- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 17 December 2015 11:48
- Hits: 3604
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซต์เวย์ แม้ตปท.บวกแต่เจอกลุ่มพลังงาน-สื่อสารกดดัน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์ แม้ว่าตลาดต่างประเทศจะเป็นบวกก็ตามจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดที่ 0.25% แต่มีข้อดีตรงที่มีการปรับมุมมองเศรษฐกิจปีหน้าดีขึ้น และคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ไม่แรงในครั้งต่อ ๆ ไป ส่งผลให้ตลาดสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนบวกด้วย
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ และการประมูล 4G คลื่น 900 MHz ที่ยังไม่ยุติ ทำให้ระดับราคาประมูลขึ้นไปเฉียดแสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่ทุกสำนักได้คาดการณ์ไว้ จึงอาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มสื่อสารได้ แต่ทั้งนี้อาจเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ได้ประโยชน์ในแง่ของการปล่อยกู้
พร้อมให้แนวรับ 1,280-1,290 จุด ส่วนแนวต้าน 1,310-1,320 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(16 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,749.09 จุด พุ่งขึ้น 224.18 จุด(+1.28%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,071.13 จุด เพิ่มขึ้น 75.77 จุด(+1.52%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,073.07 จุด เพิ่มขึ้น 29.66 จุด(+1.45%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 314.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.66 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 29.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 139.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.44 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(16 ธ.ค.58)1,299.12 จุด ลดลง 1.39 จุด(-0.11%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 560.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(16 ธ.ค.58) ปิดที่ 35.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.83 ดอลลาร์ หรือ 4.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(16 ธ.ค.58)ที่ 9.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.96 หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามตลาดคาด ยังรอผล BOJ
- การประมูลคลื่น 900 MHz ในระบบ 4จี ของยักษ์ใหญ่ค่ายมือถือ 4 ราย ยังคงสู้ราคากันดุ จนถึงช่วงพักการประมูลเวลา 21.00 น. ของวันที่ 16 ธ.ค. 2558 โดยราคาในรอบที่ 90 คลื่นล็อตที่ 1 ราคา 41,844 ล้านบาท คิดเป็น 260.22% ของมูลค่าคลื่นความถี่ ล็อตที่ 2 ราคา 43,454 ล้านบาท คิดเป็น 270.24% ของมูลค่าคลื่นความถี่ รวมราคาสูงถึง 85,298 ล้านบาท ทำสถิติสูงกว่าคลื่น 1800 MHz ที่ประมูล 2 ใบอนุญาต ราคารวม 80,778 ล้านบาท
- บอร์ด กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ในการประชุมครั้งสุดท้ายปีนี้ เผยปี 58 มีโอกาสเศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงกว่าประมาณการเดิม 2.7% แต่ปี 59 ยังคงใกล้เคียงเดิม 3.7% ชี้นโยบายการเงินยังมีพื้นที่ผ่อนคลายเพิ่มเติม พร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายดูแล คาดเงินเฟ้อกลับเป็นบวกครึ่งแรกปี 59
- "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 17 ธ.ค.นี้ จะประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 4 โดยมีนายหวางหย่ง มนตรีแห่งรัฐสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานฝ่ายจีน
- นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ธปท.จะแถลงรายละเอียดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2559 โดยคาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าในปีนี้ ซึ่ง ธปท.เคยประเมินไว้ที่ 3.7%
- ซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจลดลงไปเหลือระดับ 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังอิหร่านพ้นจากการคว่ำบาตรและเพิ่มกำลังการผลิต ประกอบกับผู้ผลิตน้ำมันยังเดินหน้าผลิตจนเต็มคลังน้ำมันดิบในแต่ละประเทศ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 จะเป็นการบีบให้ผู้ผลิตปรับลดกำลังการผลิต
*หุ้นเด่นวันนี้
- MINT(โกลเบล็ก)เป้า Consensus สูงสุด 42 บาท คาดรายได้และกำไร 4Q15 – 1Q16 โดดเด่นจาก High Season การท่องเที่ยว และร้านอาหารที่เติบโตขึ้น และมีปัจจัยหนุน 4Q15 คาดมีรายได้จากการขายโรงแรม รวมถึงบันทึกกำไรการซื้อโรงแรมกลุ่ม Tivoli 7 โรงแรม (บราซิล 2 แห่ง โปรตุเกส 5 แห่ง)อีกทั้งยังอยู่ระหว่างทำดีลซื้อกิจการโรงแรม Tivoli อีก 7 แห่ง
- CENTEL(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 46.50 บาท เชื่อจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากสถิตินักท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งของไทยในปีนี้และปีหน้า ในขณะที่ยังมีปัจจัยหนุนระยะสั้นอีกจากดีลเจรจาเข้าซื้อกิจการ KFC จากบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Yum ที่ประกาศขายสาขา KFC 120-150 สาขาให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์รายใหม่ โดยประเมินหาก Centel สามารถซื้อสาขาร้าน KFC 120-150 สาขาจาก Yum ที่ราคา 8x ของ EBITDA รายได้ของบริษัทในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 พันล้านบาท (+14% จากประมาณการในปัจจุบันที่ 2.13 หมื่นล้านบาท) และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13% เป็น 2.5 พันล้านบาท (1.84 บาทต่อหุ้น) จากปัจจุบัน 2.2 พันล้านบาท (1.63 บาทต่อหุ้น) อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรับเพิ่มประมาณการของ Centel เนื่องจากดีลนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่หากบริษัทชนะประมูล ราคาเป้าหมายจะเพิ่มขึ้น 13% เป็น 52.5 บาท
- PLANB(เคทีบี)เป้าเฉลี่ย IAA Consensus 7.25 บาท โดย"นีลเส็น"รายงานตัวเลขสื่อโฆษณาเดือน พ.ย. ของกลุ่ม Outdoor ที่ 377 ล้านบาท สูงขึ้น 13.5% YoY และ 8.0% MoM ขณะที่ตัวเลข 11 เดือน แรก โต 6.5% ยอดการโฆษณาผ่านสื่อ Outdoor ขยายตัวต่อเนื่อง โดย PLANB รวมทั้งขยายธุรกิจด้วยการซื้อกิจการ ร่วมกับผู้ประกอบการรายอื่น และเพิ่มช่องทางในการนำเสนอสื่อ ล่าสุด ใช้เงิน 20 ล้านบาท ซื้อกิจการ "เดอะวันพลัส" เจ้าพ่อสื่อโฆษณาดิจิตอลใน 6 สนามบินของ AOT และ SET ให้ PLANB บรรจุเข้าคำนวณ SET100 มีผล 1 ม.ค.59 สำหรับงบฯปี 58 ผลสำรวจคาดจะมีกำไร 422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัวจากปีก่อน
- EPG(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 15 บาท วานนี้ราคาหุ้นพุ่งทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดฯ แต่ยังคิดเป็น Forward PE ปี 2016 ที่ 20 เท่า ไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับกำไรที่คาดว่าจะโตเฉลี่ยกว่า 30% ต่อปีในช่วง 3 ปีนี้ อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้ที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 9% ในอดีตเป็น 15-16% ในปัจจุบัน ROE ยกระดับจาก 7-8% เป็น 16-17% โครงสร้างทางการเงินแข็งแรง มีหนี้สินต่อทุนเพียง 0.4 เท่า ล่าสุด EPG เป็นหุ้นที่ถูกนำเข้าไปคำนวณใน SET100 งวด ม.ค. – ธ.ค. 2016 สำหรับกำไร 3Q16 (ต.ค.-ธ.ค. 2015) เชื่อว่าจะเดินหน้าทำ new high ต่อจากทั้งธุรกิจหลักที่ดีต่อเนื่อง และอานิสงส์ที่ได้จากเงินบาทอ่อนและราคาน้ำมันถูกลง
- ASEFA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 7 บาท การเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (2015-17) ที่ 17% กำไรที่โตสูงมาจากการเร่งผลักดันการลงทุนต่างๆของภาครัฐ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ด้านโทรคมนาคม โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน รวมทั้งการเติบโตของธุรกิจ Data Center สำหรับ Backlog สิ้น 3Q15 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท คาดรับรู้เป็นรายได้ 40% ใน 4Q15 ที่เหลือรับรู้ใน 1H16 และมีงานที่อยู่ระหว่างเจรจาและเข้าร่วมประมูลอีก 2.5-3 พันล้านบาท ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะได้งานเพราะเป็นผู้นำในตลาดสวิทซ์บอร์ดไฟฟ้า มีประสบการณ์ยาวนาน และมีความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรทางการค้าทั้งผู้จัดจำหน่ายและลูกค้าของบริษัท
ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้นเช้านี้ หลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยตามคาด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนี MSCI Asia Pacific ปรับขึ้น 0.9% เมื่อเวลาประมาณ 09.50 น.ตามเวลาโตเกียว ในวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,364.57 จุด เพิ่มขึ้น 314.66 จุด, +1.65% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,984.06 จุด เพิ่มขึ้น 14.66 จุด, +0.74% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,214.62 จุด เพิ่มขึ้น 29.96 จุด, +0.37% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,843.70 จุด เพิ่มขึ้น 2.78 จุด, +0.10%
ส่วนดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,635.96 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุด, +0.11% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,841.09 จุด เพิ่มขึ้น 139.88 จุด, +0.64% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,533.63 จุด เพิ่มขึ้น 17.44 จุด, +0.50%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2549
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุว่า เฟดคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวในลักษณะที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะปรับนโยบายตามภาวะเศรษฐกิจ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อหุ้นพลังงาน หนุนฟุตซี่ปิดบวก 43.40 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด โดยตลาดหุ้นลอนดอนได้ปิดทำการซื้อขายก่อนที่เฟดจะแถลงมติการประชุม
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 43.40 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 6,061.19 จุด ทำสถิติปรับตัวขึ้น 2 วันติดต่อกัน
หุ้นพลังงานปรับตัวขึ้นถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลง โดยหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช เชลล์ เพิ่มขึ้น 0.1%
หุ้นดิกซันส์ คาร์โฟน เพิ่มขึ้น 1.8% หลังร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกรายใหญ่เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรก่อนภาษีและส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น
หุ้นแอสทราเซเนกาเพิ่มขึ้น 0.6% หลังบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อธุรกิจด้านการหายใจของบริษัททาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการประกาศผลภายหลังจากที่ตลาดปิดทำการไปแล้ว โดยมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในประชุมครั้งนี้ หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก เหตุนักลงทุนเดินหน้าซื้อหุ้นต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) โดยนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นติดต่อกันสองวันทำการ พร้อมกับจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด โดยตลาดหุ้นยุโรปได้ปิดทำการซื้อขายก่อนที่เฟดจะแถลงมติการประชุม
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 360.43 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,624.67 จุด เพิ่มขึ้น 10.27 จุด หรือ +0.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,469.26 จุด เพิ่มขึ้น 18.88 จุด หรือ +0.18% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,061.19 จุด เพิ่มขึ้น 43.40 จุด หรือ +0.72%
นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับจับตาดูผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการประกาศผลภายหลังจากที่ตลาดปิดทำการไปแล้ว โดยมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในประชุมครั้งนี้ หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทประกาศแผนปรับโครงสร้างด้านการบริหารจัดการ ขณะที่หุ้นเวสตัส วินด์ ซิสเต็มส์ ทะยานขึ้น 4.3% ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐอาจลงมติให้มีการเพิ่มขอบเขตการสนับสนุนพลังงานทดแทน
หุ้นโฟล์คสวาเกน ร่วงลง 4.12% หลังจากมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมกฎระเบียบด้านรถยนต์ของเยอรมนีได้อนุมัติข้อเสนอของบริษัทในการแก้ไขรถยนต์ดีเซลที่มีการติดตั้งโปรแกรมโกงการตรวจจับมลพิษในไอเสียในเยอรมนีและยุโรป
โบรกเกอร์กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวก แต่ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนดีดตัวแตะระดับ 0.2% ในเดือนพ.ย. แต่ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปที่ 2%
ขณะที่ผลสำรวจมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลงแตะ 54.0 ซึ่งเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 54.2 ในเดือนพ.ย.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 224.18 จุด ขานรับเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นในอนาคตได้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,749.09 จุด พุ่งขึ้น 224.18 จุด หรือ +1.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,071.13 จุด เพิ่มขึ้น 75.77 จุด หรือ +1.52% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,073.07 จุด เพิ่มขึ้น 29.66 จุด หรือ +1.45%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2006
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุว่า เฟดคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวในลักษณะที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะปรับนโยบายตามภาวะเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.4% ในปี 2016, 2.2% ในปี 2017 และ 2.0% ในปี 2018 ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นจาก 0.4% ในปี 2015 สู่ระดับ 1.6% ในปี 2016 และสู่ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด ในปี 2018
นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดได้ซึมซับกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และการที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า เฟดมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับตัวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นในอนาคตได้
ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวขึ้นและลงคละเคล้ากันไปหลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 2.6% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์และกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.9% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ
หุ้นฮันนีเวลล์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน พุ่งขึ้น 5.7% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มยอดขายในปีนี้ ขณะที่หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากมีการคาดการณ์ว่าบริษัทอาจจะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นและซื้อคืนหุ้นในปีหน้า
ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 10.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.173 ล้านยูนิต หลังจากดิ่งลง 12% ในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัดช่วงไตรมาส 3/2558, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.จาก Conference Board