WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

bull market1ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก เจอปัจจัยกดดันจากนอกปท.

   นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกันแรงราว 2% เช่นเดียวกับดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปรับตัวลงแรง ทั้งนี้มีปัจจัยกดดันจากสงครามในเกาหลี และกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)รายงานว่ามีความกังวลเศรษฐกิจทั่วโลก

   ด้านปัจจัยในประเทศก็น่าจะเรียกความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่งจากการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่ แต่ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง ซึ่งตลาดฯไม่น่าจะฝืนกระแสได้

   พร้อมให้แนวรับ 1,362-1,340 จุด โดยให้จับตาแนวรับ 1,362 จุดถ้ายืนไม่ได้ก็อาจจะปรับตัวลงแรง ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,380 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(20 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,990.69 จุด ร่วงลง 358.04 จุด(-2.06%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,877.49 จุด ดิ่งลง 141.56 จุด(-2.82%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,035.73 จุด ลดลง 43.88 จุด(-2.11%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 322.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 54.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 87.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 51.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 48.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 13.76 จุด

   - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(20 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,372.53 จุด ลดลง 6.59 จุด (-0.48%)

   - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,700.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ส.ค.58

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(20 ส.ค.58) ปิดที่ 41.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 34 เซนต์

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(20 ส.ค.58)ที่ 5.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเช้านี้เปิด 35.63 ทรงตัวแต่แนวโน้มยังอ่อนค่า มองกรอบ 35.60-35.70

   - นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เข้าหารือกับภาครัฐเกี่ยวกับ การใช้มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว หากไม่มีมาตรการออกมากระตุ้นในช่วง 4-5 เดือนสุดท้ายของปีนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วง โดยมองว่าอสังหาริมทรัพย์มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องอยู่จำนวนมากที่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

   - ธปท.เผยเอ็นพีแอลในระบบเพิ่มขึ้น 1.33 หมื่นล้านบาท เฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีก-ส่งมียอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 5.38 พันล้านบาท ตามมาด้วยธุรกิจผลิตและอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล พบลูกหนี้รายใหม่ก่อตัวในธุรกิจบริการมากสุด เช่นเดียวกับลูกหนี้รีเอ็นทรีพบมากธุรกิจการผลิต พร้อมกันนี้ภาคธุรกิจโดยรวมมียอดปรับโครงสร้างหนี้ 6.2 พันล้านบาท เฉพาะธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเลือกใช้วิธีนี้ถึง 3.75 พันล้านบาท รวมถึงยังใช้วิธีอื่นๆ หวังให้หนี้ลดลงเพิ่ม

    - ฟิทช์เรทติ้งส์ประเมินแนวโน้มการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะต่อไป พร้อมๆ กับการออกตราสารหนี้-REITs ระดมทุน แนะเป็นโอกาสดีสำหรับเข้าลงทุนระยะยาว เพื่อเพิ่มผลตอบแทน-กระจายความเสี่ยง

    - สศก.คาดการณ์ผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์ กระทบภาคเกษตรเล็กน้อยและแค่ในระยะสั้นเท่านั้น โดยเฉพาะกำลังการบริโภคผลไม้จากนักท่องเที่ยวชาวจีน

    - กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เผย คริส เอ็นเนอร์ยี่ บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ เจอน้ำมันดิบที่แหล่งวาสนาในอ่าวไทยแล้ว หลังขอสัมปทานไปเมื่อปี 2548 ตั้งเป้าเพิ่มอัตราผลิต เป็น 2,000 บาร์เรลต่อวัน ภายใน ส.ค.2558 ชี้มีสำรองสูงใช้ได้ถึง 7 ปี ด้าน สนพ.กางแผนขยายสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 กิโลโวลต์ รองรับพลังงานทดแทน ระบบมี 6 สายทางต้องเร่งดำเนินการ

*หุ้นเด่นวันนี้

    - ADVANC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 290 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อสารใน 2H58 และมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่า กสทช.จะประกาศร่างประมูลใบอนุญาต 4G ในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 26 ส.ค. และสร้างความมั่นใจให้กับตลาดว่าการประมูล 4G จะเป็นไปตามกำหนดการในเดือน พ.ย. 2558 โดย ADVANC มีความพร้อมสูงสุดในการเข้าประมูลใบอนุญาต 4G จากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่า ADVANC จะชนะการประมูลคลื่น 900MHz และ 1800 MHz อย่างละ 1 ใบ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +8.6% yoy เป็น 39,113 ล้านบาท

    - กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างมีแรงเก็งกำไรต่อ(ฟินันเซีย ไซรัส)ดัชนีกลุ่มรับเหมาเป็นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวบวกได้นับตั้งแต่เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ 17 ส.ค. (Contractor +0.4% vs. SET -2.6%) โดยรายชื่อครม.ชุดใหม่ที่ประกาศวานนี้เป็นไปตามโผ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ส่วนรมว.คลัง มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงที่ KTB และ SCB แทนนายสมหมาย ภาษี อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้จะยืนได้ต่อไปยังขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจของทีมครม.ชุดใหม่

     - CPALL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อสะสม"เป้า 54 บาท ผลกระทบจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ค่อนข้างจำกัดเพราะสาขา 7-11 กระจายอยู่ทั่วประเทศ และส่วนใหญ่เป็นของกินของใช้ ซึ่งจะเป็นบวกหากมีการซื้อตุนเพื่อทานที่บ้าน แทนการทานอาหารนอกบ้าน แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมใน 2H15 น่าจะดีต่อเนื่อง คาดเพิ่มขึ้น 1-3% จากฐานต่ำในปีก่อน ส่วนดีลขาย MAKRO ผู้บริหารยังยืนยันต้องการขายไม่ต่ำกว่าทุน (41-45 บาท/หุ้น) แต่รอประเมินเวลาอีกครั้ง

     - PLANB (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 6.60 บาท กำไรสุทธิ 2Q15 เติบโตสูง 141% Q-Q และ 161% Y-Y และดีกว่าคาด จากการเติบโตของรายได้ทุกสื่อโดยเฉพาะสื่อดิจิตอล ซึ่งเป็นรายได้หลักมีสัดส่วน 45% เชื่อว่าการพัฒนาสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ PLANB ขยายตัวสวนเศรษฐกิจ ประกอบกับการรับรู้รายได้จาก Hello Bangkok และจากช่องทางอื่นเพิ่มขึ้น เช่นการให้บริการ Wi-fi บนรถบัส 500 คัน และรายได้โฆษณาบนตู้ "บุญเติม" ปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 10% เป็นโตก้าวกระโดด 104% Y-Y แต่ EPS +52% Y-Y จากผล Dilution

     - CK (โกลเบล็ก)เป้า consensus เฉลี่ย 31 บาท backlog ปลาย Q2/58 อยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาทซึ่งจะรองรับรายได้อย่างน้อยอีก 3 ปี ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการประมูลงานอีก 1.92 แสนล้านบาท คาดรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 9 หมื่นล้านบาท รถไฟรางคู่มูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาทจะเปิดประมูลได้ก่อนเนื่องจากผ่าน EIA และมีการประกาศเงื่อนไขต่างๆ(TOR) แล้วส่วนงานที่เหลือยังรอประกาศ TOR อยู่ ทาง CK คาดว่าจะได้งานประมาณ 25-30% และทางบริษัทพยายามลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่เพื่อลดค่าซ่อมแซม และลดต้นทุนทางการเงินโดยทยอยออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพราะในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

    ตลาดหุ้นเอเชียยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก อันเป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

   ดัชนี MSCI Asia-Pacific ร่วงลง 1.3% แตะ 132.58 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,711.34 จุด ลดลง 322.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,941.95 จุด ลดลง 87.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,862.79 จุด ลดลง 51.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,961.58 จุด ลดลง 48.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,563.65 จุด ลดลง 13.76 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 35.56 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพถูกเทขายหนักสุด เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

   ดัชนี FTSE 100 ลดลง 35.56 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 6,367.89 จุด

    หุ้นกลุ่มการดูแลสุขภาพนำโดยหุ้นแอสทราเซเนกา และหุ้นสมิธ แอนด์ เนปพิว ปรับตัวลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ในขณะที่หุ้นฮิคมา ฟามาร์ซูติคัล ร่วงลง 1.8%

   อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งรวมถึง หุ้นแองโกล อเมริกัน หุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป ต่างก็ดีดตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงเมื่อวานนี้ ในขณะที่หุ้นเกลนคอร์ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดหลังรายงานผลประกอบการที่มีผลกำไรในครึ่งปีแรก

   หุ้นคาซ มิเนอรัล พุ่งขึ้น 14% หลังจากระบุว่า บริษัทได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินเทนจ์ของคาซัคสถาน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกหุ้นทั่วโลกทรุด ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดด้วย

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.1% ปิดที่ 373.44 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,783.55 จุด ลดลง 100.55 จุด, -2.06% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,432.19 จุด ลดลง 249.96 จุด, -2.34% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,367.89 จุด ลดลง 35.56 จุด, -0.56%

   ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดิ่งลง 3.42% เมื่อวานนี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินทุนไหลออก ทั้งนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนยังส่งผลให้ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชียดิ่งลงด้วย โดยเมื่อวานนี้ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงไปเกือบ 190 จุด

    หุ้นกาเมซา คอร์ป และหุ้นเวสตัส วินด์ ซิสเต็มส์ ต่างก็ร่วงลง 8.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว

   อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ทะยานขึ้นกว่า 5.6%

   นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ของกรีซอย่างใกล้ชิด หลังจากนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว เพื่อหวังปูทางสู่การเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 20 ก.ย.

   ทั้งนี้ คาดว่าการตัดสินใจลาออกและจัดการเลือกตั้งใหม่ของนายซิปราสนั้น มีเป้าหมายที่จะคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคไซรีซา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เนื่องจากสมาชิกพรรคหลายสิบคนพากันลงคะแนนคว่ำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่นายซิปราสได้ทำไว้กับเจ้าหนี้ก่อนหน้านี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 358.04 จุด วิตกตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งหนัก

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 350 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจทั่วโลกอาจชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี

   ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,990.69 จุด ร่วงลง 358.04 จุด หรือ -2.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,877.49 จุด ดิ่งลง 141.56 จุด หรือ -2.82% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,035.73 จุด ลดลง 43.88 จุด หรือ -2.11%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระหน่ำขายเมื่อวานนี้ รวมตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นจีน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดิ่งลง 3.42% เมื่อวานนี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินทุนไหลออก หลังจากที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวนจนเป็นเหตุให้สกุลเงินหยวนอ่อนค่าลง ขณะที่มาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางจีนเมื่อวานนี้ ก็ไม่สามารถสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนได้

   ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศมูลค่า 1.20 แสนล้านหยวน หรือ 1.877 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ซึ่งนับเป็นวงเงินสูงสุดในรอบเกือบ 19 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.2557

   การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกได้สกัดปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2% สู่ระดับ 5.59 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับในรอบกว่า 8 ปี

   ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 277,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 21 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

  หุ้นเนทฟลิกซ์ ร่วงลง 7.8% ขณะที่หุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ดิ่งลง 6% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ส.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,990.69 จุด                       ลดลง 358.04 จุด      -2.06%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,877.49 จุด                    ลดลง 141.56 จุด      -2.82%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,035.73 จุด                     ลดลง 43.88 จุด       -2.11%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,367.89 จุด                 ลดลง 35.56 จุด       -0.56%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,432.19 จุด                         ลดลง 249.96 จุด      -2.34%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,783.55 จุด                      ลดลง 100.55 จุด      -2.06%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,029.81 จุด                         เพิ่มขึ้น 7.97 จุด       +0.10%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,033.52 จุด                  ลดลง 189.11 จุด      -0.94%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,914.55 จุด                      ลดลง 24.83 จุด       -1.28%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,295.50 จุด   ลดลง 84.30 จุด       -1.57%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,288.60 จุด         ลดลง 91.60 จุด       -1.70%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,664.29 จุด                   ลดลง 129.82 จุด      -3.42%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,278.98 จุด           ลดลง 65.75 จุด       -0.90%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,757.47 จุด                             ลดลง 410.38 จุด      -1.77%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,441.91 จุด    ลดลง 42.33 จุด       -0.94%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,577.41 จุด                    ลดลง 5.03 จุด        -0.32%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,009.78 จุด                    ลดลง 31.47 จุด       -1.03%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,607.82 จุด                      ลดลง 323.82 จุด      -1.16%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดร่วงลงกว่า 350 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจทั่วโลกอาจชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านมือสองที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,990.69 จุด ร่วงลง 358.04 จุด หรือ -2.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,877.49 จุด ดิ่งลง 141.56 จุด หรือ -2.82% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,035.73 จุด ลดลง 43.88 จุด หรือ -2.11%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดด้วย

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.1% ปิดที่ 373.44 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,783.55 จุด ลดลง 100.55 จุด, -2.06% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,432.19 จุด ลดลง 249.96 จุด, -2.34% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,367.89 จุด ลดลง 35.56 จุด, -0.56%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพถูกเทขายหนักสุด เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

          ดัชนี FTSE 100 ลดลง 35.56 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 6,367.89 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

           สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ ปิดที่ 41.14 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 54 เซนต์ ปิดที่ 46.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 25.3 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ระดับ 1,153.20 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 33.8 เซนต์ ปิดที่ 15.517 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 21.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,034.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 13.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 623.25 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

          ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 123.48 เยน จากระดับของวันพุธที่ 123.86 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9619 ฟรังค์ จากระดับ 0.9655 ฟรังค์

          ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.1113 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5672  ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5681 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะ 0.7337  ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7356 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,014.00 จุด ลดลง 17.00 จุด, -1.65%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!