WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET9 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตปท.,จับตาประมูลรถไฟทางคู่-ประชุม BOJ

    นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้าตามดาวโจนส์ หลังจากที่มองกันว่าหากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคงจะไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากคนก็ได้รับรู้ไปแล้วก่อนหน้านี้ อีกทั้งก็เป็นลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งตลาดเกิดไหม่อาจจะไม่ค่อยดี แต่ตลาดพัฒนาแล้วจะดี เพราะเศรษฐกิจของสหรัฯฐแข็งแกร่ง กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็ดี

       นอกจากนี้ ให้จับตาเหตุการณ์ก่อการร้ายในฝรั่งเศสว่าจะมีการลุกลามออกไปหรือไม่ และให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) วันนี้ว่าจะมีการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ตลาดฯก็ไม่ได้คิดว่าจะทำ

        สำหรับ ในประเทศให้ติดตามการประมูล e-Auction โครงการรถไฟทางคู่ในวันนี้ ซึ่งก็อาจจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯได้ ส่วนงาน Set in the City ปกติจะทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)มากขึ้น ซึ่งตลาดฯก็อาจจะได้รับแรงหนุนไปด้วย แต่ช่วงนี้จะเห็นได้ว่านักลงทุนรายสถาบันได้ซื้อไปบ้างแล้ว

       พร้อมให้แนวรับ 1,368 จุด ส่วนแนวต้าน 1,388-1,394 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(18 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,737.16 จุด พุ่งขึ้น 247.66 จุด(+1.42%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,075.20 จุด เพิ่มขึ้น 89.19 จุด(+1.79%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,083.58 จุด เพิ่มขึ้น 33.14 จุด(+1.62%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 202.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.31 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 235.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 41.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 21.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.59 จุด

ด้านตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 พ.ย.58)1,376.82 จุด ลดลง 13.35 จุด(-0.96%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,640.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พ.ย.58

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 พ.ย.58) ปิดที่ 40.75 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.2%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 พ.ย.58)ที่ 9.29 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 35.93/95 กลับมาแข็งค่า คาดแกว่งแคบในกรอบ 35.90-36.00

        - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษงานสัมมนา "Thailand Economic Outlook 2016 อนาคตเศรษฐกิจไทย เติบโตอย่างไรในบริบทใหม่" ว่า ปีนี้ไม่ต้องห่วง อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยจะทะลุ 3% แน่นอน เพราะหลังจากนี้ไปเศรษฐกิจไทยมีแต่จะดีขึ้น แต่จะดีได้แค่ไหน อยู่ที่คนไทยทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมขยายการลงทุน

     - "สมคิด" ประกาศ ปีหน้าเป็นปีแห่งการลงทุน หลังรัฐบาลเตรียมพร้อมลงทุนทั้งโครงการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ขอเอกชนอย่ากลัวที่จะลงทุน ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องร่วมมือรัฐดันเศรษฐกิจให้เดินหน้า เชื่อปีนี้จีดีพีโต 3% หากไม่เกิดเหตุรุนแรงกับจีน ระบุประมูล 4G คาดมีเงินเข้ารัฐ 1.3-1.4 แสนล้านบาท เอามาลงทุนโครงการต่างๆ ได้ เล็งตั้งกองทุนร่วมทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน หวังช่วยขยายการลงทุนอีกแรง

      - วันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบในคดีที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กับพวกรวม 3 ราย กรณีนำคลื่น 1800 MHz ไปเปิดประมูล

       - นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ปาฐกถาพิเศษ "เมกะโปรเจกต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย" ว่า จะเร่งเดินหน้าการลงทุนภายใต้ยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 ภายใต้ 5 แผนงาน ได้แก่ 1.โครงข่ายขนส่งรถไฟฟ้า 2.ความสามารถทางหลวงเชื่อมทางขนส่ง (มอเตอร์เวย์) 3.โครงข่ายขนส่งทางน้ำ 4.ระบบราง 5.ขนส่งทางอากาศ รวม 20 โครงการ วงเงิน 1.79 ล้านล้านบาท ให้เกิดเป็นรูปธรรมในปีหน้า

        - บิ๊ก สคร.ตีปี๊บจีดีพี ชี้ ปีหน้าโต 4% แนะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจด้วยการลดพึ่งพาส่งออก เน้นลงทุนในประเทศ เผย PPP Fast Track จะสร้างความเชื่อมั่นกลับ คืนมา

*หุ้นเด่นวันนี้

       - กลุ่มสื่อสารฯ(ฟินันเซีย ไซรัส)ศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีสหภาพฯ CAT ค้านประมูลคลื่น 1800MHz เนื่องจากเห็นว่าผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรง ทำให้คาดว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งเดียวกันต่อคำฟ้องของสหภาพฯ TOT ที่ค้านประมูลคลื่น 900 MHz และทำให้การประมูลจะยังคงเกิดขึ้นได้ในวันที่ 15 ธ.ค. นี้ เหลือเพียงแค่ราคาประมูลที่ยังต้องจับตาและมีโอกาสที่จะสูงกว่าราคาตั้งต้นมากเหมือนคลื่น 1800 MHz แต่ราคาเป้าหมายของ ADVANC ที่ 270 บาทรองรับราคาประมูลได้ราว 3.3 หมื่นลบ.สูงกว่าราคาตั้งต้น 150% ยังแนะนำ"ซื้อ"

      - รฟท.จะเปิดประมูล e-Auction รถไฟทางคู่ฉะเชิงเทราคลองสิบเก้า-แก่งคอย 2 สัญญาวันนี้ ช่วงเช้าประมูลสัญญาที่ 1 วงเงิน 9.9 พันล้านบาท ส่วนสัญญา 2 ประมูลช่วงบ่าย วงเงิน 598 ล้านบาท สร้างสีสันให้กับ CK ITD STEC UNIQ ราคาอาจเหวี่ยงแรงหลังทราบผลประมูล Top pick ยังเป็น CK ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 33 บาท(ฟินันเซีย ไซรัส)

        - MINT (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซ้อ"เล็งปรับเป้าขึ้นเป็นราว 40 บาท แนวโน้มกำไร 4Q15-1Q16 ของ MINT ยังสดใสต่อเนื่องจาก High Season ของธุรกิจโรงแรม เรายังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้โต 8% Y-Y ส่วนปี 2016 คาดว่ามี Upside ราว 10% จากปัจจุบันที่คาดว่าจะโต 14.3% Y-Y จากมีโอกาสปิดดีลซื้อโรงแรมในโปรตุเกสเพิ่มอีก 7 แห่งรวมถึงการ Consolidate งบการเงินของ Minor DKL  โดยเบื้องต้นมีสิทธิโตถึง 26% Y-Y และเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มท่องเที่ยว

      - BH(เคจีไอ)"ซื้อ"เป้า 267 บาท รู้สึกดีกับผลประกอบการของ BH ใน 3Q15 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 843 ล้านบาท (+10% YoY, -1% QoQ) ผลประกอบการโดยรวมยังคงแข็งแกร่งแม้จะถูกกระทบจากปัจจัยลบบ้างในระหว่างไตรมาส ในระยะยาว BH จะสร้างการเติบโตจากการขยายกิจการ โดยในปัจจุบันบริษัทจะมุ่งขยายกิจการที่โรงพยาบาลหลักในซอยสุขุมวิท 1 ก่อน ส่วนการขยายโรงพยาบาลแห่งที่สองบนถนนเพชรบุรีจะเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญรองลงมา BH ยังคงเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงพยาบาล

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับรายงานการประชุมเฟด

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.7% แตะ 132.47 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,851.24 จุด เพิ่มขึ้น 202.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,573.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,423.88 จุด เพิ่มขึ้น 235.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,382.09 จุด เพิ่มขึ้น 41.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,976.94 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,907.13 จุด เพิ่มขึ้น 21.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,657.09 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด ด้านตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก

        รายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า  เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

     นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ประสานเสียงสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ได้ย้ำจุดยืนว่า เหตุผลในการสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีน้ำหนักมากขึ้นในปีนี้ และขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงภาวะดังกล่าว ขณะที่นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวย้ำมุมมองเดิมที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้สามารถปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

       ด้านนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ส่วนนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก แสดงความคาดหวังว่า ตลาดจะปรับตัวได้ดีต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นหลักฐานแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 10.21 จุด จากแรงซื้อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์

       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวปรับตัวลงหลังจากมีคำขู่วางระเบิดเครื่องบิน 2 ลำของสายการบินแอร์ฟรานซ์

       ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.21 จุด หรือ 0.16% ที่ 6,278.97 จุด

        หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวปรับตัวลดลงหลังมีคำขู่วางระเบิดเครื่องบิน 2 ลำของสายการบินแอร์ฟรานซ์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานทานที่สูงเกินไปของโลหะและน้ำมัน

      หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดดเต็ด แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วงลง 3.1% ในขณะที่หุ้นอีซีเจ็ทซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ปรับตัวลง 0.9%

       หุ้นบาร์เคลย์สดีดตัวขึ้น 0.2% หลังธนาคารตกลงจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 150 ล้านดอลลาร์ จากการตรวจสอบธุรกิจอัตราแลกเปลี่ยนของเจ้าหน้าที่ในนิวยอร์ก

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกสถานการณ์รุนแรงฝรั่งเศส

        ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในฝรั่งเศส โดยล่าสุดได้เกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ต้องสงสัยที่บริเวณแซงต์ เดนีส์ ชานกรุงปารีสเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.14% ปิดที่ 379.33 จุด

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,906.72 จุด ลดลง 30.59 จุด หรือ -0.62% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,959.95 จุด ลดลง 11.09 จุด หรือ -0.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,278.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.21 จุด หรือ +0.16%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในกรุงปารีส โดยล่าสุดได้เกิดปะทะกันที่บริเวณแซงต์ เดนีส์ ชานกรุงปารีสเมื่อวานนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวินาศกรรมในปารีส จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน

     กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสรายงานว่า ผลจากปฏิบัติการบุกไล่ล่าผู้ก่อการร้าย และตรวจค้นแหล่งกบดานทั่วประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 25 ราย และยึดอาวุธ 34 รายการเมื่อคืนนี้

     ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในฝรั่งเศสส่งผลให้หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง โดยหุ้น Air Liquide ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่หุ้นสินค้าแบรนด์เนมหรูหราก็ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้น L’Oreal ร่วงลง 1.7% และหุ้น LVMH ดิ่งลง 1.1%

     อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 2.1% และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 4.3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 247.66 จุด รับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)  บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,737.16 จุด พุ่งขึ้น 247.66 จุด หรือ +1.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,075.20 จุด เพิ่มขึ้น 89.19 จุด หรือ +1.79% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,083.58 จุด เพิ่มขึ้น 33.14 จุด หรือ +1.62%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า  เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ประสานเสียงสับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ได้ย้ำจุดยืนว่า เหตุผลในการสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีน้ำหนักมากขึ้นในปีนี้ และขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงภาวะดังกล่าว ขณะที่นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวย้ำมุมมองเดิมที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้สามารถปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

      ด้านนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ส่วนนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก แสดงความคาดหวังว่า ตลาดจะปรับตัวได้ดีต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นหลักฐานแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง

    การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของเฟดช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.4% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร KBW Bank Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดราคาหุ้นธนาคารรายใหญ่ 24 ตัวนั้น ปรับตัวขึ้น 2.1%

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 3.17% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิล ส่วนหุ้นแฟร์ไชล์ด เซมิคอนดัคเตอร์ และหุ้นพีเอ็มซี-เซียร์รา ปรับตัวขึ้นราว 1.9% ขณะที่หุ้น Amazon.com และหุ้นเนทฟลิกซ์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3%

     หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.29% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 86 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 76 เซนต์

        นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 18 พ.ย.2558

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,083.58 จุด                       เพิ่มขึ้น 33.14 จุด      +1.62%

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,737.16 จุด                         เพิ่มขึ้น 247.66 จุด     +1.42%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,075.20 จุด                      เพิ่มขึ้น 89.19 จุด      +1.79%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,278.97 จุด                   เพิ่มขึ้น 10.21 จุด      +0.16%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,959.95 จุด                          ลดลง 11.09 จุด       -0.10%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,906.72 จุด                        ลดลง 30.59 จุด       -0.62%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,189.10 จุด     เพิ่มขึ้น 14.80 จุด      +0.29%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,133.10 จุด           เพิ่มขึ้น 14.90 จุด      +0.29%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,340.47 จุด                           ลดลง 78.95 จุด       -0.94%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,649.18 จุด                     เพิ่มขึ้น 18.55 จุด      +0.09%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,962.88 จุด                        ลดลง 0.70 จุด        -0.04%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,568.47 จุด                     ลดลง 36.33 จุด       -1.01%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,188.26 จุด                              ลดลง 75.99 จุด       -0.34%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,497.91 จุด      ลดลง 3.04 จุด        -0.07%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,656.50 จุด                      ลดลง 5.03 จุด        -0.30%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,886.08 จุด                      ลดลง 30.70 จุด       -1.05

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,482.52 จุด                        ลดลง 381.95 จุด      -1.48%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)  บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,737.16 จุด พุ่งขึ้น 247.66 จุด หรือ +1.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,075.20 จุด เพิ่มขึ้น 89.19 จุด หรือ +1.79% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,083.58 จุด เพิ่มขึ้น 33.14 จุด หรือ +1.62%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในฝรั่งเศส โดยล่าสุดได้เกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ต้องสงสัยที่บริเวณแซงต์ เดนีส์ ชานกรุงปารีสเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.14% ปิดที่ 379.33 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,906.72 จุด ลดลง 30.59 จุด หรือ -0.62% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,959.95 จุด ลดลง 11.09 จุด หรือ -0.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,278.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.21 จุด หรือ +0.16%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวปรับตัวลงหลังจากมีคำขู่วางระเบิดเครื่องบิน 2 ลำของสายการบินแอร์ฟรานซ์ 

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.21 จุด หรือ 0.16% ที่ 6,278.97 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 40.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 44.14 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 10 เซนต์  หรือ 0.01% ปิดที่ระดับ 1,068.70 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 14.081 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 7 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ 848.00 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 14.45 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 532.05 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งล่าสุดได้หนุนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0647 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0650 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5227 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5213 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.55 เยน จาก 123.40 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0196 ฟรังก์ จาก 1.0144 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7091 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7121 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 519.00 จุด ลดลง 18.00 จุด, -3.35% 

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!