WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET42ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งลงตามตปท.-ราคาน้ำมันร่วง-กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ

   นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ลดลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงเมื่อวันศุกร์ หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ของสหรัฐในปีหน้า ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงเมื่อวันศุกร์ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อการลงทุนด้วย แต่มองดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่มากนัก หลังมองระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสขยับขึ้นต่อได้จากความคาดหวังผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ โดยมองดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,380 แนวต้านที่ 1,400 และ 1,405 จุด

    นายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงเมื่อวันศุกร์ และราคาน้ำมันดิบก็ปรับลดลงด้วย หลังเฟดปรับลดคาดการณ์จีดีพีของสหรัฐในปีหน้า ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัว

   ขณะที่นักลงทุนยังรอดูความชัดเจนของตลาดหลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคงจะเห็นความชัดเจนได้ในอีก 2-3 วัน โดยมองว่าหากดัชนีปรับลดลงมาบริเวณ 1,380 ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะฟื่นตัวขึ้นได้ จากความคาดหวังผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทิสโก้มองเป้าหมายการปรับขึ้นในระยะสั้นที่บริเวณ 1,410-1,420 จุด

  สำหรับในวันนี้มองตลาดหุ้นไทยมีแนวรับบริเวณ 1,380 บวกลบ และแนวต้านบริเวณ 1,400 และ 1,405 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

   - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(18 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,384.58 จุด ลดลง 290.16 จุด(-1.74%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,827.23 จุด ลดลง 66.72 จุด (-1.36%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,958.03 จุด ลดลง 32.17 จุด(-1.62%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 25.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 306.40 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 57.64 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 22.71 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 24.55 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 7.91 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันเคารพผู้สูงอายุ

  - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 ก.ย.58) 1,390.32 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด(+0.04%)

  - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 225.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.58

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 ก.ย.58) ปิดที่ 44.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.22 ดอลลาร์

  - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 ก.ย.58)ที่ --- เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

  - เงินบาทเปิด 35.71/73 แนวโน้มอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ช่วงใกล้สิ้นเดือน

  - แบงก์คาดเฟดยังคงปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในปีนี้ แม้การประชุมครั้งล่าสุดจะมีมติคงที่ไว้ ส่งผลให้เงินบาทลดความผันผวนในระยะสั้นๆ แต่แนวโน้มยังอ่อนค่า หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปกระทบบาทอ่อน 1%

  - นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภาพรวมการขยายตัวเงินฝากของธนาคารออมสินเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดยยอดเงินฝาก 8 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ผ่านมากว่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี ที่มีเงินฝากเพิ่มขึ้น 6.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธนาคารไม่ต้องการเร่งอัตราการเพิ่มของเงินฝาก ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายสินเชื่อที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมาด้วย ประกอบกับปัจจุบันธนาคารมีสภาพคล่องล้นกว่า 2 แสนล้านบาท

   - คลังประเมินแผนเร่งอัดฉีดเงินเข้าระบบกระตุ้นการก่อสร้างหนุนจีดีพีประเทศโตเพิ่ม 1% พร้อมเดินหน้าขอความชัดเจนรัฐบาล เกี่ยวกับแผนการออกกฎหมายล้างหนี้ประเทศ 7.3 แสนล้านบาท

   - พาณิชย์เตรียมชงครม.ไฟเขียวเอสเอ็มอี แพ็กเกจ ระยะ 3 ปี หวังสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอีทั้งระดับท้องถิ่น อาเซียน และตลาดโลก คาดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท

   - คลังรับอัดฉีดเงินฐานรากผ่านกองทุนหมู่บ้าน แย่งลูกค้านาโนไฟแนนซ์ เชื่อกระทบแค่ช่วงสั้น ด้านแมคคาเล กรุ๊พ ทำใจปีนี้ปล่อยกู้ต่ำกว่าเป้าหมายแน่ เหตุดอกเบี้ยกองทุนหมู่บ้านต่ำกว่ามาก

    - อียูส่งทีมตรวจผลปฏิบัติมาตรการ IUU อีกครั้งกลางเดือนต.ค.นี้ ด้าน "ฉัตรชัย" ยันไทยสามารถดำเนินการและเดินตามมาตรฐานสากล พร้อมปรับปรุงขั้นตอน ระเบียบเงื่อนไข เผย อียูพอใจการแก้ปัญหาของไทย "สมาคมประมงนอกน่านน้ำ" จี้รัฐหาแหล่งจับปลาใหม่ หลังเรือประมงไทย 129 ลำจอดสนิทที่อินโดนีเซีย

    - แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมข้อมูลถึงความจำเป็นที่จะต้องออก พ.ร.บ.บริหารจัดการหนี้ 7.2 แสนล้านบาท และประโยชน์ในการออกกฎหมายดังกล่าว เสนอให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เพื่อพิจารณา หลังจากที่ รมว.คลัง มีความเห็นว่าควรระงับการออกกฎหมายดังกล่าวเพราะรัฐบาลมีกระแสเงินสดมาก ไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม

*หุ้นเด่นวันนี้

     -ADVANC(บล.เคเคเทรด) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 288 บาท/หุ้น แม้ระยะสั้นมีปัจจัยลบจากประเด็นที่ TOT อาจเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัท จากการแก้ไขสัมปทาน 2จี แต่คาดว่าจะไม่มีข้อสรุปในระยะสั้น เพราะหากต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล น่าจะใช้เวลาหลายปี อีกทั้งเชื่อว่าโอกาสที่บริษัทจะแพ้คดีมีน้อย เพราะการแก้ไขสัมปทานที่ผ่านมาก็เป็นไปภายใต้ความยินยอมของคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย คือ TOT และบริษัท ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังแกร่งเพราะ 1) คาดกำไรปี 58-59 จะโตโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ด้วยอัตราเฉลี่ย 18% 2) คาดหมายอัตราปันผลสำหรับปี 58 ที่สูงจูงใจราว 5.8% หรือ 13.40 บาท และ 3) มีupside จากการประมูลคลี่น 1800 เมกะเฮิร์ต (4จี) โดย ADVANC ที่ปัจจุบันมีคลื่นในมือน้อยกว่าคู่แข่ง จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์มากสุด

     -KSL (บล.เคทีบีฯ) แนะ"ถือ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 3.96 บาท/หุ้น โดยมอง รายงานผลประกอบการรอบ 3Q58 อยู่ที่ 228 ล้านบาท (-50.9% QoQ, -36.4% YoY) หดตัวลงค่อนข้างมากเหตุผลหลักมาจากธุรกิจน้ำตาลและโรงไฟฟ้า โดยธุรกิจน้ำตาลได้รับผลกระทบจากราคาน้ำตาลที่ทรงตัวในระดับต่ำกว่าต้นทุนที่ 11-12 เซนต่อปอนด์ เทียบกับต้นทุนที่ราว 14-15 เซนต่อปอนด์ ส่งผลให้ผลประกอบการของประเทศลาวและกัมพูชาขาดทุน ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีผลประกอบการหดตัวลงค่อนข้างมาก อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงจาก 39% เหลือเพียง 17.5% จากการปรับตัวลดลงของราคาค่าไฟ โดยมองราคาน้ำตาลที่ทรงตัวระดับต่ำจะกดผลประกอบการของธุรกิจน้ำตาลต่อ ธุรกิจอื่นอย่างเอทานอลและไฟฟ้ายังมีการเติบโตอย่างจำกัด ขณะที่อัพไซด์ของราคายังไม่น่าดึงดูดพอ

    -UNIQ (บล.ธนชาต) แนะ"ซื้อ"โดยมีราคาเป้าหมาย 25 บาท/หุ้น แม้จะมีขนาดเล็กที่สุดในบรรดา 4 ผู้รับเหมาขนาดใหญ่ของไทย แต่มีความสามารถในการทำกำไรสูงที่สุด ด้วยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานกว่า 10% และ ROE 17% ซึ่งแม้กระนั้นก็ยังคงซื้อขายที่ PE ที่ต่ำกว่าที่ 17-19 เท่าในปี 2016-17 เทียบกับคู่แข่งที่ 31-32 เท่า

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น ปรับตัวลดลง 0.6% แตะที่ 410.10 จุด เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ตามเวลาซิดนีย์

     ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,614.43 จุด ลดลง 306.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,072.09 จุด ลดลง 25.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,404.50 จุด ลดลง 57.64 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,973.24 จุด ลดลง 22.71 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,855.04 จุด ลดลง 24.55 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,661.54 จุด ลดลง 7.91 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันเคารพผู้สูงอายุ

    ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แต่ก็เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อยในช่วงต่อไปของปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 82.88 จุด หลังเฟดตรึงอัตราดอกเบี้ย

      ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกอ่อนแอและความเสี่ยงในตลาด

   ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 82.88 จุด หรือ 1.34% ที่ระดับ 6,104.11 จุด

   ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนประเมินว่า การตัดสินใจของเฟดเกี่ยวข้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเฟดมีส่วนทำให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นเมื่อไม่นานมานี้

    หุ้นกล่มธนาคารนำตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลง โดยหุ้นเอชเอสบีซีและหุ้นบาร์เคลย์สต่างก็ปรับตัวลงไม่ต่ำกว่า 2.4% เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มพลังงานนำโดยหุ้นบีพีและหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ที่ต่างก็ปรับตัวลงไม่ต่ำกว่า 3.5%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังเฟดลังเลตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย

     ตลาดหุ้นยุโรปร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กระตุ้นความวิตกกังกลเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และบริษัทผู้ส่งออกของยุโรปได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร

     ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 354.77 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,535.85 จุด ลดลง 119.29 จุด หรือ -2.56% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,916.16 จุด ลดลง 313.42 จุด หรือ -3.06% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,104.11 จุด ลดลง 82.88 จุด หรือ -1.34%

    ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงหลังจากเฟดแสดงความลังเลในเรื่องการกำหนดนโยบายการเงินท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาด ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำของสหรัฐ

    หุ้นกลุ่มยานยนต์ นำโดยหุ้นเดมเลอร์ เอจี หุ้นโฟล์คสวาเกน เอจี และหุ้นบีเอ็มดับเบิ้ลยู เอจี มีสัดส่วน 3.3% ในการฉุดดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปรับตัวลดลง

     หุ้นดอยช์แบงก์ เอจี ร่วลง 4.4% หลังแหล่งข่าววงในระบุว่า ธนาคารยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีมีแผนจะยกเลิกธุรกิจธนาคารสำหรับองค์กร (corporate banking) และธุรกิจหลักทรัพย์ในรัสเซีย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 290.16 จุด หลังเฟดคงดบ.

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

   ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 290.16 จุด หรือ 1.74%  ปิดที่ 16,384.58 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 32.17 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 1,958.03 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 66.72 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 4,827.23 จุด

     ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงหลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเกือบ 0% หลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันเมื่อวันพฤหัสบดี

    ทั้งนี้ เนื่องจากไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันศุกร์ เทรดเดอร์จึงให้ความสำคัญกับการตีความหมายแถลงการณ์ของเฟด

     แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แต่ก็เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อยในช่วงต่อไปของปีนี้

     เฟดระบุว่า ถึงแม้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง แต่ความผันผวนในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะทำให้มีแรงกดดันในช่วงขาลงต่อเงินเฟ้อในระยะใกล้

     เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของเฟดเชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดระบุว่า 13 ใน 17 สมาชิกบอร์ดคณะกรรมการของเฟดต้องการเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวภายในปี 2558

     นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากที่เฟดชะลอการกลับไปใช้นโยบายการเงินที่ปกติ

   หุ้นฟรีพอร์ท-แมคโมแรน ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ที่สุดในโลกร่วงลง 9.7% หลังบะรุว่า บริษัทอาจจะออกหุ้นใหม่ในวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์

   หุ้นลา ควินตา โฮลดิ้งส์ อิงค์ ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงแรมขนาดใหญ่ร่วงลง 15% หลังประธานเจ้าหน้าที่บริหารซึ่งดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนานนั้น ประกาศลาออกจากตำแหน่ง

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 18 ก.ย. 2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,384.58 จุด ลดลง 290.16 จุด, -1.74%+

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,827.23 จุด ลดลง 66.72 จุด, -1.36%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,958.03 จุด ลดลง 32.17 จุด, -1.62%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,535.85 จุด ลดลง 119.29 จุด, -2.56%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,916.16 จุด ลดลง 313.42 จุด, -3.06%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,104.11 จุด ลดลง 82.88 จุด, -1.34%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,218.91 จุด เพิ่มขึ้น 254.94 จุด, +0.98%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,879.59 จุด ลดลง 16.22 จุด, -0.56%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,669.45 จุด ลดลง 12.09 จุด, -0.72%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,380.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด, +0.04%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,920.83 จุด เพิ่มขึ้น 66.20 จุด, +0.30%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,131.91 จุด เพิ่มขึ้น 7.92 จุด, +0.11%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 290.16 จุด หรือ 1.74%  ปิดที่ 16,384.58 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 32.17 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 1,958.03 จุด และดัชนีNasdaq ลดลง 66.72 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 4,827.23 จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) เนื่องจากการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กระตุ้นความวิตกกังกลเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และบริษัทผู้ส่งออกของยุโรปได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร

          ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 354.77 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,535.85 จุด ลดลง 119.29 จุด หรือ -2.56% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,916.16 จุด ลดลง 313.42 จุด หรือ -3.06% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,104.11 จุด ลดลง 82.88 จุด หรือ -1.34%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกอ่อนแอและความเสี่ยงในตลาด

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 82.88 จุด หรือ 1.34% ที่ระดับ 6,104.11 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งแรงเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 20.8 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 1,137.8 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 17.9 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 15.163 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 16 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 984.4 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.9% ปิดที่ 610.85 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักในตระกร้าเงินเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวันก่อน ในขณะที่ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

          ค่าเงินยูโรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1351 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1405 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะ 1.5553 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5626 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 119.83 เยน จากระดับ 120.16 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9642 ฟรังค์ จากระดับ 0.9618 ฟรังค์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7218 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7270 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์แคนาดาเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3086 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 960.00 จุด เพิ่มขึ้น 77.00 จุด, +8.72%

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!