WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET43ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแดนลบรับราคาน้ำมันโลกร่วงกดดันหุ้นพลังงาน

   นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวในแดนลบหลังจากปรับขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว ประกอบกับ ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลงแรงอีกครั้งเป็นแรงกดดันหุ้นพลังงานที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากในตลาดหุ้นไทย แต่ยังมีลุ้นแรงซื้อต่างชาติหนุน แนะจับตาตัวเลขส่งออก-เงินเฟ้อจีน ให้แนวรีบวันนี้ 1,400 จุด แนวต้าน 1,415-1,420 จุด

   นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอยู่ในช่วงของการพักตัว หรือแกว่งตัวในแดนลบ หลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับ วานนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาจะเป็นตัวกดดันในหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย

   ทั้งนี้ ยังต้องติดตามผลประกอบการที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ายังมีปัจจัยกดดันกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะผลงานไตรมาส 3/58 คงยังออกมาไม่ดีนัก นอกจากนี้ ยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจจีนที่วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขการส่งออก และพรุ่งนี้จะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ

    อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อไปจะยังสามารถปรับตัวขึ้นได้จากแรงซื้อกลับของนักลงทุนต่างชาติ หลังในช่วงก่อนหน้านี้มีแรงเทขายออกมาค่อนข้างมาก

พร้อมให้แนวรับให้ไว้ที่ 1,400 จุด และแนวต้าน 1,415-1,420 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

          - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(12 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด(+0.28%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,838.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด(+0.17%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,017.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด(+0.13%)

          - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 103.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 25.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 53.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.64 จุด

          - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(12 ต.ค.58)1,412.49 จุด เพิ่มขึ้น 1.16 จุด(+0.08%)

          - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 793.11 จุด เมื่อวันที่ 12 ต.ค.58

          - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(12 ต.ค.58) ปิดที่ 47.1 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.53 ดอลลาร์

          - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(12 ต.ค.58)ที่ 5.69 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

          - เงินบาทเปิดวันนี้ 35.47/49 กลับมาอ่อนค่าจากเย็นวานนี้หลังมีแรงซื้อดอลล์

          - "สมคิด" ชงครม.วันนี้ คลอดมาตรการกระตุ้น อสังหาฯ ระยะสั้น 6 เดือน สิ้นสุด มี.ค.2559 ลดค่า "โอน-จำนอง" เหลือ 0.01%" พร้อมปรับวงเงินสินเชื่อผ่านธอส. ไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท พร้อมผ่อนปรนเงื่อนไขผ่อนชำระ หวังช่วยผู้ต้องการมีที่อยู่อาศัย ขณะภาคธุรกิจคาดดันตลาดไตรมาส 4

          - การประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) วันที่ 13 ต.ค. จะมีการเสนอเรื่องการกำหนดวันเคาะประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ โดยจะเสนอสองทางเลือกคือ ประมูลวันเดียวกับประมูลคลื่น 1800 ในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งคลื่น 1800 ประมูลตอนเช้า ส่วนคลื่น 900 ประมูลตอนบ่าย ทางเลือกที่สองคือประมูลวันถัดไป

          - รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมหารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รายงานความก้าวหน้าโครงการลงทุนระบบรางที่รองนายกฯ ได้กำชับให้กำหนดแผนงานในแต่ละโครงการที่ชัดเจนว่าจะเริ่มต้นเมื่อใด โดยจะเร่งปรับแผนลงทุนใน 19 โครงการ วงเงิน 1.7 ล้านล้านบาทให้เร็วขึ้น และเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี และประกวดราคาให้ได้ในปี 2559

          - "มีชัย" อุ่นใจ กรธ.ทำงานเข้าขาเกินคาด ชูโมเดลรัฐธรรมนูญสั้นกะทัดรัด แต่ไม่รู้อีก 20 อรหันต์คิดเหมือนกันหรือไม่ "อมร"หนุนไม่น่าเกิน 200 มาตรา ถกกรอบแก้ รธน.ต้องทำได้ยาก ชื่อ"ทินพันธุ์"แรงจัดนั่งประธาน สปท.ไร้คู่แข่ง"สมชัย"ยกเหมาะสมดี เปิดสูตรใหม่ดัน"อลงกรณ์-นรรัตน์"ท้าชิงรองประธานฯ

*หุ้นเด่นวันนี้

          - PTTEP(แอพเพิล เวลธ์)ยังแนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 90.00 บาท ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2558 ลงจากเดิม 115 บาท เนื่องจากคาด Downside จากราคาน้ำมันต่ำมากแล้ว ประกอบกับผลประกอบการปีนี้จะเป็นจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามราคาน้ำมันตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

          - KCE(เคเคเทรด)แนะนำ"Trading"ราคาเป้าหมาย 53.50 บาท คาดกำไรสุทธิปีหน้ายังเติบโตต่อ ในอัตรา 21% YoY จากการเปิดเฟส 3 ของโรงงานใหม่ โดยเราเตรียมจะปรับไปใช้มูลค่าเหมาะสมสำหรับปี 59 ภายหลังการประกาศงบการเงิน 3Q58 ซึ่งเราคาดไว้เบื้องต้นที่ 64.50 บาท ยังมี Upside อยู่ราว 12% รวมเงินปันผล อีกทั้งในระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไรปกติใน 3Q58 ที่มีทิศทางเติบโตเด่นดีสุดกว่าหุ้นอื่นๆที่เราศึกษาทั้ง QoQ และ YoY

          - LPN(ดีบีเอสฯ)แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q58 เป็น 984 ล้านบาท ทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่และเพิ่มก้าวกระโดด 75% y-o-y และ 20% q-o-q รายได้จากการขายโต 70% y-o-y เป็น 5.85 พันล้านบาทด้านอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว q-o-q ที่ 30%+ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรในงวด 4Q58 จะอ่อนลงเทียบกับทั้ง y-o-y และq-o-q จากที่คาดรายได้จะลดลงมาอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ หลังตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วง

          ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันพุธนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.

          ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% แตะ 133.76 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,335.15 จุด ลดลง 103.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,262.16 จุด ลดลง 25.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,677.60 จุด ลดลง 53.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,571.57 จุด ลดลง 2.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,021.20 จุด ลดลง 0.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,021.86 จุด ลดลง 10.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,710.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นเหมืองร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 44.98 จุด

          ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8 วันติดต่อกัน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 44.98 จุด หรือ 0.70% ที่ 6,371.18 จุด

          หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง นำโดยหุ้นเกลนคอร์ร่วงลง 6.2% และหุ้นแองโกลอเมริกันลดลง 4.8%

          หุ้นโรลล์สรอยซ์ ร่วงลง 3.9% หลังหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชี่ยล ไทม์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่กำกับกฎระเบียบของยุโรปกำลังดำเนินการสอบสวนว่า สายการบินต่างๆได้ถูกบีบบังคับให้ทำสัญญาป้องกันการแข่งขันกับผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบหรือไม่

          หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 3.1% หลังจากนักวิเคราะห์อินเวสเทคระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์รายรับและรายได้ของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เป็นข้อมูลที่สูงเกินไป

          ส่วนในช่วง 8 วันทำการก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางที่สำคัญหลายแห่งจะยังคงใช้นโยบายที่ส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ร่วง ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

          ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันแรกในรอบ 7 วันทำการ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทเอกชนจะเปิดเผยผลประกอบการ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.3% ปิดที่ 361.79 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,688.70 จุด ลดลง 12.69 จุด หรือ -0.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,119.83 จุด เพิ่มขึ้น 23.23 จุด หรือ +0.23% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,371.18 จุด ลดลง 44.98 จุด หรือ -0.70%

          หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 6.2% หุ้นโรลส์-รอยส์ โฮลดิงส์ และหุ้นซาฟรัง ต่างก็ร่วงลง 3.9% ขณะที่หุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ดิ่งลง 3.30%

          นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 รวมถึง โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกัน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้

          นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเบนัวต์ โคเออร์ สมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงเร็วเกินไปที่ ECB จะตัดสินใจเกี่ยวกับการขยายวงเงิน หรือขยายเวลาในการดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

          ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า ECB อาจขยายวงเงิน และช่วงเวลาในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของ ECB ประจำวันที่ 3 ก.ย.ที่ระบุว่า ECB มองว่าความเสี่ยงในช่วงขาลงต่ออัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 47.37 จุด ตลาดจับตาผลประกอบการเอกชน

          ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และวอลุ่มการซื้อขายมีเพียงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ในสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,838.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด หรือ +0.17% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,017.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด หรือ +0.13%

          ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นอีเอ็มซี คอร์ป ปรับขึ้น 1.8% ขณะที่หุ้นอิเล็กทรอนิก อาร์ท อิงค์ พุ่งขึ้น 4.7%

          อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายมีอยู่เพียงบางเบา เนื่องจากตลาดพันธบัตรและสถาบันการเงินส่วนใหญ่ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันโคลัมบัส นอกจากนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากทางการสหรัฐในวันจันทร์

          นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 รวมถึง โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกัน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้

          หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. โดยหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 7.6% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.2%

          อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจ็ทบลู แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.9% และหุ้นสกายเวสท์ ทะยานขึ้น 11%

          ส่วนหุ้นฟรีพอร์-แมคมอแรน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ร่วงลง 4.1% หลังจากราคาทองแดงปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันทำการ อันเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้อุปสงค์ทองแดงซบเซาลง

          นักลงทุนจับตาดูรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ต.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,131.86 จุด                         เพิ่มขึ้น 47.37 จุด     +0.28%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,838.64 จุด                      เพิ่มขึ้น 8.17 จุด      +0.17%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,017.46 จุด                       เพิ่มขึ้น 2.57 จุด      +0.13%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,371.18 จุด                    ลดลง 44.98 จุด      -0.70%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,119.83 จุด                           เพิ่มขึ้น 23.23 จุด     +0.23%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,688.70 จุด                         ลดลง 12.69 จุด      -0.27%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,267.40 จุด      ลดลง 41.80 จุด      -0.79%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,232.90 จุด            ลดลง 46.80 จุด      -0.89%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,573.72 จุด                           เพิ่มขึ้น 127.76 จุด    +1.51%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,021.63 จุด                        เพิ่มขึ้น 2.10 จุด      +0.10%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,287.66 จุด                     เพิ่มขึ้น 104.51 จุด    +3.28%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,150.29 จุด             เพิ่มขึ้น 11.38 จุด     +0.16%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดนี้ที่ 22,730.93 จุด                            เพิ่มขึ้น 272.13 จุด    +1.21%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,630.71 จุด     เพิ่มขึ้น 41.37 จุด     +0.90%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,709.68 จุด                      เพิ่มขึ้น 3.32 จุด      +0.19%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,032.11 จุด                      เพิ่มขึ้น 33.61 จุด     +1.12%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,904.11 จุด                        ลดลง 175.40 จุด     -0.65%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และวอลุ่มการซื้อขายมีเพียงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ในสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,838.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด หรือ +0.17% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,017.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด หรือ +0.13%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันแรกในรอบ 7 วันทำการ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทเอกชนจะเปิดเผยผลประกอบการ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.3% ปิดที่ 361.79 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,688.70 จุด ลดลง 12.69 จุด หรือ -0.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,119.83 จุด เพิ่มขึ้น 23.23 จุด หรือ +0.23% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,371.18 จุด ลดลง 44.98 จุด หรือ -0.70%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8 วันติดต่อกัน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 44.98 จุด หรือ 0.70% ที่ 6,371.18 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 2.53 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 47.1 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ดิ่งลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 49.86 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยสัญญาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 8.6 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ระดับ 1,164.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ปีนี้

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.6 เซนต์ ปิดที่ 15.864 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 14.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 995.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 13.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 694.65 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่เชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการที่เฟดจะรีบเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1361 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1363 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5344 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5334 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.99 เยน จาก 120.28 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9627 ฟรังก์ จาก 0.9608 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7361 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7329 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 809.00 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!