- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 19 October 2015 11:55
- Hits: 3618
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นแต่อยู่ในกรอบจำกัด เชื่อเงินทุนยังไหลเข้า
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้แต่คงเป็นไปในกรอบจำกัด เนื่องจากยังเชื่อในเรื่องกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลเข้าอยู่
แต่ทั้งนี้ สัปดาห์นี้ยังต้องติดตามตัวเลข GDP ของจีนที่จะประกาศในวันที่ 19 ต.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดเติบโต 6.8% หากออกมาต่ำกว่าตลาดคาดก็จะกดดันดัชนีฯได้ นอกจากนี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ซึ่งคงจะไม่มีอะไรมาก อัตราดอกเบี้ยคงจะอยู่ในระดับต่ำเหมือนเดิม
ด้านในประเทศก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งสัปดาห์นี้คงจะไม่มีอะไร คงเป็นแค่การกำหนดกรอบเมกะโปรเจคเท่านั้น อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/58 ของกลุ่มแบงก์ และสัปดาห์หน้าก็การประกาศผลประกอบการของกลุ่มพลังงานตามมา
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,412-1,427 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(16 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,215.97 จุด เพิ่มขึ้น 74.22 จุด(+0.43%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,886.69 จุด เพิ่มขึ้น 16.59 จุด(+0.34%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,033.11 จุด เพิ่มขึ้น 9.25 จุด(+0.46%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 9.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 18.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.74 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(16 ต.ค.58)1,418.38 จุด ลดลง 6.94 จุด(-0.49%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 816.56 จุด เมื่อวันที่ 16 ต.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(16 ต.ค.58) ปิดที่ 47.26 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(16 ต.ค.58)ที่ 6.23 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดวันนี้ 35.31/33 แนวโน้มแกว่งแคบในกรอบ 35.25-35.35 ติดตามประชุม ECB
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ ล่าสุดจะขยายตัวได้ 2.8% จากเดิมประมาณการไว้ 3% เนื่องจากการส่งออกแย่กว่าที่คาดมาก โดยปีนี้จะติดลบมากกว่า 5% จึงเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทยปีนี้อย่างมาก
- ธปท.ชี้แนวโน้มก่อหนี้ใหม่ของภาคครัวเรือนไทยเริ่มแผ่ว ต่างกับช่วง 2-3 ปีก่อนที่เร่งตัวสูง และแม้ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยจะมียอดหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งของทั้งระบบ แต่ตัวเลขยังไม่น่ากังวล เพราะทิศทางก่อหนี้ใหม่ยังไม่ต่างจากเดิม
- "พาณิชย์"ประเมินเป้าส่งออกปี 59 คาดพลิกกลับสู่แดนบวก โตได้ไม่ต่ำกว่า 5% แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยงเพียบ ทั้งเศรษฐกิจโลก ยังฟื้นตัวไม่ชัด เกิดสงครามลดค่าเงิน ราคาเกษตรตก แต่มั่นใจแผนผลักดันส่งออกที่มุ่งเจาะเป็นรายตลาด และมีกลยุทธ์การทำงานชัดเจนเอาอยู่
- นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน.กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเกณฑ์การอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติออกตราสารหนี้สกุลเงินบาท (บาทบอนด์) จากปัจจุบันที่พิจารณาปีละ 3 ครั้ง เป็นเดือนละครั้ง เพื่อให้การระดมทุนในไทยเป็นไปอย่างสะดวกขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- WORK-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ WORK มีจำนวน 20,861,107 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 38.10 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 4 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 1 ต.ค. 2558 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 25 พ.ย. 2558 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 ก.ย. 2562
- TU (เคเคเทรด)เป้า 24.30 บาท มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศกว่า 93% ของรายได้รวมของบริษัทฯ ประเมินข่าวลบมีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการของบริษัทฯ (กำไร 1H58 เติบโตกว่า 26% YoY), คาดกำไรทั้งปีนี้เติบโต 34% YoY
- SVI(เคเคเทรด)เป้าปีหน้า 5.30 บาท เงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาท หนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นราว 2.2%, หุ้น Turnaround คาดปีนี้กลับมามีกำไรหลังจากขาดทุนในปีก่อนเนื่องจากอัคคีภัย โดยใน 1H58 มีกำไรสุทธิกว่า 1.4 พันล้านบาท(+177%)
- CBG(ไอร่า)"ซื้อลงทุน"เป้าปีหน้า 44.30 บาท ให้น้ำหนักกับยอดขายที่เติบโตจากต่างประเทศในช่วง 3 ปีข้างหน้าโดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ที่คาดว่าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นหลังจากลงทุนโรงงานผลิตขวดแก้วสีชาเองและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง (Net Cash) รวมทั้งคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 2% พร้อมคาดกำไร 3Q/58 ที่ 344 ล้านบาท เติบโต 42%YoY
- MCS(ยูโอบี เคย์เฮียน)"เก็งกำไร"คาดงบปี 2558 จะรายงานออกมาดีมากจากงานรับเหมาขนาดใหญ่ที่ป้อนเข้ามาอย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่น และงานโอลิมปิกในอนาคตช่วยหนุน sentiment ในระยะยาว บวกกับปันผลที่สูงของหุ้น MCS โดยมองจะเคลื่อนไหว side way up ขึ้นไป มีโอกาสเห็น 15 บาท
- ASEFA(ยูโอบี เคย์เฮียน)ได้ประโยชน์จากการเติบโตของกำไรและรายได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนกำไรปีหน้ามีแนวโน้มโต ไม่ต่ำกว่า 20% yoy แรงหนุนจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงประมาณ 200 ล้านบาท และงาน government data center อีกด้วย
- IVL(โอเอสเค)"ซื้อ"เป้า 31.60 บาท คาดว่าแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 ลดลงเป็น 1.09 พันล้านบาทจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงงาน MEG ในสหรัฐเป็นระยะเวลา 20 วันและมาร์จิ้นที่ลดลง แต่เชื่อว่ากำไรในไตรมาส 4/58 จะฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุง และบริษัทจะได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่จากส่วนแบ่งรายได้ของธุรกิจที่เข้าซื้อในรอบ 1H58
ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ ขณะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีน
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่จะมีการเปิดเผยในช่วงเช้าวันนี้
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% แตะ 134.38 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,282.78 จุด ลดลง 9.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,401.63 จุด เพิ่มขึ้น 10.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,085.61 จุด เพิ่มขึ้น 18.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,628.79 จุด เพิ่มขึ้น 23.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,032.36 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,023.53 จุด ลดลง 7.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,712.08 จุด ลดลง 4.74 จุด
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่จีนจะเปิดเผยในวันนี้ประกอบด้วยยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 และยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ย.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน:หุ้นพลังงานหนุนฟุตซี่ปิดบวก 39.37 จุดหลังราคาน้ำมันดีดตัว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 39.37 จุด หรือ 0.62% ที่ระดับ 6,378.04 จุด แต่ลดลง 0.6% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นบีพีเพิ่มขึ้น 1.2% ในขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.7% และหุ้นบีจี กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.1%
หุ้นแอสตราเซเนกา ผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 0.6% หลังระบุว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้ขอข้อมูลทางคลินิกเพิ่มจากบริษัทสำหรับการรักษาโรคเบาหวานด้วยวิธีใหม่
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ตามตลาดหุ้นทั่วโลก
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ตามทิศทางความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นเอเชีย
ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 363.13 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,702.79 จุด เพิ่มขึ้น 27.50 จุด หรือ +0.59% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 10,104.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.63 จุด หรือ +0.39% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,378.04 จุด เพิ่มขึ้น 39.37 จุด หรือ +0.62%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ข้อมูลการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ราบรื่นของสหรัฐจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่เร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นเนสท์เล ผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ลดลง 1.9% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของรายได้และรายงานยอดขายหดตัวลง 2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี
หุ้นฮิวโก้ บอสส์ เอจี ร่วงลง 11% หลังบริษัทแฟชั่นยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีปรับลดคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีลง เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอในตลาดจีน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : นิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดบวก 74.22 จุด ตลาดซึมซับข้อมูลศก.สหรัฐ
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) หลังจากที่แกว่งไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ หลังนักลงทุนซึมซับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 74.22 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 17,215.97 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.25 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 2,033.11 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 16.59 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 4,886.69 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
การผลิตที่ร่วงลงดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้อุปสงค์ของสินค้าจากสหรัฐลดลง
ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นประจำเดือนต.ค. พุ่งขึ้นสู่ระดับ 92.1 จากระดับ 87.2 ในเดือนก.ย. ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ 89.5 ในเดือนต.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นที่ปรับตัวขึ้นบ่งชี้ว่าผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากภาวะผันผวนในตลาดการเงิน และภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่อ่อนแอ
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐลดลงสู่ระดับ 5.4 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. จากระดับ 5.7 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2000
ทางกระทรวงยังได้เปิดเผยว่าจำนวนแรงงานที่ลาออกจากงานโดยสมัครใจทรงตัวที่ระดับ 2.7 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 3.39% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นประจำไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ถึงแม้ว่ายอดขายจะปรับตัวลดลง
หุ้นแมทเทล อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่เพิ่มขึ้น 6% ถึงแม้ว่าบริษัทจะเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ 3 หลังประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทยืนยันจะจ่ายเงินปันผลตามแผน
หุ้นควอนตา เซอร์วิสเซส ร่วงลง 29% หลังระบุว่าบริษัทอาจจะมีรายได้ในไตรมาสที่ 3 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ต.ค. 2558
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,215.97 จุด เพิ่มขึ้น 74.22 จุด, +0.43%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,886.69 จุด เพิ่มขึ้น 16.59 จุด, +0.34%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,033.11 จุด เพิ่มขึ้น 9.25 จุด, +0.46%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,702.79 จุด เพิ่มขึ้น 27.50 จุด, +0.59%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,104.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.63 จุด, +0.39%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,378.04 จุด เพิ่มขึ้น 39.37 จุด, +0.62%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,214.60 จุด เพิ่มขึ้น 204.46 จุด, +0.76%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,030.61 จุด เพิ่มขึ้น 15.47 จุด, +0.51%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,716.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.57 จุด, +0.21%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,521.88 จุด เพิ่มขึ้น 14.68 จุด, +0.33%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,067.37 จุด เพิ่มขึ้น 179.20 จุด, +0.78%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,055.74 จุด เพิ่มขึ้น 10.34 จุด, +0.15%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,391.35 จุด เพิ่มขึ้น 53.28 จุด, +1.60%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,030.26 จุด ลดลง 3.01 จุด, -0.15%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,291.80 จุด เพิ่มขึ้น 194.90 จุด, +1.08%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,604.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.43 จุด, +0.04 %
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,268.20 จุด เพิ่มขึ้น 38.20 จุด, +0.73%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,303.60 จุด เพิ่มขึ้น 38.00 จุด, +0.72%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) หลังจากที่แกว่งไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ หลังนักลงทุนซึมซับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 74.22 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 17,215.97 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.25 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 2,033.11 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 16.59 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 4,886.69 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 39.37 จุด หรือ 0.62% ที่ระดับ 6,378.04 จุด แต่ลดลง 0.6% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) เนื่องจากสัญญาณการปรับตัวลดลงของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 47.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 50.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.4 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,183.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 16.114 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 16.7 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 1,023.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 699.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) ตามทิศทางความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นเอเชีย
ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 363.13 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,702.79 จุด เพิ่มขึ้น 27.50 จุด หรือ +0.59% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 10,104.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.63 จุด หรือ +0.39% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,378.04 จุด เพิ่มขึ้น 39.37 จุด หรือ +0.62%
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักในตระกร้าเงินเมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด
ค่าเงินยูโรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1374 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1384 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะ 1.5452 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5489 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 119.40 เยน จากระดับ 118.78 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9516 ฟรังค์ จากระดับ 0.9510 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7278 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7337 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์แคนาดาเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2911 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2847 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 754.00 จุด ลดลง 12.00 จุด, -1.57%
อินโฟเควสท์