WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET36ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าผันผวนทางลง แรงกดดันราคาน้ำมันไหลลงต่อ กังวลศก.โลกชะลอ

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนโอกาสปรับลงก่อน คาดทดสอบ 1,290-1,300 จุด และคิดว่าจากตรงนี้น่าจะลุ้นดีดกลับได้ โดยเชื่อว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ปรับลงมามากๆ ในทางเทคนิคตลาดอยู่ในภาวะการขายมากเกินไป (Oversold) โดยให้แนวต้านของการดีดกลับที่ 1,315-1,320 จุด

      ภาพรวมตลาดยังได้รับแรงกดันจากราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับตัวลงต่อ ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก หลังทางการจีนประกาศส่งออกหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันและหดตัวมากกว่าตลาดคาดการณ์ ส่วนในประเทศมีกระแสปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยังมีแรงกดดันตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์

        "วันนี้ตลาดต่างประเทศค่อนไปทางลบราว 0.2-0.3% โดยรวมยังมีแรงกดดันระยะสั้นอยู่" นายอภิชาติ กล่าว

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

        - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(8 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,568.00 จุด ลดลง 162.51 จุด (-0.92%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,098.24 จุด ลดลง 3.57 จุด (-0.07%) ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,063.59 จุด ลดลง 13.48 จุด (-0.65%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 101.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 131.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 14.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.05 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(8 ธ.ค.58) 1,306.98 จุด ลดลง 26.59 จุด(-1.99%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 315.59 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(8 ธ.ค.58) ปิดที่ 37.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.4%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(8 ธ.ค.58)ที่ 7.58 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.92/94 คาดแกว่งแคบ-วอลุ่มเบาบางใกล้วันหยุด ไร้ปัจจัยใหม่

      - "สมคิด" ชง ครม.สัปดาห์หน้า ตั้งกองทุน "ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์" วงเงินแสนล้าน พร้อมดัน 5 โครงการ เข้า "พีพีพี ฟาสต์แทรค" ในปี 2559 มั่นใจเอกชนสนใจร่วมทุน นายกฯ สั่งต้องใช้ของในประเทศ 30%

       - "ค่ายรถ" ประเมินยอดขายในประเทศปีหน้าหดตัว เหตุกำลังซื้อถูกดึงล่วงหน้าจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ แนะรัฐเอื้อลงทุนวิจัยและพัฒนาสร้างอุตฯ ยานยนต์ยั่งยืน ลดเสี่ยงย้ายฐานผลิต ขณะรัฐเดินหน้าหนุนลงทุนยานยนต์ ดึงชิ้นส่วนฯ มีบทบาทออกแบบ หวังพัฒนาบุคลากรเทคโนโลยี

       - แบงก์พาณิชย์ ชี้การปรับโครงสร้าง ค่าธรรมเนียมต้องสร้างสมดุลให้เหมาะสมกับต้นทุน "ไทยพาณิชย์" ระบุที่ผ่านมาธนาคารขนาดใหญ่ลงทุนมาก ไม่สามารถหั่นค่าธรรมเนียมได้เหมือนแบงก์เล็ก ยอมรับหากลดลง กระทบรายได้ปีหน้า "ธนชาต" หนุนปรับโครงสร้างใหม่ เหตุเทคโนโลยีทำต้นทุนเปลี่ยน

      - "เอียซ่า" ประกาศผลตรวจสอบมาตรฐานไทย 10 ธ.ค.นี้ "จุฬา" เผยแนวโน้มดี ระบุไม่ดึงเกณฑ์ไอเคโอและเอฟเอเอมาใช้ "อาคม" ลงนามร่วมเอียซ่าพัฒนาการบินของไทย หลัง ครม.ไฟเขียวงบ 100 ล้านบาท สางปัญหาตั้งเป้าวางแผนงาน 3 ระยะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเทียบสากล ด้านการบินไทยมั่นใจผ่านมาตรฐานเอียซ่า

       - ราคาน้ำมันโลกร่วง ส่งผลนักลงทุนถล่ม ขายหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น "ปตท.-ปตท.สผ." ราคาทรุดหนัก พร้อมประเมินเฟดขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน ฉุดดัชนีหุ้นไทยรูดเกือบหลุดระดับ 1,300 จุด โบรกเกอร์แนะชะลอลงทุน เหตุไร้ปัจจัยบวกหนุน

    - "แบงก์ชาติ" เตรียมแก้ พ.ร.บ.ธปท. ขยายสินทรัพย์ลงทุนในส่วนของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เปิดทางลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกได้ หวังเพิ่มความคล่องตัวในการบริหาร ทุนสำรองฯ ทั้งช่วยสร้างผลตอบแทน ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงรวมทั้งการดูแลสภาพคล่องเผยกระทรวงคลังอนุมัติแล้วจ่อเข้าครม.เร็วๆ นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

      - CK(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับเป้าปีหน้าขึ้นเป็น 40 บาท จาก 36 บาท ชนะงานประมูลรถไฟรางคู่จิระ-ขอนแก่น ในราคา 2.34 หมื่นล้านบาท ทำให้ Backlog เพิ่มเป็น 8.98 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ วานนี้ครม.เห็นชอบการควบรวม BECL-BMCL ซึ่งทำให้หุ้นใหม่ BEM มีความแข็งแกร่งโดยมีทั้งธุรกิจทางด่วนที่เป็น cash cow และรถไฟฟ้าที่เติบโตได้อีกมาก ขณะที่ CK ได้ประโยชน์ทันทีจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ BEM ตามสัดส่วนที่ถือคือ 27% โดยปรับกำไรปกติของ CK ปี 2016 ขึ้น 40% เป็นโตถึง 246% Y-Y ราคาหุ้น CK ในช่วง 4QTD ปรับขึ้นเพียง 1% laggard มากเมื่อเทียบกับ BECL และ BMCL ที่บวก 15-17% ยังให้ CK เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

       -IFEC(เคจีไอฯ)"ซื้อ"เป้า Consensus 13.3 บาท ราคาหุ้นไม่สะท้อนโครงการพลังงานทดแทนในมือกว่า 400MW (ทยอย COD แล้ว 43MW) แบ่งเป็น PPA โซลาร์ฟาร์มรวม 43MW  โดยอยู่ในไทย 23MW และกัมพูชา 20MW ,PPA ลมรวม 248.765MW  อยู่ในไทย 28.765MW ,เกาหลีใต้ 33MW (ถือหุ้น 30%) และเวียดนาม 210MW ,LOI ลมในไทย 180MW รอการเปิดประมูลไตรมาส 3/59 อยู่ระหว่างสรุปแผนลงทุนอื่นเพิ่มเติมระหว่างรอการก่อสร้างโดยใช้ บ.ลูก ICAP (คาดได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ และอาจบันทึกรายได้จากการลงทุนในไตรมาส 4/59)

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ ขณะจับตาเงินเฟ้อจีน

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ในวันนี้

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.4% แตะ 130.14 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,391.50 จุด ลดลง 101.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,462.58 จุด ลดลง 7.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,773.77 จุด ลดลง 131.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,329.86 จุด ลดลง 14.00 จุดดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,951.39 จุด เพิ่มขึ้น 2.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,870.64 จุด ลดลง 5.39 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,667.19 จุด ลดลง 2.05 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 88.30 จุด นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) นำโดยการร่วงลงของหุ้นแองโกล อเมริกัน ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆต่างก็ปรับตัวย่ำแย่ด้วย

       ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 88.30 จุด หรือ 1.42% ที่ 6,135.22 จุด

        ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากหุ้นแองโกล อเมริกัน ที่รูดลงกว่า 12% หลังจากบริษัทระงับการจ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้าง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนจะปรับลดจำนวนพนักงานลงด้วย

       ส่วนหุ้นอื่นๆในกลุ่มเหมืองแร่ก็อ่อนแรงลง โดยหุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 8.4% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับลง 5.5%

       หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวย่ำแย่ในปีนี้ ตามราคาโลหะที่ร่วงลง และยังได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่มากเกินไป ประกอบกับเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง

      นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงอ่อนแอก็เป็นปัจจัยลบต่อตลาด โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนต.ค. แต่ยังคงส่งสัญญาณอ่อนแอ

     ONS ระบุว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรมขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายปี แม้ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็ยังอ่อนแอเกินกว่าที่จะส่งแรงหนุนต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วง ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีรายงานว่ามูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนหดตัวลงในเดือนพ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 365.75 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,681.86 จุด ลดลง 74.55 จุด หรือ -1.57% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,673.60 จุด ร่วงลง 212.49 จุด หรือ -1.95% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,135.22 จุด ลดลง 88.30 จุด หรือ -1.42%

      นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากจีนซึ่งเป็นตลาดนำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของโลกนั้น รายงานว่า มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 4.5% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.16 ล้านล้านหยวน (3.37 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน

      ข้อมูลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 5.5% หุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 12.3% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 8.4% และหุ้นซีดริลล์ ร่วงลง 9.5%

     นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ เพื่อดูว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณดังกล่าว โดยล่าสุดนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า เศรษฐกิจและตลาดการเงินในปัจจันอยู่ในภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 162.51 จุด วิตกศก.จีน,ราคาน้ำมันร่วง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันสองวันทำการเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกหลังจากมีรายงานว่า มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนหดตัวลงในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,568.00 จุด ลดลง 162.51 จุด หรือ -0.92% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,098.24 จุด ลดลง 3.57 จุด หรือ -0.07% ดัชนี S&P500 ปิด 2,063.59 จุด ลดลง 13.48 จุด หรือ -0.65%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก หลังจากจีนซึ่งเป็นตลาดนำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของโลกนั้น รายงานว่า มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 4.5% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.16 ล้านล้านหยวน (3.37 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน

      ขณะที่การส่งออกของจีนในเดือนพ.ย.ลดลง 3.7% แตะ 1.25 ล้านล้านหยวน และการนำเข้าปรับลง 5.6% ที่ 9.10 แสนล้านหยวน ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าขยายตัว 2% สู่ระดับ 3.431 แสนล้านหยวน

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง และหุ้นคินเดอร์ มอร์แกน ปรับตัวลงกว่า 3.5% และหุ้นอนาดาโค ปิโตรเลียม ร่วงลงแตระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเช่นกัน หลังจากราคาทองแดงอ่อนแรงลง โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 6.8% และหุ้นอัลโคร่วงลงหนักสุดในรอบ 2 เดือน

      หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลง โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส หุ้นสปิริท แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.9%

     นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ เพื่อดูว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณดังกล่าว โดยล่าสุดนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า เศรษฐกิจและตลาดการเงินในปัจจันอยู่ในภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

       การแสดงความเห็นของนายล็อคฮาร์ทมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 211,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!