WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET15 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามตลาดภูมิภาค-Window Dressing ช่วยหนุน

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในทิศทางของการรีบาวด์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เป็น Sentiment การลงทุนที่ดี

     นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกจากการทำ Window Dressing วันสุดท้ายก่อนปิดงบฯไตรมาส 3/58 พร้อมกันนี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะประกาศออกมาวันนี้

    สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำว่าหากดัชนีดีดตัวขึ้นให้หาจังหวะในการขายออก โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค. จะยังเป็นช่วงขาลงอยู่ หลังนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจโลกอยู่

พร้อมให้แนวรับ 1,340-1,345 จุด ส่วนแนวต้าน 1,360-1,365 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(29 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,049.13 จุด เพิ่มขึ้น 47.24 จุด(+0.30%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,517.32 จุด ลดลง 26.65 จุด(-0.59%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,884.09 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด(+0.12%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 263.00 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 239.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 14.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 35.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 27.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.80 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(29 ก.ย.58)1,348.84 จุด ลดลง 3.29 จุด(-0.24%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,760.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ย.58

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(29 ก.ย.58) ปิดที่ 45.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.8%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(29 ก.ย.58)ที่ 9.04 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิดวันนี้ 36.36/38 แนวโน้มยังอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ช่วงสิ้นเดือน

    - พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เร่งสรุปปัญหาการคืนคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ของบริษัท ทีโอที เพื่อนำมาเปิดประมูล 4จี ซึ่งคาดว่าการประชุมครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 ก.ย. หรือ 1 ต.ค.นี้ จะได้ทางออกที่ชัดเจนว่าจะยุติการใช้คลื่น 900 MHz ของบริษัท ทีโอที หรือจะให้ทีโอทีใช้งานคลื่นดังกล่าวได้ต่อไปและอย่างไร

   - อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าแนวทางการเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ ว่า ขณะนี้ได้รายงานความคืบหน้าร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน รับทราบเป็นระยะ โดยหากเป็นไปตามขั้นตอนภายในปี 2558 จะสามารถออกประกาศเชิญชวนเปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 ได้

     - สศค.เผยเศรษฐกิจเดือน ส.ค.ภาคการส่งออกยังหดตัวตามเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับการใช้จ่ายการบริโภคยังคงชะลอตัว แต่มีข่าวดีที่การลงทุนภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณทรงตัว ลุ้นการลงทุนของรัฐบาลและการท่องเที่ยวต่างชาติช่วยพยุง

   - S&P คงอันดับเรตติ้งประเทศไทยไว้ที่ BBB+ จากมุมมองสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและการประท้วงตามท้องถนนได้จบลงแล้ว ย้ำให้น้ำหนักการติดตามผลสำเร็จโครงการลงทุนด้านการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจะเกิดเมื่อใด

    - "พาณิชย์"เดินหน้าเรียกผู้ประกอบการ 12 กลุ่มสินค้าหารือวันนี้ (30 ก.ย.) วางยุทธศาสตร์ส่งออกระยะเร่งด่วน เตรียมเสนอบอร์ดส่งออกประชุมนัดแรก พ.ย.นี้ ขณะที่ "สุวิทย์"ขีดเส้นตาย 1 เดือนให้ปรับทัพทูตพาณิชย์ใหม่

    - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2558 รัฐบาลมีรายได้ 1.95 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.34 แสนล้านบาท หรือ 7.4% จากการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และการนำส่งสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียน รวมถึงการนำส่งรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz (3จี)

    - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานธุรกรรมการโอนเงินรายย่อย แยกตามประเภทบริการ ล่าสุด ณ สิ้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ปริมาณการทำธุรกรรมส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น แต่มีมูลค่าการทำธุรกรรมลดลง ตามบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยทั้งระบบมีปริมาณธุรกรรม 3.27 ล้านรายการ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 8.8% มีมูลค่า 2 แสนล้านบาท ลดลง 9.4%

*หุ้นเด่นวันนี้

   - SAWAD(เคเคเทรด)เป้า 49.75 บาท แนวโน้มกำไร 2H15 เติบโตจาก 1H15 หนุนด้วยการขยายสาขาเชิงรุกและต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้, เชิงเทคนิคราคาหุ้นเลี้ยงตัวไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 35.90 บาท มีโอกาสฟื้นต่อ

   - KCE (เคเคเทรด)เป้า 53.50 บาท ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าและฤดูกาลขาย (High season) ใน 3Q58 มากสุด

    - KTC (เออีซี)"ซื้อ"เป้า 121 บาท ด้วยเหตุผล 1) ธุรกิจหลักบัตรเครดิตมีแนวโน้มโตอย่างน้อยปีละ 10% ด้วยแรงหนุนของพฤติกรรมผู้บริโภค วิถีชีวิต และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยสิ้นช่วง 2Q58 มี LLR คิดเป็น 393% ของ NPLs และมี NPL ratio ที่ต่ำเพียง 2.2% 3) ศักยภาพทำกำไร โดยช่วง 3 ปีคาดกำไรโตปีละ 19.4% และ 4) มี Upside 27% คาดให้ Div. Yield เฉลี่ยปีละ 4.2%

   - CPN(เออีซี)"ซื้อ"เป้า Consensus 59.50 บาท ช่วง 2H58 สดใสจากเข้าสู่ High Season อีกทั้งเริ่มรับรู้รายได้โครงการเวสต์เกตตั้งแต่ ส.ค. 58 และเดือน ต.ค. นี้มีแผนเปิดตัวอีก 1 โครงการ โดยปี 58 คาดกำไรโต 14.4%YoY และ โตต่อ 16.9%YoY ในปี 59 จากปรับขึ้นค่าเช่าตามสัญญาปีละ 5% และเพิ่มพื้นที่เช่าต่อเนื่อง

    - AOT (เออีซี)"ซื้อ"เป้า 330 บาท ธุรกิจท่องเที่ยวสดใส ขณะที่ทั้งปี 58-59 คาดกำไรจากธุรกิจหลักโตเฉลี่ยปีละ 16% จากการเติบโตของสายการบิน Low Cost ตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีน เกาหลีและกลุ่มอาเซียนที่เพิ่มต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีแผนลงทุนขยายสนามบินเพื่อรองรับการเติบโตของผู้โดยสารในระยะยาว

   - CENTEL (ราคาเป้าหมายปีนี้ 45 บาท) และ AAV (เป้าหมายปีนี้ 6 บาท)(ฟินันเซีย ไซรัส)แม้มีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์แต่ชาวจีนยังเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค.+3.2% M-M, +78% Y-Y ครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 28% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด และทำให้ยอดรวมของชาวจีนใน 8M15 เพิ่มขึ้นถึง 107% Y-Y และจำนวนนักท่องเที่ยวรวมทั้งหมดเป็น 20.1 ล้านคน +30% Y-Y ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ High season เชื่อจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีนี้น่าจะเป็น 29.5 ล้านคน +19% ไม่ยาก

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

   ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

   ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% แตะ 121.40 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,193.84 จุด เพิ่มขึ้น 263.00 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,795.93 จุด เพิ่มขึ้น 239.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,052.84 จุด เพิ่มขึ้น 14.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,097.15 จุด ลดลง 35.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,915.46 จุด ลดลง 27.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,778.59 จุด ลดลง 9.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,602.52 จุด ลดลง 0.80 จุด

   เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย Conference Board เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังแตะระดับ 101.3 ในเดือนส.ค. และดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในเดือนก.ย.

   ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าระดับ 4.5% ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 10 เมืองเพิ่มขึ้น 4.5% และดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองเพิ่มขึ้น 5.0%

 ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 49.62 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจชะลอตัว

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

   ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 49.62 จุด หรือ 0.83% แตะที่ 5,909.24 จุด

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่ากำไรในภาคอุตสาหกรรมของจีนหดตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนส.ค.

    ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. โดยข้อมูลดังกล่าวจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย

    หุ้นเกลนคอร์พุ่งขึ้น 17% หลังจากซิตี้กรุ๊ปแนะนำว่า บริษัทควรจะถอนตัวออกจากตลาดหากยังไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

    หุ้นวอลเซลีย์ร่วงลง 13% หลังผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างระบุว่า บริษัทมีกำไรในปี 2558 ลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการด้อยค่าของสินทรัพย์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุนักลงทุนยังวิตกเศรษฐกิจโลก

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยตลาดปิดปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณที่แตกต่างกัน

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.7% ปิดที่ 339.23 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,343.73 จุด ลดลง 13.32 จุด หรือ -0.31% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,450.40 จุด ลดลง 33.15 จุด หรือ -0.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,909.24 จุด ลดลง 49.62 จุด หรือ -0.83%

  ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่ากำไรในภาคอุตสาหกรรมของจีนหดตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนส.ค.

 นักลงทุนจับตาดูสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. โดยข้อมูลดังกล่าวจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปของปีนี้" เขากล่าว และเสริมว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค. หรือธ.ค.

   อย่างไรก็ดี นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า เฟดควรตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% เป็นเวลานานกว่าที่วางแผนไว้ พร้อมกับกล่าวว่าหากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป ก็จะสร้างความเสียหายหลายประการ ซึ่งรวมถึงชื่อเสียงของเฟด

   หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลงหนักสุดและมีส่วนช่วยฉุดดัชนี Stoxx 600 ร่วงลงด้วย โดยหุ้น Novo Nordisk ร่วงลง 3.4% และหุ้น Hikma Pharmaceuticals ดิ่งลง 8.1%

    อย่างไรก็ตาม หุ้น SABMiller ปรับขึ้น 1.8% หุ้น AB InBev ร่วงลง 2.8%

   นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ของโฟล์คสวาเกนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดนายมัทเทียส มูลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของโฟล์คสวาเกน เอจี เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังจัดทำแผนในการปรับเครื่องยนต์ของรถยนต์ที่มีการติดตั้งซอฟท์แวร์ซึ่งทำให้ดูเหมือนมีการปล่อยมลพิษน้อยกว่าความเป็นจริง

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 47.24 จุด รับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

   ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,049.13 จุด เพิ่มขึ้น 47.24 จุด หรือ +0.30% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,517.32 จุด ลดลง 26.65 จุด หรือ -0.59% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,884.09 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด หรือ +0.12%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย Conference Board เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังแตะระดับ 101.3 ในเดือนส.ค. และดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในเดือนก.ย.

      ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าระดับ 4.5% ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 10 เมืองเพิ่มขึ้น 4.5% และดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองเพิ่มขึ้น 5.0%

     อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดถูกสกัดลง ซึ่งส่งผลให้ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานล่าสุดของ IMF ที่ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลงในช่วงปี 2558-2560 อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง

    รายงานของ IMF ยังระบุด้วยว่า ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพลังงานอื่นๆจะได้รับผลกระทบมากถึง 2 เท่า ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำ เมื่อพิจารณาจากอุปทานจำนวนมากและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ

   หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงไปถึง 11% ในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการแสดงความเห็นของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครทที่ระบุว่า บริษัทเวชภัณฑ์มีการกำหนดราคาที่สูงเกินไป พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะปรับลดต้นทุนราคายา หากเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

    ทั้งนี้ หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นเมดโทรนิค ปรับขึ้น 2.5% และหุ้นบริสทอล-ไมเยอร์ส สวิบบ์ พุ่งขึ้น 2.52%

    หุ้นยาฮู พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทประกาศเดินหน้าแยกธุรกิจมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออกจากอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิงส์ ในปีนี้

    หุ้นแอปเปิลร่วงลง 3% ซึ่งได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้น PayPal ดิ่งลง 5% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.9%

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.จาก ADP ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ ส่วนวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย. สำหรับวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.

 

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!