WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET31ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาคเหตุราคาน้ำมันลง,กังวลศก.จีน-สหรัฐฯ

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างอยู่ในแดนลบกันทั่วหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงอีก และยังมีทิศทางที่เป็นขาลง จากที่คาดการณ์ว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันเพิ่ม เนื่องจากเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสหภาพยุโรป(EU)ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านหลังจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล(IAEA)ได้ยืนยันว่าอิหร่านได้ยุติโครงการนิวเคลียร์ตามที่ได้ทำข้อตกลงกับชาติมหาอำนาจแล้ว

       นอกจากนี้ มีความกังวลเกี่ยวเศรษฐกิจจีน จากที่ตัวเลขการปล่อยสินเชื่อเงินหยวนหดตัว แต่ก็ต้องรอดูตลาดหุ้นจีนอีกที เนื่องจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแบงก์ชาติจีนได้อัดฉีดเงินเข้าระบบประมาณ 1 แสนล้านหยวน ซึ่งขณะนี้ก็ทำให้ตลาดหุ้นดีดตัวกลับขึ้นมาได้เล็กน้อย

       ขณะที่อีกด้านหนึ่งยังเป็นห่วงเศรษฐกิจของสหรัฐฯเนื่องจากผลสำรวจภาคการผลิตของสหรัฐฯออกมาไม่ค่อยดี

     พร้อมให้แนวรับ 1,220-1,230 จุด ส่วนแนวต้าน 1,255-1,260 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

        - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(15 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,988.08 จุด ร่วงลง 390.97 จุด(-2.39%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,488.42 จุด ลดลง 126.59 จุด(-2.74%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,880.33 จุด ลดลง 41.51 จุด(-2.16%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 320.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 53.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 233.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 83.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 22.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 37.16 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 121.80 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(15 ม.ค.59)1,245.85 จุด ลดลง 17.44 จุด(-1.38%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,074.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ม.ค.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(15 ม.ค.59) ปิดที่ 29.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 5.7%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(15 ม.ค.59)ที่ 10.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 36.29/31 คาดแกว่งแคบ จับตาตัวเลข GDP Q4/58 ของจีนพรุ่งนี้

      - แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เตรียมการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกส่วนราชการกำหนดโครงการหรือมาตรการขับเคลื่อนประชารัฐใน 2 ระดับ คือ 1.แนวดิ่ง จะให้กระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้กำหนดโครงการ และ 2.แนวระนาบ จะให้ภาคเอกชน ประชาชน และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเป็นผู้กำหนด

      - นายไบจัน นัมดาห์ ซันเกเนห์ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันอิหร่าน เปิดเผยหลังนานาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านว่า อิหร่านจะผลิตน้ำมัน 5 แสนบาร์เรล/วัน และตั้งเป้าเพิ่มการส่งออกน้ำมันเป็น 1.5 ล้านบาร์เรล ภายในสิ้นปี 2559

    - แบงก์ชาติช่วยสร้างความมั่นใจ ระบุธนาคารพาณิชย์หรือธุรกิจไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่เปราะบาง ชี้ภาพรวมเอ็นพีแอล-สินเชื่อเริ่มทรงตัว ผลจากมาตรการรัฐ แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป คาดไตรมาส 2 จะออกผล Stress test ของธนาคารพาณิชย์

       - คมนาคมเดินหน้ารถรางไฟฟ้าภูเก็ต สรุปยกให้ รฟม. ก่อสร้าง นำร่องเชื่อมสนามบิน-ห้าแยกฉลอง สั่งแก้เศรษฐกิจปัญหาจุดตัดเสร็จ ก.พ. ก่อนสรุปรูปแบบการเดินรถ แบบก่อสร้าง พร้อมลุยรถไฟทางคู่สายใหม่หนุนท่องเที่ยวเชื่อมสุราษฎร์ฯ-พังงา-ภูเก็ต ระยะทาง 158 กม.

*หุ้นเด่นวันนี้

       - SYNTEC(ยูโอบี เคย์เฮียน)Top pick กลุ่มรับเหมาเล็ก เป็นหุ้นพื้นฐานดี ปันผลมั่นคง มี margin สูงและมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ทำให้งบ Q4 จะดีต่อเนื่องจาก Q2 และ Q3 ที่ดีอยู่แล้ว ทั้งปี 58 การรับงานสูงใกล้เคียง 1 หมื่นล้านบาทเติบโตชัดเจนจากปีก่อน นอกจากนี้ยังมีแผนประมูลงานเพิ่มอีกในช่วงสั้นได้แก่งาน CPN, NOBLE, SUPALAI บวกกับแผนการขยายส่วนต่อรถไฟฟ้าระยะยาวก็ช่วยให้มีการสร้างคอนโดเพิ่มและประมูลงานก่อสร้างเพิ่ม

     - PTTEP(แอพเพิล เวลธ์)"ซื้อ"เป้า 54 บาท คาด 4Q58 พลิกมีกำไรสุทธิ 7.52 พันล้านบาทเพราะไม่มีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เป็นจำนวนมากเหมือนงวดก่อน นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ยังช่วยให้มีรายได้จากการกลับรายการทางภาษีราว 1 พันล้านบาท รวมกับกำไรจากการทำ Oil Hedging อีก 2.7 พันล้านบาท

       - SPRC(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 13.9 บาท มีศักยภาพการทำกำไรสูง โครงสร้างต้นทุนต่ำและค่าการกลั่นสูงกว่าด้วยผลผลิตน้ำมันเบนซินและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และได้รับประโยชน์หลักจากราคาน้ำมันต่ำและมาร์จินเบนซินสูงด้วยแรงผลักดันจากผู้บริโภค อีกทั้งให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นสูงกว่าคู่แข่งสองเท่าด้วย ROE 20% จากกำไรที่สูงกว่าและโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสม

     - KSL(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 4.36 บาท รายงานขาดทุนสุทธิ 273 ล้านบาทใน 4Q15 (-220% qoq, -50% yoy) ต่ำกว่าประมาณการ ยังมองเชิงบวกต่อราคาน้ำตาลคาดจะช่วยผลักดันกำไรในปีถัดไป เนื่องจากมีการประมาณการว่าน้ำตาลจะมีผลผลิตส่วนขาดตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม 4Q15 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจพลังงานชีวภาพชะลอตัว

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกราคาน้ำมัน, เศรษฐกิจโลก

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 1.4% แตะ 118.45 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.15 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,826.93 จุด ลดลง 320.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,847.54 จุด ลดลง 53.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,287.38 จุด ลดลง 233.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,678.67 จุด ลดลง 83.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,856.03 จุด ลดลง 22.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,593.60 จุด ลดลง 37.16 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,624.48 จุด ลดลง 4.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,327.70 จุด ลดลง 121.80 จุด

     ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 5.978 แสนล้านหยวน (9.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจาก 7.089 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย.

     ขณะเดียวกัน การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวลง 0.4% ในเดือนธ.ค. โดยร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ยอดค้าปลีกลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค.2015 สู่ระดับ 4.481 แสนล้านดอลลาร์ และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 6

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: วิตกตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งหนัก ฉุดฟุตซี่ปิดร่วง 114.13 จุด

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเกือบ 2% เมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงและเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัว

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,804.10 จุด ลดลง 114.13 จุด หรือ -1.93%

                ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากธนาคารกลางจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 5.978 แสนล้านหยวน (9.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจาก 7.089 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย.

                หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดิ่งลงหลุดจากระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 11% หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 6% ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 6.4% หลังจากบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ระดับโลกคาดการณ์ว่า ทางบริษัทอาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ในรูปน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติร่วงลงอย่างหนัก

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่ง,น้ำมันร่วงหนัก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก และราคาน้ำมันที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรล นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงด้วย

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.8% ปิดที่ 329.84 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,210.16 จุด ลดลง 102.73 จุด หรือ -2.38% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,545.27 จุด ลดลง 248.93 จุด หรือ -2.54% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,804.10 จุด ลดลง 114.13 จุด หรือ -1.93%

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่ดิ่งลงหลุดจากระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากธนาคารกลางจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 5.978 แสนล้านหยวน (9.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจาก 7.089 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย.

                หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นำโดยหุ้นโททาล และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงไปอยู่ระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความกังวลที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจพุ่งสูงเกินไป หากอิหร่านเริ่มกลับมาส่งออกน้ำมัน หลังจากที่ชาติมหาอำนาจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

                หุ้นโฟล์คสวาเกนร่วงลง 3.5% หลังจากมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ของโฟล์คสวาเกนในตลาดยุโรปร่วงลงอย่างหนักในปี 2558

                หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 6.4% หลังจากบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ระดับโลกคาดการณ์ว่า ทางบริษัทอาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ในรูปน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติร่วงลงอย่างหนัก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 390.97 จุด วิตกราคาน้ำมันทรุด,ศก.สหรัฐ-จีนชะลอตัว

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า วิกฤตราคาน้ำมันอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมถึงรายงานยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนของจีนที่ชะลอตัวลง และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ย่ำแย่ลงของสหรัฐ

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,988.08 จุด ร่วงลง 390.97 จุด หรือ -2.39% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,488.42 จุด ลดลง 126.59 จุด หรือ -2.74% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,880.33 จุด ลดลง 41.51 จุด หรือ -2.16%

                ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 2.2% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับลง 2.2% เช่นกัน ส่วนดัชนี NASDAQ ร่วงลง 3.3%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจพุ่งสูงเกินไป หากอิหร่านเริ่มกลับมาส่งออกน้ำมัน หลังจากที่ชาติมหาอำนาจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

                นักลงทุนกังวลว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันและประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน โดยล่าสุดประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโลแห่งเวเนซุเอลาประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก โดยเวเนซุเอลาเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมันที่กำลังทรุดตัวลง

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนและสหรัฐ โดยธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 5.978 แสนล้านหยวน (9.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจาก 7.089 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย.

                ส่วนข้อมูลในฝั่งสหรัฐนั้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.4% ในเดือนธ.ค. โดยร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่ดิ่งลง และสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปกติ  ขณะที่ยอดค้าปลีกลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค.2015 สู่ระดับ 4.481 แสนล้านดอลลาร์  และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 6 เพราะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, การลดการใช้จ่ายทุน และอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ

                หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป ดิ่งลง 2.11% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับลงราว 1% ขณะที่วิลเลียมส์ คอส ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อส่งน้ำมันรายใหญ่ร่วงลงเกือบ 18%

                หุ้นที่ต้องพึ่งพาอุปสงค์ผู้บริโภคอ่อนแรงลงเช่นกัน โดยหุ้นโฮม ดีโปท์ ร่วงลง 4.8% หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ดิ่งลง 8.6% หุ้นอินเทลร่วงลง 8.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเดลฟี ออโตโมทีฟ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 5%

                หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง แม้ว่าธนาคารรายใหญ่หลายแห่งรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดก็ตาม โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 6.4% แม้ว่าธนาคารเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.34 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 4 เทียบกับระดับเพียง 344 ล้านดอลลาร์ หรือ 6 เซนต์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปี 2014  ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 2% แม้ว่าทางธนาคารเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้น 9% ในไตรมาส 4 ของปี 2015 เมื่อเทียบรายปี

                หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอ่อนแรงลงเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.9% หุ้นนอร์ฟอล์ค เซาเทิร์น คอร์ป ปรับตัวลง 3% และหุ้นยูเนียน แปซิฟิก ดิ่งลงกว่า 3.1%

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

                ดัชนี และภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ม.ค.2559

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า วิกฤตราคาน้ำมันอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมถึงรายงานยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนของจีนที่ชะลอตัวลง และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ย่ำแย่ลงของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,988.08 จุด ร่วงลง 390.97 จุด หรือ -2.39% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,488.42 จุด ลดลง 126.59 จุด หรือ -2.74% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,880.33 จุด ลดลง 41.51 จุด หรือ -2.16%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก และราคาน้ำมันที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรล นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.8% ปิดที่ 329.84 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,210.16 จุด ลดลง 102.73 จุด หรือ -2.38% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,545.27 จุด ลดลง 248.93 จุด หรือ -2.54% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,804.10 จุด ลดลง 114.13 จุด หรือ -1.93%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเกือบ 2% เมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงและเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัว

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,804.10 จุด ลดลง 114.13 จุด หรือ -1.93%

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงนั้น มาจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 17.1 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 1,090.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 14.8 เซนต์ หรือ 1.08% ปิดที่ 13.896 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 7.3 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 827.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 4.20 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 487.05 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิ่งลงหลุดจากระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านเตรียมส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น และความเป็นไปได้ที่ว่าชาติมหาอำนาจอาจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในอีกไม่กี่วันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 29.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 28.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแรงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวน โดยได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร แต่ก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับอีกหลายสกุลเงิน

ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.0921 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0860 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4261  ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4408  ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6859 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6993 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 116.98 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 118.15 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0011 ฟรังค์ จากระดับ 1.0065 ฟรังค์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,988.08 จุด ลดลง 390.97 จุด, -2.39%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,488.42 จุด ลดลง 126.58 จุด, -2.74%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,880.33 จุด ลดลง 41.51 จุด, -2.16%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,210.16 จุด ลดลง 102.73 จุด, -2.38%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,545.27 จุด ลดลง 248.93 จุด, -2.54%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,804.10 จุด ลดลง 114.13 จุด, -1.93%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 24,455.04 จุด ลดลง 317.93 จุด, -1.28%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,628.55 จุด ลดลง 4.89 จุด, -0.30%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,630.76 จุด ลดลง 13.81 จุด, -0.52%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,523.98 จุด เพิ่มขึ้น 10.80 จุด, +0.24%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 19,520.77 จุด ลดลง 296.64 จุด, -1.50%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,449.50 จุด เพิ่มขึ้น 40.74 จุด, +0.64%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,900.97 จุด ลดลง 106.68 จุด, -3.55%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,878.87 จุด ลดลง 21.14 จุด, -1.11%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,147.11 จุด ลดลง 93.84 จุด, -0.54%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 7,762.01 จุด เพิ่มขึ้น 19.13 จุด, +0.25%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,892.80 จุด ลดลง 16.60 จุด, -0.34%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,948.50 จุด ลดลง 15.60 จุด, -0.31%

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!