WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET26ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตปท.ยังหวังกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันขึ้น

   นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ เนื่องจากโดนกดดันจากแรงขายตั้งแต่ต้นปี โดยตลาดสหรัฐฯได้ปรับตัวลงค่อนข้างมากในช่วงที่ตลาดบ้านเราปิดทำการ และเช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียต่างก็ปรับตัวลงกันเป็นเปอร์เซนต์

     อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราอาจได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่น่าจะยืนอยู่ได้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ดีดตัวขึ้น หลังจากที่มีความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย ดังนั้นตลาดฯอาจจะปรับตัวลงไม่มาก

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,277-1,285 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(31 ธ.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,425.03 จุด ร่วงลง 178.84 จุด(-1.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,007.41 จุด ร่วงลง 58.44 จุด(-1.15%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,043.94 จุด ลดลง 19.42 จุด(-0.94%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 131.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 6.84 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 5.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 22.27 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 215.13 จุด, ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ ลดลง 16.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.50 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(30 ธ.ค.58)1,288.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.24 จุด (+0.33%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 844.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(31 ธ.ค.58) ปิดที่ 37.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 44 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(31 ธ.ค.58)ที่ 8.82 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 36.15/17 อ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลล์ จับตาเงินทุนเคลื่อนย้าย-ตัวเลขศก.สหรัฐฯ

      - รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เผยรัฐบาลได้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) นิรโทษกรรมการตรวจสอบภาษีย้อนหลังสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท/ปี เพื่อจูงใจให้ธุรกิจเหล่านี้ใช้บัญชีเดียวในการดำเนินกิจการ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกลุ่มนี้จะได้รับยกเว้น จากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากร และ ความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2559

      - นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2559 จะมีการลงทุนใน นิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ จึงตั้งเป้าหมายยอดขายพื้นที่รวมไว้ 3,000 ไร่ ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท แม้ว่าในปีที่แล้วจะทำได้แค่ 2,400 ไร่ แต่ปีนี้จะดีขึ้นแน่จากการสนับสนุนของภาครัฐโดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ในกลุ่มคลัสเตอร์

   - "เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ" ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์) วงเงินเริ่มต้น 1 แสนล้านบาท ได้มีการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งกองทุนที่มีนาย สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งได้เห็นชอบให้ตั้งอนุกรรมการจัดทำร่าง พ.ร.บ. เพื่อจัดตั้งไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เพื่อให้การระดมทุนครั้งนี้มีกฎหมายรองรับที่ชัดเจน เพื่อให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ เนื่องจากการระดมทุนครั้งนี้จะมีการประกันผลตอบแทนให้กับนักลงทุน

     - นายบ็อบ ดัดลีย์ ประธานบริหารของบริษัท บีพี บริษัทน้ำมันสัญชาติอังกฤษรายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวลงสู่จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ในไตรมาสแรกของปี 2559 ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี จากตลาดที่ปรับตัวคืนสู่สมดุล ซึ่งยังคงเป็นราคาที่ถูกไปจนถึงอย่างน้อยปี 2560

    - นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมกำเร่งดำเนินการผลักดันการจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ให้เกิดเป็นรูปธรรม ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเพิ่มขีดความในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายไปแล้วในช่วงปลายปี 2558

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายล่าสุดในเดือน พ.ย. 2558 ว่า เงินทุนไหลออกสุทธิ 3,048 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.1 แสนล้านบาท หากคิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2558 ที่ปิดตลาดที่ระดับ 36 บาท/เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 50.45% ที่มีเงินทุนไหลออกสุทธิ 1,510 ล้านเหรียญหรัฐ หรือประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

      - ITD(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 12 บาท โดยให้น้ำหนักการลงทุน Overweight หุ้นกลุ่มรับเหมา

       ก่อสร้างปี 2559 เนื่องจากมีปัจจัยบวกรออยู่ที่ชัดเจนใน 1H59 คือการประมูลรถไฟฟ้าทางคู่ 4 เส้นทาง และรถสายสีส้ม มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท, แผนการจัดตั้ง Thailand Future Fund มูลค่า 1 แสนล้านบาทของรัฐฯ จะเป็นปัจจัยหนุนให้การประมูลงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่มีความต่อเนื่อง โดย ITD มีจุดเด่นที่โครงการเหมืองแร่โปรแตซที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 1Q59 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการกำหนดวันทำประชาพิจารณ์ระดับจังหวัดครั้งสุดท้ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลาย ม.ค.หลังจากนั้นจะส่งเรื่องกลับมาให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาประมาณ 6 สัปดาห์ พร้อมคาดผลประกอบการปี 59 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 964 ล้านบาท

       - TVT(เคทีบี)เป้าเฉลี่ยจาก IAA Consensus 2.70 บาท ไตรมาส 4/58 คาดผลประกอบการโตขึ้นเนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ บวกกับมีการรับรู้รายได้จากการรับงานเพิ่ม(ละคร 2 และรายการ ส่วนความคืบหน้าของดีลควบรวมกิจการ(M&A)บริษัทที่ผลิตรายการโทรทัศน์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในต้นปีนี้ ด้านผู้บริหารคาดผลประกอบการปี 59 น่าจะดีขึ้น หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่แย่ลง โดยคาดว่าจะมีรายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เตรียมเปิดสตูดิโอใหม่ 3 แห่ง ซึ่งกำลังทยอยสร้างเสร็จ คาดว่าจะสามารถเปิดได้ในเดือน พ.ค. 2559 โดย 2 แห่งบริษัทฯจะใช้เอง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าเช่าลดลง และเพิ่มความสามารถในการผลิตรายการจากเดิม 13 รายการ เป็น 20 รายการ ส่วนอีก 1 แห่ง จะเปิดให้เช่า

      - AAV(โกลเบล็ก)เป้า Consensus สูงสุดที่ 7 บาท คาดกำไร Q4/58 เติบโตโดดเด่นจาก High Season การท่องเที่ยวและต้นทุนน้ำมันที่ลดลงราว 50% และได้อานิสงส์จากการเปิดอาคาร 2 ของสนามบินดอนเมือง ช่วยเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และผู้โดยสารได้มากขึ้น นอกจากนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2559 เติบโต 16% ตามจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 16.5 ล้านคน จาก 14.5 ล้านคนในปี 58 อีกทั้งได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันปรับตัวลง หนุนกำไรให้ขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าอัตราขนส่งผู้โดยสาร(Load Factor) ที่ 82% จากปีนี้ที่ 81% เนื่องจากการเพิ่มเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติมไปยังอีก 2-3 เมืองของประเทศอินเดีย รวมทั้งกลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) ในภูมิภาคอินโดจีน

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ภายหลังจากเกิดเหตุโจมตีสถานทูตซาอุดิอาระเบียในอิหร่าน

    ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับลง 0.3% สู่ระดับ 131.57 จุด เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้

    ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,782.62 จุด ลดลง 131.78 จุด, -0.60% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,536.59 จุด ลดลง 2.59 จุด, -0.07% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,954.47 จุด ลดลง 6.84 จุด, -0.35% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,686.82 จุด ลดลง 5.69 จุด, -0.34% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,315.79 จุด ลดลง 22.27 จุด, -0.27% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,818.58 จุด ลดลง 215.13 จุด, -1.13% ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 26,101.50 จุด ลดลง 16.04 จุด, -0.06%

       ส่วนดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,889.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.50 จุด, +0.23%

      ซาอุดิอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ก่อเหตุโจมตีหน่วยงานด้านการทูตของซาอุดิอาระเบียในอิหร่าน ภายหลังจากซาอุดิอาระเบียได้ประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 47 ราย รวมถึง นิมร์ อัลนิมร์ นักการศาสนาชื่อดังชาวชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อปี 2554

      ข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง เนื่องจากซาอุดิอาระเบียและอิหร่านต่างก็เป็นชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลาง

        อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เปิดเผยว่า

      ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ของสิงคโปร์ ขยายตัวขึ้น 5.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 1.7%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 31.73 จุด เหตุหุ้นพลังงานอ่อนตัว

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงตามความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมัน

    ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 31.73 จุด หรือ 0.51% ที่ 6,242.32 จุด

     ทั้งนี้ หุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป ดีดตัวขึ้น 1.54% สูงสุดในบรรดาหุ้นกลุ่มบลูชิป  ส่วนหุ้นสปอร์ต ไดเร็ค อินเตอร์เนชั่นแนล บวก 0.70% หุ้นริโอ ทินโต บวก 0.69% หุ้นเวิลด์เพย์ กรุ๊ป บวก 0.68%

     หุ้นเนชั่นแนล กริด ร่วง 1.96% ส่วนหุ้นเซนส์เบอรี่ ร่วง 1.87%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปอ่อนตัวลง เหตุวิตกศก.โลก-ราคาน้ำมัน

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ร่วงลง

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.5% ปิดที่ 365.81 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ลดลง 40.08 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 4,637.06 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปรับลง 31.73 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 6,242.32 จุด

     เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงถึง 3.5% ภายหลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 117.11 จุด เหตุวิตกราคาน้ำมันดิ่ง

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 ธ.ค.) เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงลงอีกครั้งหลังจากทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานให้รูดลง

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 117.11 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 17,603.87 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับลง 15.00 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 2,063.36 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 42.09 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 5,065.85 จุด

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ โดยมีแรงถ่วงจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 3% ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 487.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล

      ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ หลังสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายร่วงลง 0.9% สู่ระดับ 106.9 ในเดือนพ.ย. หลังจากที่มีการขยายตัวในเดือนต.ค.

    ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค.

     หุ้นเพพ บอยส์ - แมนนี โม แอนด์ แจ็ค (Pep Boys - Manny, Moe & Jack) ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกชิ้นส่วนรถยนต์ของสหรัฐ ร่วงลง 2.9% หลังจากที่มีรายงานข่าวว่านายคาร์ล ไอคาห์น นักลงทุนชาวสหรัฐ ได้ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าในการซื้อกิจการของเพพ บอยส์ ซึ่งจะเป็นการยุติศึกการประมูลระหว่างบริษัทไอคาห์น เอนเทอร์ไพรส์ แอลพี กับบริษัทบริดจสโตน คอร์ป ผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 1 ม.ค.2559 เนื่องในวันปีใหม่

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!