WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET12ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตปท.เล็งกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันพุ่ง

   นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นแรงภายหลังจากที่บริษัทน้ำมันในสหรัฐฯจะลดกำลังการผลิตลง ดังนั้นจึงคาดว่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานได้

     นอกจากนี้ วันนี้ให้ติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม และให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อีกทั้งเชื่อว่าเรื่องที่ครม.ได้ยืดอายุ LTF น่าจะช่วยหนุนในแง่จิตวิทยาการลงทุนได้

พร้อมให้แนวรับ 1,405 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420-1,430 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,918.15 จุด เพิ่มขึ้น 89.39 จุด(+0.50%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,145.13 จุด เพิ่มขึ้น 17.98 จุด(+0.35%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด(+0.27%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 258.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 8.92 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 169.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 46.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.10 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(3 พ.ย.58)1,412.62 จุด ลดลง 0.72 จุด(-0.05%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 370.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พ.ย.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(3 พ.ย.58) ปิดที่ 47.90 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 3.8%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(3 พ.ย.58)ที่ 7.08 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.53/55 ติดตามประชุมกนง.วันนี้-รอดูตัวเลขศก.สหรัฐในวันศุกร์

                - "กบง."นัดถกวันนี้พิจารณาราคาขายปลีกแอลพีจีเดือนพ.ย.58 คาดขยับขึ้นตามต้นทุนตลาดโลก และค่าบาทแข็งขึ้น 0.67 บาทต่อกก.หรือ 10 บาทต่อถัง 15 กก.โดยส่วนหนึ่งลดเงินกองทุนฯอุ้มด้วย พร้อมพิจารณาปิดโครงการบัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวีตามที่จะสิ้นสุด 31 ธ.ค.นี้แต่ต่ออายุมาตรการบัตรส่วนลดเอ็นจีวีรถโดยสารสาธารณะอีก 1 ปีเป็นสิ้นสุดธ.ค.59

                - คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติอนุมัติมาตรการเร่งรัดการลงทุนจริงให้เกิดเร็วขึ้น โดยได้รับสิทธิประโยชน์จากการลงทุนด้วยการเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมจากเดิมตั้งแต่ 1-4 ปี หรือสามารถนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนมาหักภาษีได้ 2 เท่า เพื่อจูงใจให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่ยังกังวลใจในเรื่องสถานการณ์การเมืองแล้วชะลอการลงทุนไว้ เร่งตัดสินใจลงทุนเร็วขึ้นกว่าเดิม

                - ครม.อนุมัติขยายระยะเวลากองทุน LTF อีก 3 ปี ขยายเวลาการถือครองจาก 5 ปี เป็น 7 ปี ออกแพกเกจภาษีกระตุ้นลงทุนเอกชนตามบีโอไอ และให้ลด ขั้นตอน PPP เป็น Fast Track หรือไม่เกิน 1 ปี เริ่ม 6 โครงการ 3.47 แสนล้าน

                - สหภาพฯ กสท-ทีโอที ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เบรกการประมูลคลื่น 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ ระบุคลื่น 1800 ยังติดคดีในศาลและยังเป็นของ กสท จี้บอร์ดมีมติฟ้อง กสทช.สัปดาห์หน้าไม่มีคำตอบเดินหน้าฟ้องศาลเอง ด้านทีโอทีมีมติฟ้อง กสทช.เองเช่นกัน ขณะที่ กสทช.ยันทุกขั้นตอนถูกกฎหมาย

*หุ้นเด่นวันนี้

                - SAT(แอพเพิล เวลธ์)"ซื้อ"เป้าปี 59 ที่ 19.80 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q58 เท่ากับ 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175%QoQ และ 26%YoY ตามการผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นราว 21%QoQ หลักเป็นการเติบโตจากยอดผลิตรถปิคอัพเพื่อการส่งออก คาด 4Q58 ทั้งรายได้และกำไรมีแนวโน้มอ่อนตัวงจากผู้ผลิตรถปรับแผนปลายปีสอดคล้องกับ ส.อ.ท.ปรับประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปีนี้เหลือ 1.9 ล้านคัน จากเดิม 2.05 ล้านคัน เติบโต 4% ส่งผลให้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 58 ลง 14.7% เหลือ 597 ล้านบาท ลดลง 8.2%YoY สะท้อนอุตฯฟื้นตัวช้ากว่าคาด แต่หวังกลับเข้าสู่ระดับปกติในปีหน้า

                - HMPRO(ฟันันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 10 บาท ภาพรวมเป็นกลาง แม้ยังไม่เห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อในต่างจังหวัด (คาดยอดขายสาขาเดิมใน 4Q15 ติดลบน้อยลงถึงทรงตัว Y-Y) แต่ Mega Home 7 สาขาคุ้มทุนและเริ่มสร้างกำไรแล้ว ทั้งปีอาจมีกำไรเล็กน้อยและมี Loss carry forward ไว้ใช้หักภาษีในปีหน้า แนวโน้มกำไร 4Q15 จะสูงสุดของปีรับไฮซีซั่นและงาน Expo คาดกำไรสุทธิปีนี้โต 3.2% Y-Y และปีหน้าโต 14.4% Y-Y

                - CENTEL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 47 บาท คาดกำไรปกติ 3Q15 +4.8% Q-Q, +53.7% Y-Y จากทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารที่เติบโต แนวโน้มยังดีต่ออีก 2 ไตรมาสข้างหน้าเพราะ High season กำไรทั้งปีของปีนี้ที่คาดโต 48% Y-Y อาจต่ำไปเล็กน้อย แต่หลังจากนี้อัตราการเติบโตของกำไรจะลดลงสู่ระดับปกติ 12% Y-Y ต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้นเช้านี้ หลังหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทะยาน

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกกลับเข้าซื้อหุ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและให้อัตราผลตอบแทนสูง

                ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 134.28 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,941.32 จุด เพิ่มขึ้น 258.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,325.62 จุด เพิ่มขึ้น 8.92 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,737.44 จุด เพิ่มขึ้น 169.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,759.94 จุด เพิ่มขึ้น 46.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,053.51 จุด เพิ่มขึ้น 5.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,010.85 จุด เพิ่มขึ้น 11.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,681.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นพลังงานหนุนฟุตซี่ปิดบวก 21.81 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น

                ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ 0.34% ที่ 6,383.61 จุด

                ตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของอังกฤษได้ช่วยชดเชยผลกระทบจากภาวะอ่อนแอของภาคการผลิตจีน โดยผลการสำรวจของมาร์กิตเมื่อวันจันทร์ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน จากระดับ 51.8 ในเดือนก.ย.

                หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวโดดเด่น โดยหุ้นบีพี และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ต่างทะยานขึ้นกว่า 3% หลังจากสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าบริษัทกลั่นน้ำมันในสหรัฐได้ชะลอการผลิตลงในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.

                อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 6.7% หลังจากธนาคารประกาศแผนยกเครื่องธุรกิจครั้งใหญ่ด้วยการระดมทุน 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งการลดจำนวนพนักงานลงราว 15,000 ตำแหน่งภายในปี 2561 และการยุติกิจการในบางประเทศ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาน้ำมันดิบและโลหะปรับตัวสูงขึ้น

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.4% ปิดที่ 378.36 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,936.18 จุด เพิ่มขึ้น 19.97 จุด หรือ +0.41% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,951.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด หรือ +0.00% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,383.61 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ +0.34%

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกหลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ทะยานขึ้น 18% ขณะที่หุ้นเกลนคอร์ และหุ้นแองโกล อเมริกัน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.2%

                อย่างไรก็ตาม หุ้นโฟล์คสวาเกนร่วงลง 1.5% หลังจากยอดขายรถยนต์โฟล์คสวาเกนขยับขึ้นเพียง 0.24% สู่ระดับ 30,387 คันในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้มีรายงานว่า สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนการละเมิด (NOV) เป็นครั้งที่ 2 แก่บริษัทโฟล์คสวาเกน อันเป็นผลจากการติดตั้งซอฟต์แวร์โกงการตรวจสอบไอเสียในรถยนต์ดีเซลที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่

                หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 6.7% หลังจากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ธนาคารสัญชาติอังกฤษ ประกาศแผนยกเครื่องธุรกิจครั้งใหญ่ด้วยการระดมทุน รวมทั้งการลดจำนวนพนักงานลงราว 15,000 ตำแหน่งภายในปี 2561 และการยุติกิจการในบางประเทศ

                หุ้นยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 4.3% หลังจากธนาคารได้เปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 มูลค่า 2.1 พันล้านฟรังค์ หรือ 2.13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 89.39 จุด จากแรงซื้อหุ้นพลังงาน

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งรวมถึงน้ำมันและโลหะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาผลประกอบการบริษัทเอกชน หลังจากบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,918.15 จุด เพิ่มขึ้น 89.39 จุด หรือ +0.50% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,145.13 จุด เพิ่มขึ้น 17.98 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด หรือ +0.27%

                หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบและโลหะปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1.8% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้นกว่า 4.8% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ทะยานขึ้น 5%

                หุ้นไมโครซอฟท์ หุ้นวีซา อิงค์ และหุ้นแอปเปิล ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.1% ซึ่งช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล โดยทั้งสองบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค. หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีในเดือนก.ย.

                ทั้งนี้ รายงานของ ISM ระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กพุ่งขึ้นสู่ระดับ 65.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. หลังจากร่วงแตะระดับ 44.5 ในเดือนก.ย. ขณะอยู่ที่ 51.1 ในเดือนส.ค.

                อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูผลประกอบการบริษัทเอกชนอย่างใกล้ชิด หลังจากบริษัท AIG เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดการณ์ในไตรมาส 3

                ขณะที่ธนาคารยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 มูลค่า 2.1 พันล้านฟรังค์ หรือ 2.13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นยูบีเอสปิดตลาดร่วงลง 5.8% เมื่อคืนนี้

                นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด และนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ เพื่อจับสัญญาณเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

                ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้  ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค., และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการบริการเดือนต.ค.ในวันนี้

                สำหรับ ในวันพรุ่งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นในไตรมาส 3/2558 ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และสินเชื่อผู้บริโภคเดือนก.ย.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 3 พ.ย.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,918.15 จุด                          เพิ่มขึ้น 89.39 จุด      +0.50%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,145.13 จุด                      เพิ่มขึ้น 17.98 จุด      +0.35%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,109.79 จุด                        เพิ่มขึ้น 5.74 จุด       +0.27%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,383.61 จุด                    เพิ่มขึ้น 21.81 จุด      +0.34%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,951.15 จุด                           เพิ่มขึ้น 0.48 จุด       +0.00%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,936.18 จุด                        เพิ่มขึ้น 19.97 จุด      +0.41%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,291.10 จุด     เพิ่มขึ้น 69.80 จุด      +1.34%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,239.20 จุด           เพิ่มขึ้น 73.40 จุด      +1.42%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,713.19 จุด                           เพิ่มขึ้น 98.42 จุด      +1.14%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,048.40 จุด                        เพิ่มขึ้น 13.16 จุด      +0.65%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,316.70 จุด                     ลดลง 8.39 จุด        -0.25%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,210.73 จุด             เพิ่มขึ้น 11.88 จุด      +0.17%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,568.43 จุด                              เพิ่มขึ้น 198.39 จุด     +0.89%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,533.09 จุด     เพิ่มขึ้น 68.13 จุด      +1.53%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,677.56 จุด                      เพิ่มขึ้น 13.49 จุด      +0.81%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,999.56 จุด                      เพิ่มขึ้น 25.15 จุด      +0.85%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,590.59 จุด                        เพิ่มขึ้น 31.44 จุด      +0.12%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาน้ำมันดิบและโลหะปรับตัวสูงขึ้น

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.4% ปิดที่ 378.36 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,936.18 จุด เพิ่มขึ้น 19.97 จุด หรือ +0.41% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,951.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด หรือ +0.00% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,383.61 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ +0.34%

        ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งรวมถึงน้ำมันและโลหะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาผลประกอบการบริษัทเอกชน หลังจากบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,918.15 จุด เพิ่มขึ้น 89.39 จุด หรือ +0.50% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,145.13 จุด เพิ่มขึ้น 17.98 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,109.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.74 จุด หรือ +0.27%

 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น

          ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ 0.34% ที่ 6,383.61 จุด

      สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า บริษัทกลั่นน้ำมันในสหรัฐได้ชะลอการผลิตลงในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว  

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 47.90 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 50.54 ดอลลาร์/บาร์เรล

    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 21.8 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ระดับ 1,114.10 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 16.9 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่  15.239 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 16.2 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 962.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 6.35 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 644 ดอลลาร์/ออนซ์

    ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเงินเยนเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) ก่อนการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขันอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ซึ่งอาจจะมีขึ้นในช่วงการประชุมเดือนธ.ค.

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0963 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1021 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5434 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5412 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.06 เยน จาก 120.75 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9906 ฟรังก์ จาก 0.9866 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7199 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7137 ดอลลาร์

 ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 680.00 จุด ลดลง 26.00 จุด, -3.68%

                       อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!