WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET32ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามภูมิภาคหลังราคาน้ำมันฟื้น-ดอลลาร์ฯอ่อนค่า

      นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน และออสเตรเลีย ปัจจัยหนุนสำคัญเช้านี้มาจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า

     ทั้งนี้ ให้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ คาดว่างวดนี้คงยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า แต่ต้องรอดู Comment ที่จะชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไป ซึ่งหากยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็อาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ฟื้นตัวขึ้นได้ ส่วนหนึ่งอาจมาจาการทำ Short Covering

   ส่วนราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Opec) และกลุ่ม Non-Opec จะมีการประชุมในประเด็นการลดกำลังการผลิต แต่ทางเราคาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ดังนั้นมองว่าราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเป็นแค่การรีบาวด์เท่านั้น

    สำหรับ ปัจจัยในประเทศ ต้องติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/58 และทั้งปี 58 ของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่จะออกมาในวันนี้ ขณะที่แนะนำนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นที่ให้ปันผลสูงได้ในช่วงนี้

พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วแนวต้าน 1,280 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,167.23 จุด พุ่งขึ้น 282.01 จุด (+1.78%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,567.67 จุด เพิ่มขึ้น 49.18 จุด (+1.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,903.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.55 จุด (+1.41%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 33.53 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 351.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.29 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 32.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.38 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 240.29 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ม.ค.59) 1,268.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด (+0.03%)

   - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 339.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ม.ค.59) ปิดที่ 31.45 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 3.7%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ม.ค.59) ที่ 9.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเช้านี้ 35.80/81 แข็งค่าต่อเนื่องรอผล FOMC คืนนี้ มองกรอบ 35.75-35.90

     - ส่งออก ธ.ค.ติดลบ 8.73% หนักสุดในรอบ 4 ปี 1 เดือน ทำยอดรวมทั้งปีลด 5.78% มากสุดในรอบ 6 ปี เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว น้ำมันดิ่ง เกษตรราคาวูบ ยันปี 59 ต้องพยายามทำให้ได้ตามเป้า 5% แต่น่าห่วง หลัง IMF ปรับลดเศรษฐกิจโลกเหลือ 3.4% น้ำมันยังผันผวน

    - ศึก 4จี เข้ม เอไอเอส หั่นแพ็กเกจเหลือ 299 บาท 1.5 กิ๊ก เกทับดีแทคกับทรูเริ่ม 399 บาท หลังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือแข่งประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz มาให้บริการ 4จี ด้วยเม็ดเงินรวมเป็นประวัติศาสตร์กว่า 2 แสนล้านบาท หลายฝ่ายจึงติดตามว่าแล้วการแข่งขันจะรุนแรงขนาดไหน โดยเฉพาะผู้นำตลาดเอไอเอส ที่เปิดตัว 4จี ช้ากว่าบริษัทอื่น

     - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ โดยอนุมัติงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 79,556 กองทุนทั่วประเทศ หมู่บ้านละไม่เกิน 5 แสนบาท

     - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบการซื้อยางพาราในราคานำตลาดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีการซื้อในวันแรก 70 กว่าตัน แต่เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้มีการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้น ที่ประชุม ครม.จึงอนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง 1.5 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอเพื่อให้มีการใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้น

     - แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้ให้นโยบายกระทรวงไปหารือให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไป ปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยซื้อที่อยู่อาศัยราคาถูก ซึ่งจะเปิดตัวโครงการประมาณเดือน มี.ค.นี้

     - ธปท.เผยสถาบันการเงินมียอดเอ็นพีแอลเพิ่ม 6 หมื่นล้านบาทในช่วง 1 ปี พบธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เพิ่ม กรุงไทยสูงสุด ตามด้วยแบงก์ลูกของต่างชาติ ด้านธนชาต ทิสโก้ และไอซีบีซี (ไทย) ลด

*หุ้นเด่นวันนี้

    - PTTGC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 66 บาท ราคาหุ้นซื้อขายต่ำเกินไป(คิดเป็น forward P/E ปีนี้เพียง 8.8 เท่า, dividend yield 5.1%) ขณะที่กำไรยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิใน 4Q58 ฟื้นตัวเด่น แม้บันทึกผลขาดทุนจากลงทุน Myriant ราว $60 ล้าน (2,172 ล้านบาท) หลัง COD ไม่ได้ตามกำลังการผลิต ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นมีผลขาดทุน stock loss กว่า 2 พันล้านบาทตามราคาน้ำมันดิบลดลง แต่การทำกำไรธุรกิจโรงกลั่นถือว่าฟื้นตัวค่อนข้างดี ค่าการกลั่นสูงขึ้นค่อนข้างมาก QoQ ตามการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา ธุรกิจปิโตรเคมียังทำกำไรได้ในระดับสูง

      - MALEE (เออีซี) "ซื้อลงทุน"เป้า 38.25 บาท ช่วง 4Q58 คาดกำไรสุทธิโต 54.1%YoY จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง ส่วนทั้งปี 58 คาดกำไรสุทธิโต 11.4%YoY และมีแนวโน้มโตต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปี 59-60) อีกเฉลี่ยปีละ 9.0% ด้วยแรงหนุนจากกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค การรุกตลาดฟิลิปปินส์ และการเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการเพิ่มสินค้าใหม่ตั้งแต่ปีที่แล้ว อีกทั้งปัจจุบันมี Upside 23.4% และคาดให้ Div. Yield เฉลี่ยปีละ 4.5%

    - TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22.50 บาท แนวโน้มกำไร 4Q15 จะแผ่วแรง -50.7% Q-Q เป็นจุดต่ำสุดของปีจากค่าใช้จ่ายดีล Bumble Bee และตั้งด้อยค่ากองเรือ ส่วนผลดำเนินงานหลักก็อ่อนตัว Q-Q ตามฤดูกาล ปรับกำไรปกติปี 2015 ลง 8% เป็นทรงตัว และคาดกำไรปกติปีนี้ฟื้น +21.6% Y-Y จากธุรกิจทูน่าและกุ้งกลับมาฟื้นตัว และเริ่มรับรู้ Rugen Fish ตั้งแต่ ก.พ. เป็นต้นไป พร้อมคาดปันผลงวด 2H15 หุ้นละ 0.25 บาท (yield 1.4%)

       - PLANB (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.10 บาท แนวโน้มกำไร 4Q15 ทรงตัว Q-Q (ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้น) แต่โต 34.8% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปีโต 104% Y-Y และคาดปีนี้โตต่อ 36% Y-Y ปัจจัยหนุนหลักๆคือรายได้จาก Hello Bangkok ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่รายได้จากสื่อโฆษณานอกบ้านยังโตในอัตราสูงปีละกว่า 30% รวมถึงค่อยๆเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการไปลงทุนสื่อโฆษณาในมาเลเซียในช่วง 1-2 ปีนี้ ราคาหุ้นปรับลงมาจนทำให้ upside กว้างขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์พุ่ง, ราคาน้ำมันฟื้นตัว

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ

     ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับขึ้น 1.7% เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้

     ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,579.14 จุด เพิ่มขึ้น 33.53 จุด, +1.32% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,211.86 จุด เพิ่มขึ้น 351.06 จุด, +1.86% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,756.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด, +0.23% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,344.06 จุด เพิ่มขึ้น 32.46 จุด, +0.51%

     ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,627.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด, +0.04% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,863.66 จุด เพิ่มขึ้น 34.99 จุด, +0.45% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,888.07 จุด เพิ่มขึ้น 16.38 จุด, +0.88% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,949.19 จุด เพิ่มขึ้น 240.29 จุด, +1.44% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,006.60 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,057.10 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น ขานรับข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด

    นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) จะแถลงผลการประชุมในวันนี้เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 02.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาไทย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 34.46 จุด ขานรับราคาน้ำมันพุ่ง

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงาน เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน

    ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 34.46 จุด หรือ 0.59% ที่ระดับ 5,911.46 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด

     สำหรับ ข่าวเศรษฐกิจ นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า สภาวการณ์ในอังกฤษยังไม่เอื้อสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคำกล่าวของนายคาร์นีย์เป็นการกล่าวย้ำสิ่งที่เขาพูดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางอังกฤษยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้

    หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน หุ้นเกลนคอร์ และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 4%

      หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป ดีดตัวขึ้นมากกว่า 2.5% หลังจากที่ร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทซีเมนส์ และรอยัล ฟิลิปส์

                ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.9% ปิดที่ 339.20 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,356.81 จุด เพิ่มขึ้น 45.48 จุด หรือ +1.05% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,822.75 จุด เพิ่มขึ้น 86.60 จุด หรือ +0.89% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,911.46 จุด เพิ่มขึ้น 34.46 จุด หรือ +0.59%

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ขานรับข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด

     การฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 11% หุ้นสแตทออยล์ ปรับขึ้น 2% และหุ้นเรพซอล พุ่งขึ้น 4.3%

    หุ้นซีเมนส์พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มผลกำไรรายปี พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าบริษัทสามารถรับมือกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ ขณะที่หุ้นรอยัล ฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยูโรโซนในวันนี้ โดยในเวลา 14.00 น.ตามเวลาไทย สถาบัน GfK จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีเดือนก.พ. และจากนั้นเวลา 14.45 น.ตามเวลาไทย ฝรั่งเศสจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 282.01 จุด รับราคาน้ำมันฟื้น ตลาดจับตาประชุมเฟด

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) ขานรับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่ง รวมถึง 3M, พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,167.23 จุด พุ่งขึ้น 282.01 จุด หรือ +1.78% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,567.67 จุด เพิ่มขึ้น 49.18 จุด หรือ +1.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,903.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.55 จุด หรือ +1.41%

   ดัชนี ดาวโจนส์ทะยานขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3.7% เมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด

     ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.68% หุ้นเชฟรอนดีดตัวขึ้น 3.99% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 8.1% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 7.6% และหุ้นเรนจ์ รีซอสเซส ทะยานขึ้น 7.8%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง โดยบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยยอดขายในไตรมาส 4/2558 อยู่ที่ 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิอยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.15 ดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปิดพุ่งขึ้น 4.96%

    หุ้น 3M พุ่งขึ้น 5.24% หุ้น P&G ปรับตัวขึ้นกว่า 2.5% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด

   ส่วนหุ้นแอปเปิลขยับลง 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไอโฟนในช่วงไตรมาส 4/2558 ที่น้อยกว่าการคาดการณ์

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ย. โดยมีสาเหตุจากการที่ปริมาณบ้านที่เสนอขายในตลาดมีจำกัด, อัตราดอกเบี้ยจำนองอยู่ในระดับต่ำ และภาวะตลาดแรงงานดีขึ้น

   ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค.  โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 98.1 ในเดือนม.ค. หลังแตะระดับ 96.3 ในเดือนธ.ค.

   นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) จะแถลงผลการประชุมในวันนี้เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 02.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย

    นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง ทั้งนี้ นักลงทุนจะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมของเฟด ซึ่งหากมีการระบุถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ก็อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.

    นักลงทุนติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. ส่วนวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. สำหรับวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2558, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามภูมิภาคหลังราคาน้ำมันฟื้น-ดอลลาร์ฯอ่อนค่า
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน และออสเตรเลีย ปัจจัยหนุนสำคัญเช้านี้มาจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
ทั้งนี้ ให้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ คาดว่างวดนี้คงยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า แต่ต้องรอดู Comment ที่จะชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไป ซึ่งหากยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็อาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ฟื้นตัวขึ้นได้ ส่วนหนึ่งอาจมาจาการทำ Short Covering
ส่วนราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Opec) และกลุ่ม Non-Opec จะมีการประชุมในประเด็นการลดกำลังการผลิต แต่ทางเราคาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ดังนั้นมองว่าราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเป็นแค่การรีบาวด์เท่านั้น
สำหรับ ปัจจัยในประเทศ ต้องติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/58 และทั้งปี 58 ของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่จะออกมาในวันนี้ ขณะที่แนะนำนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นที่ให้ปันผลสูงได้ในช่วงนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วแนวต้าน 1,280 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,167.23 จุด พุ่งขึ้น 282.01 จุด (+1.78%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,567.67 จุด เพิ่มขึ้น 49.18 จุด (+1.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,903.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.55 จุด (+1.41%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 33.53 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 351.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.29 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 32.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.38 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 240.29 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ม.ค.59) 1,268.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด (+0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 339.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ม.ค.59) ปิดที่ 31.45 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ม.ค.59) ที่ 9.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้ 35.80/81 แข็งค่าต่อเนื่องรอผล FOMC คืนนี้ มองกรอบ 35.75-35.90
- ส่งออก ธ.ค.ติดลบ 8.73% หนักสุดในรอบ 4 ปี 1 เดือน ทำยอดรวมทั้งปีลด 5.78% มากสุดในรอบ 6 ปี เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว น้ำมันดิ่ง เกษตรราคาวูบ ยันปี 59 ต้องพยายามทำให้ได้ตามเป้า 5% แต่น่าห่วง หลัง IMF ปรับลดเศรษฐกิจโลกเหลือ 3.4% น้ำมันยังผันผวน
- ศึก 4จี เข้ม เอไอเอส หั่นแพ็กเกจเหลือ 299 บาท 1.5 กิ๊ก เกทับดีแทคกับทรูเริ่ม 399 บาท หลังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือแข่งประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz มาให้บริการ 4จี ด้วยเม็ดเงินรวมเป็นประวัติศาสตร์กว่า 2 แสนล้านบาท หลายฝ่ายจึงติดตามว่าแล้วการแข่งขันจะรุนแรงขนาดไหน โดยเฉพาะผู้นำตลาดเอไอเอส ที่เปิดตัว 4จี ช้ากว่าบริษัทอื่น
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ โดยอนุมัติงบประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 79,556 กองทุนทั่วประเทศ หมู่บ้านละไม่เกิน 5 แสนบาท
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบการซื้อยางพาราในราคานำตลาดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีการซื้อในวันแรก 70 กว่าตัน แต่เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้มีการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้น ที่ประชุม ครม.จึงอนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง 1.5 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอเพื่อให้มีการใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้น
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้ให้นโยบายกระทรวงไปหารือให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไป ปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยซื้อที่อยู่อาศัยราคาถูก ซึ่งจะเปิดตัวโครงการประมาณเดือน มี.ค.นี้
- ธปท.เผยสถาบันการเงินมียอดเอ็นพีแอลเพิ่ม 6 หมื่นล้านบาทในช่วง 1 ปี พบธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เพิ่ม กรุงไทยสูงสุด ตามด้วยแบงก์ลูกของต่างชาติ ด้านธนชาต ทิสโก้ และไอซีบีซี (ไทย) ลด
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 66 บาท ราคาหุ้นซื้อขายต่ำเกินไป(คิดเป็น forward P/E ปีนี้เพียง 8.8 เท่า, dividend yield 5.1%) ขณะที่กำไรยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิใน 4Q58 ฟื้นตัวเด่น แม้บันทึกผลขาดทุนจากลงทุน Myriant ราว $60 ล้าน (2,172 ล้านบาท) หลัง COD ไม่ได้ตามกำลังการผลิต ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นมีผลขาดทุน stock loss กว่า 2 พันล้านบาทตามราคาน้ำมันดิบลดลง แต่การทำกำไรธุรกิจโรงกลั่นถือว่าฟื้นตัวค่อนข้างดี ค่าการกลั่นสูงขึ้นค่อนข้างมาก QoQ ตามการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา ธุรกิจปิโตรเคมียังทำกำไรได้ในระดับสูง
- MALEE (เออีซี) "ซื้อลงทุน"เป้า 38.25 บาท ช่วง 4Q58 คาดกำไรสุทธิโต 54.1%YoY จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง ส่วนทั้งปี 58 คาดกำไรสุทธิโต 11.4%YoY และมีแนวโน้มโตต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้า (ปี 59-60) อีกเฉลี่ยปีละ 9.0% ด้วยแรงหนุนจากกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค การรุกตลาดฟิลิปปินส์ และการเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการเพิ่มสินค้าใหม่ตั้งแต่ปีที่แล้ว อีกทั้งปัจจุบันมี Upside 23.4% และคาดให้ Div. Yield เฉลี่ยปีละ 4.5%
- TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22.50 บาท แนวโน้มกำไร 4Q15 จะแผ่วแรง -50.7% Q-Q เป็นจุดต่ำสุดของปีจากค่าใช้จ่ายดีล Bumble Bee และตั้งด้อยค่ากองเรือ ส่วนผลดำเนินงานหลักก็อ่อนตัว Q-Q ตามฤดูกาล ปรับกำไรปกติปี 2015 ลง 8% เป็นทรงตัว และคาดกำไรปกติปีนี้ฟื้น +21.6% Y-Y จากธุรกิจทูน่าและกุ้งกลับมาฟื้นตัว และเริ่มรับรู้ Rugen Fish ตั้งแต่ ก.พ. เป็นต้นไป พร้อมคาดปันผลงวด 2H15 หุ้นละ 0.25 บาท (yield 1.4%)
- PLANB (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.10 บาท แนวโน้มกำไร 4Q15 ทรงตัว Q-Q (ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้น) แต่โต 34.8% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปีโต 104% Y-Y และคาดปีนี้โตต่อ 36% Y-Y ปัจจัยหนุนหลักๆคือรายได้จาก Hello Bangkok ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่รายได้จากสื่อโฆษณานอกบ้านยังโตในอัตราสูงปีละกว่า 30% รวมถึงค่อยๆเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการไปลงทุนสื่อโฆษณาในมาเลเซียในช่วง 1-2 ปีนี้ ราคาหุ้นปรับลงมาจนทำให้ upside กว้างขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์พุ่ง, ราคาน้ำมันฟื้นตัว
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับขึ้น 1.7% เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,579.14 จุด เพิ่มขึ้น 33.53 จุด, +1.32% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,211.86 จุด เพิ่มขึ้น 351.06 จุด, +1.86% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,756.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด, +0.23% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,344.06 จุด เพิ่มขึ้น 32.46 จุด, +0.51%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,627.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด, +0.04% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,863.66 จุด เพิ่มขึ้น 34.99 จุด, +0.45% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,888.07 จุด เพิ่มขึ้น 16.38 จุด, +0.88% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,949.19 จุด เพิ่มขึ้น 240.29 จุด, +1.44% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,006.60 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,057.10 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น ขานรับข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด
นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) จะแถลงผลการประชุมในวันนี้เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 02.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาไทย
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 34.46 จุด ขานรับราคาน้ำมันพุ่ง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงาน เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 34.46 จุด หรือ 0.59% ที่ระดับ 5,911.46 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด
สำหรับข่าวเศรษฐกิจ นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า สภาวการณ์ในอังกฤษยังไม่เอื้อสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคำกล่าวของนายคาร์นีย์เป็นการกล่าวย้ำสิ่งที่เขาพูดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางอังกฤษยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน หุ้นเกลนคอร์ และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 4%
หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป ดีดตัวขึ้นมากกว่า 2.5% หลังจากที่ร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทซีเมนส์ และรอยัล ฟิลิปส์
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.9% ปิดที่ 339.20 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,356.81 จุด เพิ่มขึ้น 45.48 จุด หรือ +1.05% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,822.75 จุด เพิ่มขึ้น 86.60 จุด หรือ +0.89% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,911.46 จุด เพิ่มขึ้น 34.46 จุด หรือ +0.59%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ขานรับข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด
การฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 11% หุ้นสแตทออยล์ ปรับขึ้น 2% และหุ้นเรพซอล พุ่งขึ้น 4.3%
หุ้นซีเมนส์พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มผลกำไรรายปี พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าบริษัทสามารถรับมือกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ ขณะที่หุ้นรอยัล ฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยูโรโซนในวันนี้ โดยในเวลา 14.00 น.ตามเวลาไทย สถาบัน GfK จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีเดือนก.พ. และจากนั้นเวลา 14.45 น.ตามเวลาไทย ฝรั่งเศสจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 282.01 จุด รับราคาน้ำมันฟื้น ตลาดจับตาประชุมเฟด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) ขานรับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่ง รวมถึง 3M, พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,167.23 จุด พุ่งขึ้น 282.01 จุด หรือ +1.78% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,567.67 จุด เพิ่มขึ้น 49.18 จุด หรือ +1.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,903.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.55 จุด หรือ +1.41%
ดัชนี ดาวโจนส์ทะยานขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3.7% เมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะทำข้อตกลงร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิต เพื่อสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันและเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.68% หุ้นเชฟรอนดีดตัวขึ้น 3.99% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 8.1% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 7.6% และหุ้นเรนจ์ รีซอสเซส ทะยานขึ้น 7.8%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง โดยบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยยอดขายในไตรมาส 4/2558 อยู่ที่ 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิอยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.15 ดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปิดพุ่งขึ้น 4.96%
หุ้น 3M พุ่งขึ้น 5.24% หุ้น P&G ปรับตัวขึ้นกว่า 2.5% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด
ส่วนหุ้นแอปเปิลขยับลง 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไอโฟนในช่วงไตรมาส 4/2558 ที่น้อยกว่าการคาดการณ์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ย. โดยมีสาเหตุจากการที่ปริมาณบ้านที่เสนอขายในตลาดมีจำกัด, อัตราดอกเบี้ยจำนองอยู่ในระดับต่ำ และภาวะตลาดแรงงานดีขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค.  โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 98.1 ในเดือนม.ค. หลังแตะระดับ 96.3 ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) จะแถลงผลการประชุมในวันนี้เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 02.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง ทั้งนี้ นักลงทุนจะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมของเฟด ซึ่งหากมีการระบุถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ก็อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
นักลงทุนติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. ส่วนวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. สำหรับวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2558, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
 
 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!