WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET33ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่ง Sideway Down เหตุราคาน้ำมันร่วง-กังวลศก.โลกชะลอ

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down เนื่องจากราคาน้ำมันยังปรับตัวลง และนักลงทุนยังกังวลเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยแรงขายจากองทุน รวมหุ้นระยะยาว(LTF) น่าจะยังมีอยู่แต่ก็คงจะน้อยลง มีเพียงนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายต่อเนื่อง

        ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย มีเพียงตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากมีความคาดหวังมาตรการที่จะออกมาเพิ่มเติม โดยมาตรการห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นเป็นเวลา 6 เดือนจะสิ้นสุดแล้ว ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังว่าทางการจีนอาจจะต่ออายุ หรือจะมีมาตรการใหม่ออกมาเพื่อไม่ให้ตลาดฯปรับตัวลงแรง ดังนั้นจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในคืนนี้ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,245-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,260 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(5 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,158.66 จุด เพิ่มขึ้น 9.72 จุด(+0.06%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,891.43 จุด ลดลง 11.66 จุด(-0.24%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,016.71 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด(+0.20%)

        - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 36.57 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 46.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 10.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.72 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.17 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.86 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(5 ม.ค.59)1,253.34 จุด ลดลง 10.07 จุด(-0.80%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,641.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ม.ค.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(5 ม.ค.59) ปิดที่ 35.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 79 เซนต์ หรือ 2.2%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(5 ม.ค.59)ที่ 10.29 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 36.23/25 แนวโน้มอ่อนค่าต่อหลังดอลล์แข็ง มองกรอบ 36.05-36.50

      - กบง.ปรับสูตรคำนวณการใช้พลังงานทดแทนใหม่ในดีเซลและแก๊สโซฮอล์ โดยให้ผสมเอทานอลและบี100 ในสัดส่วนที่ต่ำสุด ทำให้ราคาน้ำมัน E85 ลดลงลิตรละ 1 บาทและ E10 ลด 0.10 บาท/ลิตร จับตาประกาศลอยตัว NGV ได้ก.พ.นี้ และตรึงราคา LPG ม.ค.ต่อ แม้ตลาดโลกปรับลดลง

      - พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้สำนักงบประมาณจัดเตรียมงบกลางเพื่อใช้สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ให้เกิดแรงเหวี่ยงหนุนเศรษฐกิจในประเทศได้ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐทั้งหมดจะเริ่มเห็นผล โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุน และการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม และในกลุ่มคลัสเตอร์ต่างๆ

       - นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย แถลงว่า สภาผู้ส่ง สินค้าฯ คาดว่าในปี 2559 จะส่งออกได้ไม่เกิน 2.19 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ยเดือนละ 1.82 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 2% แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะคาดว่าส่งออกได้ไม่เกิน 2.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงเด่นชัดมากขึ้น จากเศรษฐกิจโลก ที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดไว้ การเงินโลกผันผวน ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศขยายวงกว้างขึ้น ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น

     - "อิสระ ว่องกุศลกิจ"ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.คาดการณ์จีดีพีปี 2559 จะขยายตัวที่ระดับ 3-3.5% เนื่องจากความเชื่อมั่นในการบริโภคและภาคธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะอยู่ในระดับ 2% จากปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มซีแอลเอ็มวีที่ขยายตัวต่อเนื่อง อีกทั้งภาครัฐยังมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายและการลงทุน

    - นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงผลการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 วงเงินรวม 2.7 ล้านล้านบาท พบว่า ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2559 ระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2558 หน่วยงานรัฐสามารถเบิกจ่ายได้ 30.22% ของงบประมาณ ทั้งหมดเทียบกับเป้าหมายที่จะ เบิกจ่าย 30.16% ถือว่าสูงกว่า เป้า 0.06%

*หุ้นเด่นวันนี้

    - TSR-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.เธียรสุรัตน์(TSR)เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 200,666,316

      หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วันที่ 21 ธันวาคม 2558)ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 31 พ.ค. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 20 ธ.ค. 2561

     - ADVANC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"คาดกำไรปกติ 4Q15 +17.3% Q-Q, +2.7% Y-Y เป็น 1.0 หมื่นล้านบาท มีตัวช่วยคือต้นทุนค่า Regulatory และค่าเสื่อมฯของ 2G ที่หายไป ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2015 โต 4% Y-Y สำหรับปี 2016 ปรับกำไรปกติลงอีก 11% เหลือ 3.52 หมื่นล้านบาท -7% Y-Y บนสมมติฐานว่าบริษัทรักษาฐานลูกค้า 2G ได้ครึ่งเดียว ทำให้ราคาเป้าหมายลดจากเดิม 230 บาทเหลือ 195 บาท แต่ถ้าบริษัทสูญเสียลูกค้า 2G ที่มีอยู่ทั้งหมด 12 ล้านราย (รายได้หายไป 2 หมื่นล้านบาท) เป้าหมายจะเหลือ 150 บาท ยังสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบันซึ่งคิดเป็น PE 11 เท่า ต่ำกว่าในอดีตที่อยู่ที่ 18-20 เท่า และคิดเป็น Dividend yield เฉพาะงวด 2H15 ถึง 4.6% (คาดจ่าย 6 บาท/หุ้น)

      - TVT(ฟินันเซีย ไซรัส)เป้า 2.22 บาท คาดกำไรปกติ 4Q15 ฟื้น +122% Q-Q เป็น 20 ล้านบาทเป็นระดับสูงสุดของปี จากการรับรู้รายได้จากการรับจ้างผลิตละครและรายได้ Event เพิ่ม รวมทั้งมี Gross margin ดีขึ้น ทำให้ปรับกำไรปกติปี 2015 ขึ้น 7% เป็นเติบโตถึง 67% Y-Y และคาดกำไรปี 2016 โตต่อเนื่อง 58% Y-Y เป็น 71 ล้านบาทจากจำนวนรายการออกอากาศที่เพิ่มขึ้นอีก 6 รายการ สำหรับดีลซื้อกิจการ ยังอยู่ระหว่างเจรจากับ 1-2 ราย คาดสรุปได้ก่อนสิ้น 1Q16 ซึ่งจะเป็น upside ต่อประมาณการกำไรปีนี้ ราคาหุ้นที่ปรับลงมาเป็นโอกาสในการซื้อ

   - IRPC(เออีซี)"ซื้อ"เป้า Consensus 5.30 บาท เป็นหุ้น Turnaround โดยจากที่มีผลขาดทุน 5.23 พันลบ.ในปี 57 คาดพลิกเป็นกำไร 8.6 พันลบ. ในปี 58 จากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น และการขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลง อีกทั้งปัจจุบันเริ่มเดินเครื่องโครงการสุดท้ายของโปรเจคฟินิคแล้ว คาดหนุนส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปี 59 เพิ่มขึ้น USD 2-4 /bbl และทำให้ปี 59 จะมีกำไรโต 8.7%YoY + ปัจจุบันมี Upside 21.5%

   - SPALI(เออีซี)"ซื้อ"เป้า Consensus 24.3 บาท ด้วย Backlog ในมือ 3.5 หมื่นลบ. คาดจะประคับประคองให้ผลประกอบการปี 59 ทรงตัว YoY ได้ ขณะที่ในระยะกลาง-ยาวคาดตลาดคอนโดแนวรถไฟฟ้าจะได้ผลบวกจากการเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ SPALI จัดเป็นหุ้น Cheap Valuation โดยเทรดที่ Fwd PER ปี 59 เพียง 7.0x และยังมี Upside 30% พร้อมคาดให้ Div. yield ปีละ 5.6%

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับจีนอัดฉีดสภาพคล่อง

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินมูลค่าราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ

    ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.2% แตะ 128.65 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,410.57 จุด เพิ่มขึ้น 36.57 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,291.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,142.63 จุด ลดลง 46.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,064.25 จุด ลดลง 10.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,934.25 จุด เพิ่มขึ้น 3.72 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,838.56 จุด เพิ่มขึ้น 4.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,667.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.17 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,846.99 จุด เพิ่มขึ้น 11.86 จุด

     ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินมูลค่า 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าสู่ระบบการเงินเมื่อวานนี้  เพื่อลดความตื่นตระหนกของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนถูกกระหน่ำขายอย่างหนักจนเป็นเหตุให้ต้องใช้ระบบเซอร์กิต เบรกเกอร์ เพื่อลดความผันผวนของตลาด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 43.81 จุด ขานรับจีนอัดฉีดสภาพคล่อง

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) ขานรับจีนอัดฉีดเม็ดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ เพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกของนักลงทุน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 43.81 จุด หรือ 0.72% ที่ 6,137.24 จุด ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างอย่างผันผวน โดยดัชนีพุ่งขึ้นถึง 1.2% ในช่วงเช้าก่อนที่จะร่วงลงสู่แดนลบเป็นเวลาสั้นๆตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นตลอดทั้งยุโรป

      ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินมูลค่าราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ เพื่อลดความตื่นตระหนกของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนถูกกระหน่ำขายอย่างหนักถึง 7% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จนทำให้ตลาดหุ้นจีนตัดสินใจใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ เพื่อลดความผันผวนของตลาด

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอังกฤษยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน ที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของอังกฤษ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 57.8 ในเดือนธ.ค.2015 จากระดับ 55.3 ในเดือนพ.ย.

      หุ้นโฮม รีเทล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 41% หลังจากบริษัทเจ เซนต์เบอร์รี ยืนยันว่า บริษัทได้เสนอซื้อกิจการของบริษัท

     หุ้นทราวีส เพอร์คิน ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ก่อสร้างเพิ่มขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเครดิต สวิส ปรับเพิ่มนำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท

     หุ้นเน็กซ์ปรับตัวลง 4.6% หลังร้านค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของอังกฤษระบุว่าบริษัทมียอดขายในช่วงคริสต์มาสที่น่าผิดหวัง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ข่าวจีนอัดฉีดสภาพคล่อง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่า ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินมูลค่าราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ

     Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.6% ปิดที่ 358.88 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,537.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.18 จุด หรือ +0.34% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,310.10 จุด เพิ่มขึ้น 26.66 จุด หรือ +0.26% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,137.24 จุด เพิ่มขึ้น 43.81 จุด หรือ +0.72%

      ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินมูลค่า 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าสู่ระบบการเงินเมื่อวานนี้  เพื่อลดความตื่นตระหนกของนักลงทุน

      เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักหลังจากที่ตลาดหุ้นจีนถูกกระหน่ำขายและดิ่งลงไปแว่า 7% จนเป็นเหตุให้ตลาดหุ้นจีนตัดสินใจใช้ระบบเซอร์กิต เบรกเกอร์ เพื่อลดความผันผวนของตลาด

    หุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเกลนคอร์ และหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3.5%

      อย่างไรก็ตาม หุ้นโฟล์คสวาเกนร่วงลง 4% หลังจากมีรายงานว่า โฟล์คสวาเกนอาจถูกสั่งปรับเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีแพ่งฐานฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Act) หลังพบว่ามีการแอบติดตั้งอุปกรณ์โกงการตรวจจับมลพิษไอเสียในรถยนต์ดีเซลเกือบ 600,000 คัน

                สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของยูโรโซนนั้น สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานเมื่อวานนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภต (CPI) ในยูโรโซนทรงตัวที่ระดับ 0.2% ในเดือนธ.ค. ขณะที่มีค่าเป็นบวกเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

     อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวยังคงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.3% และต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปที่ 2% โดยถูกกดดันจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลง

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 9.72 จุด ขานรับจีนอัดฉีดสภาพคล่อง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินมูลค่าราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความตื่นตระหนกจากการที่ตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลงก็ตาม

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,158.66 จุด เพิ่มขึ้น 9.72 จุด หรือ +0.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,891.43 จุด ลดลง 11.66 จุด หรือ -0.24% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,016.71 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด หรือ +0.20%

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินมูลค่า 1.30 แสนล้านหยวน หรือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าสู่ระบบการเงินเมื่อวานนี้  เพื่อลดความตื่นตระหนกของนักลงทุน หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนถูกกระหน่ำขายอย่างหนักจนเป็นเหตุให้ต้องใช้ระบบเซอร์กิต เบรกเกอร์ เพื่อลดความผันผวนของตลาด

   เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักหลังจากตลาดหุ้นจีนดิ่งลงอย่างรุนแรง อันเป็นผลมาจากข่าวด้านลบภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจไม่ขยายวงเงินสินเชื่อให้กับธนาคารไชน่า ดีเวลลอปเมนท์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารตามนโยบายของแบงก์ชาติจีน โดยการตัดสินใจดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางจีนมีเป้าหมายที่จะคุมเข้มนโยบายการเงิน

      หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงอ่อนแรงลง โดยหุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี และหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.6% อย่างไรก็ตาม ทรานส์โอเชียน และหุ้นเอนส์โค ร่วงลง 3.1%

      หุ้นกลุ่มผู้ผลิตปืนรายใหญ่อย่าง สมิธ แอนด์ เวสสัน พุ่งขึ้น 11% และหุ้นสเติร์ม รูเจอร์ ทะยานขึ้น 6.8% หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ เตรียมออกมาตรการควบคุมอาวุธปืน เพื่อลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากอาวุธปืน ด้วยการกำกับดูแลการวางจำหน่ายปืน และควบคุมการซื้อขายอาวุธที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

      หุ้นวอล มาร์ท พุ่งขึ้น 2.4% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากหุ้นวอล มาร์ทร่วงหนักในปีที่แล้ว

        หุ้นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ดิ่งลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเดือนธ.ค.ที่น่าผิดหวัง ขณะที่หุ้นเดลฟี ออโตโมทีฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และหุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 2.7%

       นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดมีรายงานว่า ทางการคูเวตเรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับจากอิหร่าน หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีสถานทูตซาอุดิอาระเบียในกรุงเตหะราน และสถานกงสุลในเมืองมาชฮัด ระหว่างที่กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ออกมาประท้วงซาอุดิอาระเบียที่ได้ประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 47 ราย รวมถึง นิมร์ อัลนิมร์ นักบวชนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อปี 2554

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.จาก ADP, ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย.ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนพ.ย.

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!