WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET19ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามภูมิภาค เล็งเฟดไม่ขึ้นดบ.-จีนมีมาตรการเพิ่ม

     นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันราว 1-2% โดยรับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และคาดหวังว่าจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากที่ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของจีนออกมาไม่ดี

      ส่วนปัจจัยในประเทศก็ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการช่วยเหลือ SME ในวงเงิน 1 แสนล้านบาท พร้อมให้แนวต้าน 1,388-1,400 จุด ส่วนแนวรับ 1,370-1,375 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(8 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,492.68 จุด เพิ่มขึ้น 390.30 จุด(+2.42%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,811.93 จุด เพิ่มขึ้น 128.01 จุด(+2.73%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,969.41 จุด เพิ่มขึ้น 48.19 จุด(+2.51%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 331.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 12.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 95.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 24.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 10.78 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(8 ก.ย.58) 1,379.32 จุด เพิ่มขึ้น 7.92 จุด (+0.58%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,147.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ย.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(8 ก.ย.58) ปิดที่ 45.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 11 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(8 ก.ย.58)ที่ 7.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 36.03/06 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาคจากแรงหนุนเฟดจะยังไม่รีบขึ้นดบ.

     - ครม. เห็นชอบให้สิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรกในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ส่วนการผ่อนปรนเวลาครอบครองจากเดิม 5 ปี เหลือ 3 ปี ต้องศึกษาอีกครั้ง ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือ SMEs วงเงิน 1 แสนล้าน พร้อมลดภาษีสนับสนุนให้เข้มแข็ง

    - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า จะเดินทางไปหารือกับรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงคมนาคมเพื่อกำชับให้เร่งการเบิกจ่ายงบลงทุนและงบเร่งด่วนกว่า 1.5 แสนล้านบาท โดยจะเร่งรัดการเบิกจ่ายในส่วนที่เหลืออยู่ให้เร็วขึ้น

    - บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การอ่อนค่าของเงินบาทลงมาอยู่ระดับต่ำกว่า 36 บาท/เหรียญสหรัฐในขณะนี้ เป็นผลจากปัจจัยในต่างประเทศเป็นหลัก อาจจะไม่ใช่ภาวะชั่วคราวเหมือนที่เคยคาดการณ์

      - ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม มีมติให้กรมการค้าภายในออกประกาศราคาแนะนำการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันใหม่ โดยผลปาล์มดิบเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ให้รับซื้อกิโลกรัม (กก.) ละ 3.20 บาท จากเดิม 4.20 บาท/กก.

   - ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ได้ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาล ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินรวม 1.36 แสนล้านบาท โดยคาดว่าไตรมาสสุดท้ายปีนี้จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 1.06 แสนล้านบาท หรือ 78% ของวงเงินกระตุ้น ส่งผลให้จีดีพี ขยายตัว 0.3% และหากเม็ดเงิน ดังกล่าวถูกส่งผ่านหมุนเวียนไปยังธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ จะส่งผลให้จีดีพีปีหน้าขยายตัวได้อีก 0.3%

     - กสทช.เชื่อประมูล 4จี คลื่น 1800 วันที่ 11 พ.ย.นี้ แข่งเดือด เผยบริษัทสื่อสารทุกรายสนใจเข้าประมูลเพียบ 7 บริษัท โวประชาชนเห็นค่าโทรถูกลงอีกแน่ พร้อมรับสับสนวันประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ หลังแนวทาง'ม.ร.ว.ปรีดิยาธร'กับ ครม.ประยุทธ์ 3 ให้แนวทางต่างกัน

*หุ้นเด่นวันนี้

     - กลุ่มรับเหมา ค้าปลีก อสังหาฯ(ฟินันเซีย ไซรัส)ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปลอดแรงขายของต่างชาติที่ขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลาง มิ.ย.ทำให้กลุ่มพลังงานและแบงก์เป็น 2 กลุ่มหลักที่กดดัน SET Index แม้ว่า Valuations ของหุ้นในกลุ่มแบงก์หลายตัว"ถูก"จนน่าสนใจลงทุน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนซื้อ ส่วนกลุ่ม perform ได้ดีโดยเฉพาะตั้งแต่มีครม.ชุดใหม่ ได้แก่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการบริโภค หุ้นที่ยังน่าสนใจได้แก่ CK (ราคาเป้าหมาย 33 บาท) SCC (เป้าหมาย 582 บาท) GLOBAL (เป้าหมาย 11.30 บาท) ROBINS (เป้าหมาย 51 บาท) KAMART (เป้าหมาย 9 บาท) KTC (เป้าหมาย 116 บาท) MTLS (เป้าหมาย 25 บาท) QH (เป้าหมาย 4 บาท) PS (เป้าหมาย 36 บาท)

    - กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์(ฟินันเซีย ไซรัส)ปรับขึ้น Outperform มากที่สุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่า หุ้นในกลุ่มที่ยังมี upside ให้เก็งกำไรต่อได้คือ KCE (ราคาเป้าหมาย 57 บาท) และ SVI (เป้าหมาย 5.20 บาท)

     - MINT(เคเคเทรด)เป้า 33 บาท Sentiment กลุ่มท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นหลังสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเริ่มคลี่คลาย,คาดผลประกอบการเริ่มฟื้นใน 4Q58 ซึ่งเป็น High season

    - SAT (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 19.50 บาท คาดผลประกอบการฟื้นตัวอย่างมีนัยใน 2H58 (เบื้องต้นคาดโตราว 60% เทียบกับ 1H58), Valuation น่าสนใจด้วย P/E ratio เพียง 10 เท่า ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่ 13.9 เท่า และคาดเงินปันผลราว 4% ในปีนี้

       - AOT(โกลเบล็ก)Consensus เฉลี่ย 331 บาท คาดรายได้และกำไรโตตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น สสท.คาดนักท่องเที่ยวปี 58 +13% เป็น 28 ล้านคน โดยเฉพาะจีน ส่วนสุวรรณภูมิเฟส 2 ผ่าน EIA แล้วคาดเปิดประมูลปี 59 ช่วยหนุนรายได้และกำไรในอนาคตเนื่องจากจะรองรับผู้โดยสารได้ 85 ล้านคน/ปี, เดือนส.ค.ผู้ใช้สนามบินโตขึ้นราว 25% , ผู้โดยสาร 10 เดือนแรกกว่า 89 ล้านคน

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ หลังนักลงทุนคลายวิตกตลาดหุ้นจีน

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ดีดตัวขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนก็มีมุมมองบวกว่า จีนจะประสบความสำเร็จในการรักษาเสถียรภาพในตลาดหุ้น

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 1.2% แตะ 125.64 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,758.13 จุด เพิ่มขึ้น 331.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,097.22 จุด เพิ่มขึ้น 95.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,903.28 จุด เพิ่มขึ้น 24.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,901.07 จุด เพิ่มขึ้น 15.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,597.90 จุด เพิ่มขึ้น 10.78 จุด

    ทั้งนี้ นักลงทุนมีมุมองบวกเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีน หลังจากที่มีข่าวว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เตรียมที่จะเดินหน้าการปฏิรูป ปรับปรุงกรอบการทำงานด้านกฎหมาย และยกระดับการกำกับดูแลตลาด โดยอาจจะใช้กลไกต่างๆ เช่น ระบบ circuit breaker สำหรับดัชนีหุ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผันผวนอย่างผิดปกติ

     ขณะเดียวกัน โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) กล่าวว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นจีนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานี้ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว และคาดว่าตลาดการเงินจะกลับมานิ่งและมีเสถียรภาพมากขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 71.58 จุด นำโดยหุ้นเหมือง

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเป็นวันที่สองติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างเกลนคอร์ และอังโกล อเมริกัน โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคและทั่วโลก หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการค้าของเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ประกอบกับยูโรสแตทปรับเพิ่มตัวเลขขยายตัวทางเศรษฐกิจยูโรโซนช่วงครึ่งปีแรก

      ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 71.58 จุด หรือ 1.18% ที่ 6,146.10 จุด

     สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ได้ปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในช่วงครึ่งปีแรก โดยปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.1% สำหรับไตรมาส 1 และไตรมาส 2 สู่ระดับ 0.5% และ 0.4% ตามลำดับ

    การปรับตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้มีการขยายตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2554 และยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในกรีซได้

      ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ตัวเลขเกินดุลการค้าของเยอรมนีพุ่งแตะ 2.5 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    การเกินดุลการค้าดังกล่าวได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของยูโร ซึ่งช่วยหนุนการส่งออกนอกยูโรโซน โดยเฉพาะสหรัฐ

     สำนักงานสถิติระบุว่า การส่งออกพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนก.ค. แตะ 1.034 แสนล้านยูโร ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 8.06 หมื่นล้านยูโร

     หุ้นทุกกลุ่มในตลาดหุ้นลอนดอนปิดแดนบวก ยกเว้น กลุ่มค้าปลีก โดยหุ้นกลุ่มประกันภัย เหมืองแร่และโลหะอุตสาหกรรม ยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นแกนนำหุ้นบวก

     หุ้นเกลนคอร์ทะยาน 4.40% หุ้นอังโกล อเมริกัน พุ่ง 3.87% หุ้นอเบอร์ดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ บวก 3.02% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 2.82% และหุ้นเฟรสนิลโลเพิ่มขึ้น 2.74%

     หุ้นริโอ ทินโต บวก 2.6% หลังบริษัทประเมินอุปสงค์เหล็กกล้าและทองแดงจากจีนสดใส

     หุ้นเรดโรว์ บริษัทรับสร้างบ้าน พุ่ง 1.9% หลังเผยกำไรพุ่ง 53% จากอานิสงส์นโยบาย Help to Buy ของรัฐบาลที่ให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อบ้านบางราย

     ขณะที่บริษัทสร้างบ้านอีกรายอย่าง เบิร์กลีย์ ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 2.3% จากข่าวที่ว่าบริษัทมีแนวโน้มทำกำไรได้ตามเป้า

     หุ้นวิทเบรดลดลง 1.4% ร่วงลงหนักสุดในตลาด หลังจากที่บริษัทได้ตัดลดต้นทุนและขึ้นราคา เพื่อนำเงินมาจ่ายพนักงานตามแผน Living Wage ของรัฐบาล

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับตัวเลขการค้าเยอรมนีแกร่งเกินคาด

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากข้อมูลการค้าที่แข็งแกร่งเกินคาดของเยอรมนีช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไปได้บางส่วน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีน จากกระแสคาดการณ์ที่ว่ามาตรการสนับสนุนของรัฐบาลอาจจะช่วยสกัดภาวะปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนและทั่วโลกช่วงที่ผ่านมา

     ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 4.19 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 359 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 48.62 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 4,598.26 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี พุ่งขึ้น 162.75 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 10,271.36 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน บวก 71.58 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 6,146.10 จุด

    สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ตัวเลขเกินดุลการค้าของเยอรมนีพุ่งแตะ 2.5 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    การเกินดุลการค้าดังกล่าวได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของยูโร ซึ่งช่วยหนุนการส่งออกนอกยูโรโซน โดยเฉพาะสหรัฐ

     สำนักงานสถิติระบุว่า การส่งออกพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนก.ค. แตะ 1.034 แสนล้านยูโร ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 8.06 หมื่นล้านยูโร

     นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ได้ปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในช่วงครึ่งปีแรก โดยปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.1% สำหรับไตรมาส 1 และไตรมาส 2 สู่ระดับ 0.5% และ 0.4% ตามลำดับ

     การปรับตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้มีการขยายตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2554 และยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในกรีซได้

     ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ แต่ตลาดมองว่ารัฐบาลจีนน่าจะออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม ซึ่งช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนลงได้บ้าง โดยตลาดหุ้นจีนปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการในวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากมีข่าวว่ากองทุนของรัฐบาลได้เข้าช้อนซื้อหุ้น ภายหลังทางการจีนเผยยอดส่งออกและนำเข้าอ่อนแอ

     สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยวานนี้ว่า การค้าต่างประเทศของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวลง 9.7% เมื่อเทียบรายปี โดยการส่งออกลดลง 6.1% และการนำเข้าร่วงลง 14.3%

    หุ้นทั้ง 19 กลุ่มในตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มยานยนต์และเหมืองแร่ เดมเลอร์ บีเอ็มดับเบิลยู และโฟล์คสวาเกน บวกกว่า 2.5% หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 2.6% หลังบริษัทให้มุมมองบวกเกี่ยวกับอุปสงค์เหล็กและทองแดงจากจีน

     หุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ พุ่ง 6.8% หลังเจพี มอร์แกน อัพเกรดหุ้นเป็น overweight จาก neutral

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 390.30 จุด รับคาดการณ์จีนกระตุ้นศก.

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากวันหยุดยาว เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตลาดมีมุมมองบวกว่าทางการจีนจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นในประเทศ

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่ง 390.30 จุด หรือ 2.42% ปิดที่ 16,492.68 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 48.19 จุด หรือ 2.51% ปิดที่ 1,969.41 จุด และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 128.01 จุด หรือ 2.73% ปิดที่ 4,811.93 จุด

     หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันแรงงานเมื่อวันจันทร์ ตลาดได้ดีดตัวขึ้นขานรับตลาดหุ้นจีนที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้

      นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศที่อ่อนแอในเดือนส.ค. โดยสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การค้าต่างประเทศของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวลง 9.7% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.04 ล้านล้านหยวน (3.208 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่หดตัว 8.8% ในเดือนก.ค.

    ส่วนการส่งออกในเดือนส.ค.ลดลง 6.1% เทียบรายปี แตะ 1.2 ล้านล้านหยวน หลังจากร่วงลง 8.9% ในเดือนก.ค. ขณะที่การนำเข้าในเดือนส.ค.ร่วงลง 14.3% มาอยู่ที่ 8.361 แสนล้านหยวน หลังจากลดลง 8.6% ในเดือนก.ค.

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีมุมองบวกเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นจีน หลังจากที่มีข่าวว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เตรียมที่จะเดินหน้าการปฏิรูป ปรับปรุงกรอบการทำงานด้านกฎหมาย และยกระดับการกำกับดูแลตลาด โดยอาจจะใช้กลไกต่างๆ เช่น ระบบ circuit breaker สำหรับดัชนีหุ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผันผวนอย่างผิดปกติ

   ทางด้านสภาแห่งรัฐหรือคณะรัฐมนตรีของจีน ได้มีออกคำสั่งเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า นักลงทุนที่ถือหุ้นระยะยาวจะได้รับการผ่อนปรนสำหรับการเก็บภาษีเงินปันผลและโบนัส โดยมาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้นักลงทุนถือครองหุ้นในระยะยาว แทนที่จะเก็งกำไรระยะสั้น

   ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ไม่บ่งชี้ทิศทางชัดเจน โดยนักลงทุนต่างก็จับตาการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของเฟดที่มีกำหนดจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อประเมินความชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย

   หุ้นแอปเปิล พุ่ง 2.8% ขณะที่คาดการณ์กันว่าจะมีการเปิดตัว iPhone 6S และ iPhone 6S Plus ในวันนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากที่ผ่านมา แอปเปิลมักเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในเดือนก.ย.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 ก.ย.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,492.68 จุด                         เพิ่มขึ้น 390.30 จุด     +2.42%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,811.93 จุด                      เพิ่มขึ้น 128.01 จุด     +2.73%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,969.41 จุด                       เพิ่มขึ้น 48.19 จุด      +2.51%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,146.10 จุด                    เพิ่มขึ้น 71.58 จุด      +1.18%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,271.36 จุด                          เพิ่มขึ้น 162.75 จุด     +1.61%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,598.26 จุด                        เพิ่มขึ้น 48.62 จุด      +1.07%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,001.50 จุด                          เพิ่มขึ้น 14.94 จุด      +0.19%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,427.08 จุด                    ลดลง 433.39 จุด      -2.43%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,878.68 จุด                        ลดลง 4.54 จุด        -0.24%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,133.50 จุด      เพิ่มขึ้น 82.50 จุด      +1.63%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,115.20 จุด            เพิ่มขึ้น 84.80 จุด      +1.69%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,170.45 จุด                     เพิ่มขึ้น 90.03 จุด      +2.92%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,891.30 จุด            ลดลง 35.52 จุด       -0.51%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,259.04 จุด                             เพิ่มขึ้น 675.52 จุด     +3.28%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,318.59 จุด      เพิ่มขึ้น 17.22 จุด      +0.40%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,587.12 จุด                      เพิ่มขึ้น 4.27 จุด       +0.27%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,885.32 จุด                      เพิ่มขึ้น 32.91 จุด      +1.15%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,317.87 จุด                        เพิ่มขึ้น 424.06 จุด     +1.70%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากวันหยุดยาว เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตลาดมีมุมมองบวกว่าทางการจีนจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นในประเทศ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่ง 390.30 จุด หรือ 2.42% ปิดที่ 16,492.68 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 48.19 จุด หรือ 2.51% ปิดที่ 1,969.41 จุด และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 128.01 จุด หรือ 2.73% ปิดที่ 4,811.93 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากข้อมูลการค้าที่แข็งแกร่งเกินคาดของเยอรมนีช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไปได้บางส่วน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีน จากกระแสคาดการณ์ที่ว่ามาตรการสนับสนุนของรัฐบาลอาจจะช่วยสกัดภาวะปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนและทั่วโลกช่วงที่ผ่านมา

          ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 4.19 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 359 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 48.62 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 4,598.26 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี พุ่งขึ้น 162.75 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 10,271.36 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน บวก 71.58 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 6,146.10 จุด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเป็นวันที่สองติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างเกลนคอร์ และอังโกล อเมริกัน โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคและทั่วโลก หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการค้าของเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ประกอบกับยูโรสแตทปรับเพิ่มตัวเลขขยายตัวทางเศรษฐกิจยูโรโซนช่วงครึ่งปีแรก

          ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 71.58 จุด หรือ 1.18% ที่ 6,146.10 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.)  โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันจำนวนมากในตลาดโลก ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดลดลง 11 เซนต์ แตะที่ 45.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 40 เซนต์  ที่ 1,121.0 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 20.6 เซนต์ ที่ 14.755 ดอลลาร์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดปรับขึ้น 10.50 ดอลลาร์ ที่ 1,002.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 9.40 ดอลลาร์ ที่ 586.55 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบยูโรและสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสจากยูโรโซน ขณะที่มีกระแสคาดกการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1187 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1170 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5384 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5277 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.99 เยน จาก 119.28 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9814 ฟรังก์ จาก 0.9751 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7030 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6924 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 873.00 จุด ลดลง 3.00 จุด, -0.34%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!