WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

bull market4ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาคหลังราคาน้ำมันร่วง-เฟดวิตกศก.โลกชะลอ

     นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงลงภายหลังกระแสข่าวการหารือระหว่างกลุ่มโอเปคและรัสเซียยังไม่เป็นความจริง ทำให้เห็นภาพน้ำมันยัง Over supply คาดว่าจะกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน

      นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าความผันผวนการเงินของโลก ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวได้ จึงเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯคงไม่ปรับขึ้นเร็ว และอาจกระทบกำไรของบริษัทจดทะเบียน เห็นได้จากตัวเลขภาคการผลิตทั้งของสหรัฐฯ, ยุโรป และจีนก็ออกมาโตชะลอลง

     สำหรับ ปัจจัยในประเทศ ยังต้องจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มสื่อสาร หลังจาก TRUE ประกาศเรื่องเพิ่มทุน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดไว้แล้วงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็ว

    อย่างไรก็ดี ในทางเทคนิคก็เข้าเขต Over bought ด้วย ตลาดฯจึงมีโอกาสปรับฐานได้ พร้อมให้แนวรับ 1,283-1,285 จุด ส่วนแนวต้าน 1,305 จุด โดยยังคงเน้นหุ้นปันผล

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,449.18 จุด ลดลง 17.12 จุด (-0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,620.37 จุด เพิ่มขึ้น 6.41 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,939.38 จุด ลดลง 0.86 จุด (-0.04%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 148.71 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 120.63 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 15.44 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 15.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.81 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ก.พ.59) 1,297.34 จุด ลดลง 3.64 จุด(-0.28%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 857.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.พ.59

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.พ.59) ปิดที่ 31.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2 ดอลลาร์ หรือ 6%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.พ.59) ที่  7.15 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.63/65 ทิศทางยังแข็งค่า-ติดตามประชุม กนง.พรุ่งนี้

                - กพท.ห่วงแผนตรวจสอบ 41 สายการบินล่าช้า ส่อแววพลาดเป้า"ปลดล็อกธงแดง"จาก ICAO ช่วง ส.ค.-ก.ย.นี้ เหตุยังอยู่ในขั้นตอนอบรมบุคลากร-ดึงผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเสริมทีม"ไทย ไลอ้อน"กางโรดแมพลุยแดนมังกรต่อเนื่องไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ชี้กระทบขยายจุดบิน

                - อุตสาหกรรมโฆษณาปี 59 ส่อ"ติดลบ"พบเม็ดเงินฟรีทีวี ม.ค.วูบ 15-20% ยอดจองเดือนก.พ.นิ่ง รอลุ้นฟื้นไฮซีซันมี.ค. ชี้ปัจจัยลบเศรษฐกิจ-กำลังซื้อไร้สัญญาณฟื้นไตรมาสแรก สินค้าชะลอใช้งบโฆษณาสื่อดั้งเดิม สวนทางออนไลน์โตก้าวกระโดด คาดปีนี้พุ่ง 50% จ่อครองแชร์อันดับ 2 เบียดสิ่งพิมพ์

                - ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ม.ค. 2559 ติดลบต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 13 โดยดัชนีอยู่ที่ 105.46 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.53% และลดลงจากเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว 0.26%

                - รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนำรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและเอกชนไทยกว่า 20 ราย หารือร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันและก๊าซโอมาน ประธานองค์การการค้า และการลงทุนของโอมาน และประธานสภาหอการค้าและอุตสาห กรรมโอมานว่า ทางโอมานได้ลงนามในจดหมายแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนไทยผ่านกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน 20 โครงการของกระทรวงคมนาคม

                - นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าพบ โดยสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น แจ้งว่า สนใจขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบราง รถไฟฟ้า ทั้งเส้นทางระหว่างเมือง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

                - นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากวันที่ 1 ก.พ.นี้เป็นต้นไป ผู้ที่ได้รับมรดกเกินมูลค่า 100 ล้านบาท จะต้องยื่นแบบเสียภาษีมรดกส่วนที่เกิน 100 ล้านบาทขึ้นไปภายใน 150 วัน หลังจากได้รับมรดก

                - ธนารักษ์ลุ้น ก.พ.นี้เคาะบ้านผู้มีรายได้น้อย คาดตอกเสาเข็มได้ในปีนี้ กำหนดราคาคอนโดฯ 5 แสนบาท บ้านเดี่ยว 7 แสนบาท เริ่ม 6 พื้นที่ในเขต กทม. เชียงใหม่ เชียงราย ชะอำ รวม 3,400 ยูนิต ยังกำหนดรายได้ไม่ลงตัว สศค.ชง 1.5 หมื่น ธอส.ต้องมีรายได้ 2.4 หมื่น

*หุ้นเด่นวันนี้

                - KTB (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 20.7 บาท ประเมินแนวโน้ม NPL ผ่านจุดพีคไปแล้ว ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นมี Upside risk ในด้านการลด Credit cost จาก NPL Coverage ตอนนี้ที่สูงเกิน 100% (ฝ่ายวิจัยฯประเมินว่า KTB สามารถลด Credit cost ลงได้อีก 50 – 60bps ซึ่งทุกๆ Credit cost ที่ลดลง 10bps จะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิ 3.5%) โดยประเมินราคาหุ้น KTB laggard กลุ่มแบงก์ใหญ่ พร้อมคาดปันผลที่จะประกาศในปลายเดือน ก.พ. ต้นเดือน มี.ค = 0.78 บาท/หุ้น (Dividend yield 4.5%)

                - LIT (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 12.4 บาท ประเมินกำไรไตรมาส 4/58 โตราว 5% QoQ (ทำนิวไฮต่อเนื่อง)แม้ Low season (อานิสงส์ภาครัฐฯเร่งงานประมูลเล็กๆ  100 ล้านบาท) ส่งผลให้ปี 58 กำไรรวมอยู่ที่ 70 ล้านบาท (+46% YoY) และ Earnings Momentum ยังเดินหน้าต่อ คาดโตแบบไตรมาสต่อไตรมาสต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/59

                - SIRI (ไอร่า) เป้า 1.75 บาท คาดรายได้ปี 58 โตโดดเด่นถึง 25% คาดอยู่ที่ 35,208 ล้านบาทจากการเร่งระบายสินค้าคงเหลือในสต๊อกและแรงหนุนของมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ปี 59 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 47% อยู่ที่ 42,000 ล้านบาท (คอนโด 65% และแนวราบ 35%)จากแผนเปิดโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่ารวม 50,421 ล้านบาท (คอนโด 70% และ แนวราบ 30%) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดเพียง 11 โครงการ มูลค่า 22,132 ล้านบาท ปีนี้ยังเน้นคอนโดฯระดับ Mid to High End

                - TU (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 22.60 บาท กลุ่มเกษตรอาหารพื้นฐานดี แม้ปัจจุบันถูกโจมตีจากข่าวต่างประเทศมาก แต่กำไรยังมีการเติบโตและยังมี upside จากการควบรวมกิจการ คาดกำไรปกติอ่อนตัวลงใน 4Q58 อยู่ที่ 1,246 ล้านบาท (-25.9% QoQ, +32.2% YoY) เหตุผลหลักมาจากการอ่อนตัวของราคาทูน่าและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ปริมาณขายทูน่าโดยรวมน่าจะยังอ่อนตัวลง พร้อมกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 5,994 ล้านบาท (+8.8% YoY) จากค่าใช้จ่ายพิเศษเข้าซื้อกิจการบัมเบิ้ลบีหายไป การกลับมาเติบโตอีกครั้งของปริมาณขายทูน่าหลังถูกปรับฐานมาแล้วในปี 58 และค่าเงินบาทที่อ่อนตัว (สมมติฐาน 36 บาท/$)

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจโลกซบเซา

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% สู่ระดับ 122.29 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,716.52 จุด ลดลง 148.71 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,687.98 จุด ลดลง 0.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,474.87 จุด ลดลง 120.63 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,141.52 จุด ลดลง 15.44 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,914.96 จุด ลดลง 9.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,587.23 จุด ลดลง 15.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,663.99 จุด ลดลง 3.81 จุด

    ทั้งนี้ สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค. ลดลงแตะ 49.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012 จาก 49.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนปรับตัวย่ำแย่ลง

      ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM เดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 48.2 ซึ่งแม้ว่าขยับขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 48 แต่ดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว อันเนื่องมาจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง 6% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการจัดประชุมฉุกเฉิน เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินได้ว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันดิบจำนวนเท่าใด หลังได้รับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นกลุ่มการเงินร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 23.69 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) จากการปรับตัวลดลงของหุ้นพรูเดนเชียล ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่คำนวณในดัชนี FTSE 100

   ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 23.69 จุด หรือ 0.39% ที่ระดับ 6,060.10 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มการเงิน โดยนอกจากการปรับตัวลดลงของหุ้นพรูเดนเชียลแล้ว หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งนำโดยหุ้นบาร์เคลย์ หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปรับตัวลดลง 1.7%

    หุ้นพรูเดนเชียลร่วงลง 3% หลังจากที่ทางบริษัทแต่งตั้งผู้บริหารจากบริษัทเอเบอร์ดีน แอสเสท เมเนจเมนท์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารในธุรกิจการลงทุนของพรูเดนเชียล

    หุ้นโฮม รีเทล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 12% หลังแหล่งข่าวภายในเปิดเผยว่า บริษัทใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงกับ เจ เซนส์เบอรี เกี่ยวกับราคาเสนอซื้อต่อผู้ถือหุ้นของเจ เซนส์เบอรี ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ

     หุ้นบีที กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.9% หลังเปิดเผยว่าบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีจำนวนลูกค้าที่สมัครเป็นสมาชิกบริการผลิตภัณฑ์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตและวิดีโอของบริษัทเพิ่มขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากราคาน้ำมันร่วงลง ขณะที่ภาคการผลิตของสหรัฐและจีนต่างก็หดตัวลงในเดือม.ค.

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 341.61 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,392.33 จุด ลดลง 24.69 จุด หรือ -0.56% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,757.88 จุด ลดลง 40.23 จุด หรือ -0.41% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,060.10 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -0.39%

    ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค. ลดลงแตะ 49.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012 จาก 49.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนปรับตัวย่ำแย่ลง

     สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM เดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 48.2 ซึ่งแม้ว่าขยับขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 48 แต่ดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว อันเนื่องมาจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์

    หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นซีดริลล์ ร่วงลงหนักสุด

     หุ้น Luxottica Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตแว่นตา Ray-Ban ร่วงลง 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนว่า ความเสี่ยงในช่วงขาลงที่เศรษฐกิจยุโรปกำลังเผชิญอยู่ ได้เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากภาวะปั่นป่วนในตลาดเกิดใหม่

     ประธาน ECB กล่าวว่า ความเสี่ยงในตลาดเกิดใหม่ได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอน นับตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งขณะนั้น ECB ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย และขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 17.12 จุด วิตกเศรษฐกิจซบ,น้ำมันร่วง

    ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงไปกว่า 6% รวมทั้งรายงานที่ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐและจีนหดตัวลงในเดือม.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ NASDAQ ปิดในแดนบวก เพราะตลาดได้แรงหนุนในช่วงท้าย จากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

       ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,449.18 จุด ลดลง 17.12 จุด หรือ -0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,620.37 จุด เพิ่มขึ้น 6.41 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,939.38 จุด ลดลง 0.86 จุด หรือ -0.04%

      ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 100 จุดเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐและจีน โดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค. ลดลงแตะ 49.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012 จาก 49.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนปรับตัวย่ำแย่ลง

       สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM เดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 48.2 ซึ่งแม้ว่าขยับขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 48 แต่ดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว อันเนื่องมาจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงไปกว่า 6% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการจัดประชุมฉุกเฉิน เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินได้ว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันดิบจำนวนเท่าใด หลังได้รับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

    การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2% ก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันอังคาร ขณะที่หุ้นคินเดอร์ มอร์แกน และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลงอย่างน้อย 6.5%

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กลดแรงลบ เนื่องจากนักลงทุนได้เข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาด โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเฟซบุ๊กปรับขึ้นกว่า 1.2% หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 6.6%

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยในวันพุธ ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนม.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!