WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET29ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งในกรอบ,จับตาความเคลื่อนไหวกลุ่ม ICT มีผลต่อดัชนีฯ

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ โดยมีกลุ่ม ICT ที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะจะมีนัยต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีฯในช่วงนี้ ซึ่งตอนนี้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของกลุ่มนี้ได้ยากว่าตลาดฯมองอย่างไร ดังนั้นมองว่าการเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่ม ICT จะยังมีความผันผวนได้สูง

     ส่วนกลุ่มพลังงานก็ยังเป็นอีกกลุ่มที่น่าจะกดดันตลาดฯอยู่บ้าง เนื่องจากภาพโดยรวมของราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับต่ำ อย่างไรก็ดีตลาดฯยังอาจจะมีแรงพยุงจากหุ้นในกลุ่มอื่นๆ จากแรงซื้อของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ได้

      ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยปัจจัยจากต่างประเทศเวลานี้ไม่ได้มีประเด็นสำคัญนัก พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,280 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(21 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,251.62 จุด พุ่งขึ้น 123.07 จุด(+0.72%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,968.92 จุด เพิ่มขึ้น 45.84 จุด(+0.93%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.15 จุด เพิ่มขึ้น 15.60 จุด(+0.78%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 11.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 55.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 0.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 3.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 6.64 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 5.25 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(21 ธ.ค.58) 1,264.44 จุด ลดลง 20.48 จุด(-1.59%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,652.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(21 ธ.ค.58) ปิดที่ 34.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 1 เซนต์

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(21 ธ.ค.58)ที่ 9.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 36.08/10 แข็งค่าเล็กน้อย แต่แนวโน้มแกว่งแคบเข้าใกล้วันหยุดเทศกาล

      - นายกฯประชุม กพช. สั่งเตรียมการวางแผนอนาคตพลังงาน 20 ปี ชี้สมาคมโรงไฟฟ้าชีวมวล ต้องทำหนังสืออุทธรณ์ กรณีโวยราคารับซื้อแอดเดอร์-ฟีด ต่างกัน เผยถก "ฮุนเซน" รับปากหารือไทยขอใช้น้ำ

     - หลังจากวันที่ 21 ธ.ค. กลุ่มทรู และจัสมิน ผู้ชนะประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ แถลงทิศทางการทำธุรกิจแล้ว วันนี้ค่ายเอไอเอสและ ดีแทคจะแถลงถึงจุดยืนทางธุรกิจ

      - "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"รองนายกรัฐมนตรี เผยภายหลังการเดินทางไปตรวจเยี่ยมสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า บีโอไอได้ตั้งเป้าหมายยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2559 ไว้สูงถึง 4.5 แสนล้านบาท โดยได้ปรับเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปี 2558 ที่คาดว่ายอดการยื่นขอส่งเสริมลงทุนจะอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท และมั่นใจว่ายอดการลงทุนปีหน้าจะดีขึ้น หลังจากบีโอไอได้เดินสายออกไปโรดโชว์เพื่อสร้างความชัดเจนนโยบาย ส่งเสริมการลงทุนใหม่ ทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจมากขึ้น

      - สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือเอสแอนด์พี คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ที่ BBB+ และ A-2 สำหรับตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้น สกุลเงินต่างประเทศ และ A- และ A-2 สำหรับตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้น ในสกุลเงินบาท โดยให้เหตุผลว่า งบดุลของไทยและสภาพคล่องยังอยู่ในเกณฑ์ดี หนี้ภาครัฐอยู่ในระดับปานกลาง และไทยมีประวัติการใช้นโยบายการเงินและการคลังสนับสนุนความน่าเชื่อถือทางการคลัง

    - ส.อาหารแช่เยือกแข็งสั่งล้อมคอก ตัดไฟลามทั้งอุตสาหกรรม ออกระเบียบให้เลิกจ้าง 'ล้ง' นอกระบบ ยกภาพสินค้าไทยไม่ละเมิดแรงงานทาสตามเกณฑ์สหรัฐ-ยุโรป พร้อมลงดาบบริษัทไหนไม่ทำตามถูกตัดสิทธิส่งออก พณ.เผยสินค้าไทยยังไม่ถูกยกออกจากชั้นวางในตลาดยุโรป มั่นใจมาตรฐานสอบผ่าน

*หุ้นเด่นวันนี้

      - CBG(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 40 บาท แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากค่าสปอนเซอร์ในปี 59 แต่คาดว่าบริษัทจะกลับมาเติบโตในอีก 2-3 ปีข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งจากการโปรโมทผ่านสโมสรฟุตบอล พร้อมคาดปี 58 บริษัทมีกำไรสุทธิราว 1,288 ล้านบาท เติบโต 41%

     - หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว(ไอร่า) เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) สายการบิน (เช่น AAV) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/581Q/59

      - KTB(เคจีไอ)"สะสม"เป้า 19.5 บาท คาดนักลงทุนสถาบันอาจปรับพอร์ตหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มบลูชิพอื่น อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่เป็นลักษณะ Consumption play และมีแนวโน้มที่ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวเด่นในปีหน้า + Valuation ที่น่าสนใจ โดยประเมินหุ้น KTB มีความน่าสนใจในเรื่องธีมการลงทุนทั้งเรื่องเงินลงทุนภาครัฐฯในปีหน้า และการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน Valuation น่าสนใจด้วย PBV = 0.98 เท่า ขณะที่ ROE เฉลี่ย 1213% ต่อปี

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ หลังจีนส่งสัญญาณกระตุ้นศก.เพิ่มเติม

    ตลาดหุ้นเอเชียขยับขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่มีรายงานว่าจีนเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมในปีหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

     ดัชนี MSCI Asia Pacific บวกเกือบ 0.1% แตะ 130.05 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,927.86 จุด เพิ่มขึ้น 11.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,645.99 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,846.90 จุด เพิ่มขึ้น 55.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,283.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,984.37 จุด เพิ่มขึ้น 3.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,852.19 จุด เพิ่มขึ้น 6.64 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,634.34 จุด เพิ่มขึ้น 5.25 จุด

      ทั้งนี้ ในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจกลาง ซึ่งบรรดาผู้นำของจีนเข้าร่วมการประชุมในสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการหารือเกี่ยวกับมาตรการลดต้นทุนทางธุรกิจและสร้างเสถียรภาพต่อตลาดที่อยู่อาศัย ตลอดจนเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 17.58 จุด ขณะหุ้นน้ำมันร่วง

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) โดยมีแรงถ่วงจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังคงได้ปรับตัวย่ำแย่ตามราคาน้ำมัน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 17.58 จุด หรือ 0.29% ที่ 6,034.84 จุด หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

     หุ้นกลุ่มน้ำมันที่ร่วงลงได้กดดันตลาดหุ้นลอนดอน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ รูดลง 1.3% ขณะที่หุ้นบีพี ปรับลง 1.2% และหุ้นบีจี กรุ๊ป อ่อนแรงลง 0.9%

     สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ยังคงปรับตัวสูงขึ้น

     หุ้นแอสโซซิเอทส์ บริติช ฟู้ดส์ ลดลง 2.7% หลังจากบริษัทถูกปรับลดอันดับความน่าลงทุนจากบริษัทอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ซึ่งระบุว่าถึงความวิตกเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้า

       อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากหุ้นเกลนคอร์เพิ่มขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทซิตี้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัท

     ส่วนหุ้นไอทีวีพุ่งขึ้น 2.9% หลังมีข่าวว่าระบุว่า บริษัทอาจจะเจรจาซื้อขายกิจการกับบริษัทคอมแคสท์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกการเมืองสเปน,หุ้นพลังงานร่วง

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนทุบเขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสเปน หลังจากมีรายงานว่ายังไม่มีพรรคการเมืองใดคว้าเสียงข้างมากในสภา หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปของสเปนสิ้นสุดลง

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 357.15 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,565.17 จุด ลดลง 60.09 จุด หรือ -1.30% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,497.77 จุด ร่วงลง 110.42 จุด หรือ -1.04% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,034.84 จุด ลดลง 17.58 จุด หรือ -0.29%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดหุ้นสเปนร่วงลงอย่างหนัก หลังจากมีรายงานว่า ถึงแม้พรรคประชาชน (PP) ของนายมาเรียโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน คว้าที่นั่งส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งทั่วไปของสเปน แต่พรรคของเขาก็ยังไม่สามารถคว้าเสียงข้างมากในสภา ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากพรรค Podemos และพรรค Citizens (Ciudadanos) ก็ได้รับคะแนนเสียงไปส่วนหนึ่งเช่นกัน

      ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในสเปนส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารของสเปนร่วงลงด้วย โดยหุ้นธนาคารบังโค ซานตานเดร์ และหุ้นบังโค บิลบาว วิซคายา อาร์เจนตาเรีย ต่างก็ร่วงลงกว่า 4.7%

     หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นำโดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลง 1.47% หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี

     ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดร่วงลง แม้ธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ โดยการใช้จ่ายของผู้อพยพ และรายได้ที่เพิ่มขึ้น ได้ช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 123.07 จุด

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคารได้รับแรงซื้อแข็งแกร่งสุด

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,251.62 จุด พุ่งขึ้น 123.07 จุด หรือ +0.72% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,968.92 จุด เพิ่มขึ้น 45.84 จุด หรือ +0.93% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.15 จุด เพิ่มขึ้น 15.60 จุด หรือ +0.78%

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย และเคลื่อนไหวในแดนบวกกระทั่งตลาดปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

      หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟิร์สท์ โซลาร์ และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 2.8% ส่วนหุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 1.2% เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการทำกำไรของแอปเปิล หลังจากแอปเปิลเปิดเผยกำไรในไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขาย iPhone ในจีนซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีแม้ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกซบเซาลงก็ตาม

      หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นอินเวสโก ดีดตัวขึ้น 3% หุ้นโคเมริกา อิงค์ และหุ้นคีย์คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.3%

      หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 5.9% ขณะที่หุ้น Oneok Inc พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยแนวโน้มทางการเงินในปี 2559 ซึ่งรวมถึงแผนการจ่ายเงินปันผล

      หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพทะยานขึ้นขานรับข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐที่ระบุว่า ชาวอเมริกันกว่า 6 ล้านคนได้ลงทะเบียนในโครงการ "โอบามาแคร์" ซึ่งเป็นโครงการตามกฎหมายประกันสุขภาพ Patient Protection and Affordable Care Act (PPACA) ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา  โดยหุ้นเทเน็ท เฮลธ์แคร์ และหุ้นเอชซีเอ โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 4.8%

     สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตขยับลงสู่ระดับ -0.30 ในเดือนพ.ย. จาก -0.17 ในเดือนต.ค.

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงจีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 3/2558, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!