริโภคส่วนบุคคลและพาณิชย์เป็นหลัก เช่นเดียวกันลูกหนี้รายใหม่และลูกหนี้รี-เอ็นทรีก่อตัวในธุรกิจดังกล่าวเป็นอันดับต้นๆ

       - แสนสิริ เผยปี 2559 ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะยังขยายตัวได้อีก 5% จากปีก่อนมีมูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ผลจากปัจจัยกระตุ้นของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ราคาน้ำมันต่ำทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างลดลง 3% แต่ราคาที่ดินยังขยับขึ้นเฉลี่ย 20-30% ต่อปี อีกทั้งแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของค่าแรง ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมปีนี้จะขยับอีก 5% ขณะที่สัดส่วนกลุ่มเก็งกำไรเหลือ 10-20% ที่เหลือส่วนใหญ่ซื้อลงทุนและอยู่อาศัยเอง

     - ธ.ก.ส.ทุ่ม 1.5 หมื่นล้าน ดอกเบี้ย 0.01% เสนอ ครม.กู้วิกฤติภัยแล้งหวังการปรับเปลี่ยนการผลิต มั่นใจเกษตรกรภาคกลางตั้งแต่ลุ่มเจ้าพระยาถึงแม่กลองกว่า 1 แสนคนสมัครเข้าร่วมโครงการ พร้อมออกมาตรการชุดที่ 2 ฉีดเงิน 7.2 หมื่นล้าน ปล่อยกู้โครงการ 1 ตำบล 1 SME แห่งละ 20 ล้านบาท

  - นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาทำหนังสือถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) เพื่อชี้แจงการแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้สหรัฐฯใช้เป็นข้อมูลประกอบพิจารณาจัดสถานะประเทศคู่ค้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯมาตรา 301 พิเศษ ปี 59 ที่จะประกาศเดือน เม.ย.นี้ "หวังว่าปีนี้สถานะไทยจะดีขึ้นน่าจะอยู่บัญชีจับตามอง(ดับเบิลยูแอล) เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา ที่ไทยอยู่บัญชีจับตามองเป็นพิเศษ(พีดับเบิลยูแอล) ได้แก้ไขปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะปรับปรุงกฎหมาย"

     - ททท.จับมือสหพัฒน์ ภายใต้โครงการประชารัฐ กระตุ้นท่องเที่ยวร่วมกัน ประเดิมพิมพ์สถานที่ท่องเที่ยวตามโครงการ 12 เมือง...ต้องห้ามพลาดและ 12 เมื่อต้องห้าม...พลาดพลัสและโครงการ"เขาเล่าว่า"ลงบนซองมาม่าที่จำหน่ายในต่างประเทศ มีแคมเปญชิงโชคสะสมแสตมป์แลกส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยว

   - กรมเชื้อเพลิงจับตาสถานการณ์น้ำมัน ชี้ราคาร่วงแตะ 20 ดอลลาร์กระทบหนัก คาดแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวไทยทั้งหมดหยุดผลิต-กระทบผลิตก๊าซ  เตรียมหามาตรการช่วยเหลือ ขณะผู้ประกอบการปิโตรเลียมขอเจรจาปรับเงื่อนไขเพื่ออยู่รอด หวั่นแรงงานในระบบกว่า 2 แสนคน ด้าน กฟผ.ยันไม่กระทบผลิตไฟฟ้า ขณะนักวิเคราะห์คาดน้ำมันยังล้นตลาด แท่นขุดเจาะลด-สหรัฐปลดคนงานนับแสน

    - สคร.รับน้ำมันลด ฉุดยอดนำส่ง รายได้รัฐวิสาหกิจด้านน้ำมันวูบ ยันยังคงเป้านำส่งรายได้ 1.2 แสนล้าน เหตุมีรัฐวิสาหกิจ บางแห่งรายได้ดีมาชดเชย ด้าน"คลัง"มั่นใจรายได้จะขยายตัวรองรับรายจ่ายรัฐบาล ชี้การใช้จ่ายเงินตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น-ระยะยาวหนุนสร้างรายได้ทั้งทางตรง-ทางอ้อม ระบุแหล่งรายได้ใหม่ของรัฐจะมาจากระบบอี-เพย์เมนท์ และการจัดเก็บภาษีใหม่

*หุ้นเด่นวันนี้

      - PTT (ไอร่า) แนะ"ซื้อ"เป้า 294 บาท แม้ประกาศผลงาน Q4/58 กำไรสุทธิเพียง 188 ล้านบาท จากตัดจำหน่ายธุรกิจถ่านหิน 20,275 ล้านบาท ขณะที่ผลดำเนินงานปกติของ PTTEP อ่อนตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ แต่ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นฟื้นตัวขึ้น qoq จากค่าการกลั่นสูง แต่คาดปี 59 จะมีกำไรสุทธิ 64,697 ล้านบาท จากโรงกลั่นฟื้นตัวโดดเด่น และคาดไม่มีขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดปรับขึ้นมาอยู่ที่ 31 เหรียญ/บาร์เรลส่งผลดีต่อ PTTEP ราคาหุ้น PTT ซื้อขายอยู่ที่ P/E เพียง 11.4 เท่า

      - MINT (เคจีไอฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 41 บาท โดยกำไรสุทธิช่วง Q4/58 อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% QoQ, +111% YoY สูงกว่าประมาณการที่ 1.7 พันล้านบาทอย่างมาก จากรายการพิเศษคือการปรับมูลค่าการลงทุนของธุรกิจอาหารในออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 1.6 พันล้านบาท หากไม่รวมรายการนี้ กำไรสุทธิใน Q4/58 จะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ดีกว่าที่คาดไว้ 4.5% ขณะที่กำไรจากธุรกิจหลักปี 58 จะเพิ่มขึ้น 9% เป็น 4.7 พันล้านบาท ขณะที่ MINT จะสามารถเร่งอัตราการเติบโตของทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหารได้ในปี 59 คาดปี 59-60 กำไรโต 25% และ 19% ด้วยสมมติฐานว่ารายได้จะโตปีละ 16%

       - TMT (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"เป้าหมาย 10 บาท แนวโน้มกำไร Q1/59 จะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากคาดราคาขายเฉลี่ยเริ่มขยับขึ้นจากปริมาณเหล็กตึงตัว และมีการชะลอการนำเข้าเหล็ก เป็นผลบวกต่อแนวโน้มรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น คาดปี 59 กำไรมีโอกาสกลับมาเติบโตได้เป็น 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% โดย TMTได้ตั้งเป้าหมายปริมาณขายจะเติบโต 15% อาศัยจุดแข็งด้านความพร้อมของสินค้าเป็นหลัก ส่วนแนวโน้มราคาขายเหล็กคาดชะลอการปรับตัวลง และการที่ประเทศจีนประกาศลดกำลังการผลิตเหล็กในประเทศคาดส่งผลดีต่อราคาเหล็ก หากราคาเหล็กเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นจะส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้น

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับเยนอ่อน, ราคาน้ำมันดีดตัว

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังเงินเยนอ่อนค่าช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้น ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ดีดตัวได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวสูงขึ้น

    ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.4% แตะ 121.07 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,230.38 จุด เพิ่มขึ้น 119.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,925.71 จุด ลดลง 1.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,506.94 จุด เพิ่มขึ้น 42.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,333.59 จุด เพิ่มขึ้น 6.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,928.85 จุด เพิ่มขึ้น 12.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,680.04 จุด เพิ่มขึ้น 19.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,674.88 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด

    ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 6% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil)  ของสหรัฐ จะปรับตัวลดลง 600,000 บาร์เรลต่อวัน ในปีนี้ และคาดว่าจะลดลงอีก 200,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเฟดสาขาชิคาโกเปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 0.28 ในเดือนม.ค. จาก -0.34 ในเดือนธ.ค.  โดยได้รับแรงหนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 87.50 จุด เหตุเงินปอนด์อ่อน,หุ้นเหมืองพุ่ง

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และการอ่อนค่าของเงินสกุลปอนด์

   ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 87.50 จุด หรือ 1.47% ที่ 6,037.73 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนหลังจากเงินปอนด์อ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่า นายบริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีลอนดอน และ นายไมเคิล โกฟ รัฐมนตรียุติธรรมระบุว่า จะรณรงค์ให้อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกภาพของ EU

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปที่เสนอโดยนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยผู้นำยุโรปตกลงที่จะให้อังกฤษได้รับ "สถานภาพพิเศษ" ใน EU และเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีอังกฤษสามารถจัดทำประชามติได้ในเดือนมิ.ย.

     หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติส ฟู้ด เพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานสำหรับตลอดทั้งปี

      หุ้นโฮม รีเทล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 13% หลังจากบริษัทสไตน์ฮอฟฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ ยื่นข้อเสนอซื้อบริษัทในวงเงิน 2 พันล้านดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับราคาน้ำมันพุ่ง

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่พุ่งขึ้นกว่า 5% ขานรับรายงานคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐอาจผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ลดลงในปีนี้และปีหน้า

   ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.7% ปิดที่ 331.82 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,298.70 จุด เพิ่มขึ้น 75.66 จุด หรือ +1.79% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,573.59 จุด เพิ่มขึ้น 185.54 จุด, +1.98% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,037.73 จุด เพิ่มขึ้น 87.50 จุด, +1.47%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ หลังจากหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil)  ของสหรัฐ จะปรับตัวลดลงทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

     ทั้งนี้ IEA เปิดเผยในรายงาน "Medium-Term Oil Market Report" เมื่อวานนี้ โดย IEA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ จะปรับตัวลดลง 600,000 บาร์เรลต่อวัน ในปีนี้ และคาดว่าจะลดลงอีก 200,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ทะยานขึ้น 10.8% หุ้นอาร์เซลอร์ มิททัล ปรับขึ้น 7.4% และหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 8.4%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 228.67 จุด รับราคาน้ำมันฟื้น,ข้อมูลศก.สดใส

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นกว่า 6% และรายงานจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ที่ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศดีดตัวขึ้นในเดือนม.ค. โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,620.66 จุด พุ่งขึ้น 228.67 จุด หรือ +1.40% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,570.61 จุด เพิ่มขึ้น 66.18 จุด หรือ +1.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,945.50 จุด เพิ่มขึ้น 27.72 จุด หรือ +1.45%

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 6% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil)  ของสหรัฐ จะปรับตัวลดลง 600,000 บาร์เรลต่อวัน ในปีนี้ และคาดว่าจะลดลงอีก 200,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของเฟดสาขาชิคาโกที่ระบุว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 0.28 ในเดือนม.ค. จาก -0.34 ในเดือนธ.ค.  โดยได้รับแรงหนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 0.20 ในเดือนม.ค.

    ทั้งนี้ ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเป็นค่าดัชนีเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการประมวลผลดัชนีเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศทั้งหมด 85 รายการ ซึ่งแบ่งออกหลายประเภท รวมไปถึง การผลิต รายได้ การจ้างงาน การใช้จ่ายส่วนบุคคล ยอดขายบ้าน คำสั่งซื้อ และสินค้าคงคลัง

    หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 20% หุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน และหุ้นมาราธอน ออยล์ คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 9.8%

    หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค ซึ่งต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.2%

   หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 7.6% หลังจากมีรายงานว่า ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เจรจาควบรวมกิจการกับบริษัทฮันนีเวลล์ อินเตอร์เนชันแนล

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึง ราคาบ้านเดือนธ.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากเฟดสาขาริชมอนด์

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!