- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 24 June 2014 10:59
- Hits: 3705
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ-อาจอ่อนลงบ้าง เหตุปัจจัยใน-นอกปท.ไม่เอื้อ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ และอาจอ่อนตัวลงบ้าง เนื่องจากปัจจัยจากต่างประเทศในเรื่องของเศรษฐกิจโลกมีผสมผสานกัน อย่างตัวเลข PMI ของจีน, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ต่างออกมาดีกว่าคาด แต่ทางยุโรปออกมาแย่กว่าคาด และสถานการณ์ในยูเครนเริ่มคลี่คลายลงหลังจากที่กลุ่มต่อต้านได้ยอมรับรัฐบาลยูเครนบ้างแล้ว ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในลักษณะทรง ๆ ตัว
สำหรับปัจจัยในประเทศก็เรื่องที่สหภาพยุโรป(อียู)ได้ชะลอความร่วมมือด้านต่าง ๆ กับไทย ทำให้ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนของไทยบ้าง และทางสหรัฐฯเองก็มีการรายงานเรื่องการค้ามนุษย์ของไทยให้ระดับต่ำสุดด้วย อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี Window Dressing คงจะช่วยประคองตลาดฯได้บ้าง
พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด แนวต้าน 1,475 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(23 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,937.26 จุด ลดลง 9.82 จุด (-0.06%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,962.61 จุด ลดลง 0.26 จุด(-0.01%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,368.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด(+0.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 68.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 111.11 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.88 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.34 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(23 มิ.ย.) ที่ 1,468.70 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด(+0.10%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 668.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(23 มิ.ย.)ที่ 106.17 ดอลลาร์/บาร์เรลลดลง 66 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(23 มิ.ย.)ที่ 4.67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.44/46 แกว่งแคบ-ยังไม่มีปัจจัยใหม่
- ธปท.ชี้ผลขึ้นบัญชีค้ามนุษย์ กระทบเศรษฐกิจระยะสั้น รับ 'มีมูล' แม้ทางการพยายามแก้ไข ด้านคสช.สั่งทุกหน่วยงานเร่งแก้ไข ขณะสมาคมประมงเตรียมออกแถลงการณ์โต้วันนี้ เรียกร้องภาครัฐร่วมแก้ปัญหา-ชี้แจง
- ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปที่ลักเซมเบิร์ก เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีมติระงับการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างสหภาพยุโรป(อียู) กับประเทศไทยทั้งหมด เพื่อตอบโต้การเข้ายึดอำนาจของกองทัพไทย นอกจากนี้อียูและประเทศสมาชิกจะไม่ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ(พีซีเอ) กับไทย จนกว่าไทยจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
- พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคสช. เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ได้หารือถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น และมีผู้ค้าน้ำมันได้ทยอยปรับราคาขึ้นไปทั้งในกลุ่มเบนซินและน้ำมันดีเซล แต่สำหรับบริษัท ปตท.และบริษัท บางจาก ที่ต้องการจะปรับขึ้นราคานั้น อยากจะให้ผู้ค้าน้ำมันทั้งสองรายชะลอการขึ้นราคาออกไป เพื่อรอข้อสรุปการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันที่จะเสร็จภายใน 10 วันนี้ก่อน
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเศรษฐกิจไทย โตได้ 2.3 % เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.8% ผลจากคสช.ปลดล็อกเศรษฐกิจ ฟื้นเครื่องยนต์เดินหน้าเต็มกำลัง แนะระวังปัจจัยเสี่ยงด้านเงินเฟ้อหลัง ราคาน้ำมันพุ่ง ส่วนสหรัฐกีดกันการค้านั้นมองว่ากระทบจำกัด เหตุไทยส่งออกกุ้งลดลงอยู่แล้ว
- ร.ฟ.ท.เลื่อนเคาะราคาโครงการรถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย จากกำหนด 23 มิ.ย.ออกแบบกะทันหัน หลังได้รับหนังสือจาก คสช.ขอตรวจสอบโครงการมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทก่อน คาดกำหนดเคาะราคากันใหม่ 15 ก.ค.
- "เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย"กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(ทอท.)เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปี 2557 นี้ ทอท.คาดว่าจะมีผลกำไร (ไม่รวมรายการพิเศษ) ไม่น้อยกว่าปี 2556 ที่มีกำไร 9,952 ล้านบาท เพราะปัจจุบันภาพรวมอุตสาหกรรมการบินยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความมั่นใจที่จะเดินทางมาประเทศไทย และได้มีการยกเลิกเคอร์ฟิว ทั่วประเทศ ทอท.จึงมั่นใจจำนวนผู้โดยสารจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTEP(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 198 บาท ปัญหาความรุนแรงในอิรักยังคงส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 106 เหรียญต่อบาร์เรล (QTD) เพิ่ม 5% YoY ในช่วง 1-2 เดือน มองว่าราคาน้ำมันยังเป็นทิศทางขาขึ้นจากความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อ PTTEP เนื่องจากรายได้จากการขายน้ำมันมีสัดส่วนมากถึง 53% ทำให้เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการปรับเพิ่มของราคาน้ำมันดิบ ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เมื่อเทียบกับมูลค่าเหมาะสม
- SCP(เคเคเทรด)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 12.30 บาท มีคุณสมบัติเบื้องต้นที่โดดเด่น จากผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องและความสามารถในการทำกำไรเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องปัจจุบันสูงกว่า 30% สถานะทางการเงินแข็งแกร่งหนี้สินต่อทุนต่ำกว่า 0.5 เท่า นอกจากนี้ SCP ยังเป็นผู้นำเสาเข็มและเสาไฟฟ้าที่คาดว่าจะเห็นการขยายตัวที่ชัดเจนในอนาคต ปัจจุบันหุ้น SCP ซื้อขายที่ Trailing PER 7.5 เท่า (3 ปี) ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ย 10 เท่าของบริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายคลึงกัน
- AOT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 230 บาท ศักยภาพในระยะยาวยังแกร่ง ยังคงคาดกำไรทั้งปี 2014 โต 27% Y-Y แม้ว่าจำนวนผู้โดยสารลดลง 1.4% Y-Y ในเดือน พ.ค. ขณะที่จำนวนเที่ยวบินเพิ่ม 7.8% Y-Y เป็นสถิติที่แย่กว่าเดือน เม.ย. ที่จำนวนผู้โดยสารเพิ่ม 3.7% Y-Y และจำนวนเที่ยวบินเพิ่ม 11.1% Y-Y เพราะได้รับผลกระทบจากรัฐประหาร รวมงวด 8M14 (สิ้นสุด พ.ค.)จำนวนนักผู้โดยสารยังเพิ่มขึ้น 3.4% Y-Y และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 13.2% Y-Y สำหรับเดือน มิ.ย. ยังไม่สดใสเพราะเป็น low season ซึ่งอาจทำให้กำไร 3Q14 ชะลอ
- MODERN(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อลงทุน"เป้า 10.55 บาท เป็นบริษัทที่มีธุรกิจมั่นคง เป็นผู้นำในเฟอร์นิเจอร์สำนักงานและชุดครัวในประเทศ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสูง ณ สิ้นมี.ค.57 บริษัทมีเงินสดสุทธิ 303 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอีกใน 2Q57 เมื่อรวมรายได้จากการขายหุ้น MFEC โดยแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q57 แข็งแกร่ง โดย MODERN มีการขายหุ้น MFEC ให้กับบริษัท TIS INC. ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 61.98 ล้านหุ้น หรือ 14.07% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว เป็นเงิน 663.22 ล้านบาท หรือราคาหุ้นละ 10.70 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังหุ้นกลุ่มผู้บริโภคร่วง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและผู้บริโภคปรับตัวลง
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ลดลง 0.2% สู่ระดับ 144.42 จุด เมื่อเวลา 9.55 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,300.50 จุด ลดลง 68.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,023.70 จุด ลดลง 0.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,915.92 จุด เพิ่มขึ้น 111.11 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,232.35 จุด เพิ่มขึ้น 4.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,976.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,258.28 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,884.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.34 จุด
หุ้นฮันกุก ไทร์ ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ ร่วงลง 3.4% ในโซล ขณะที่หุ้นเอ็นเอสเค ซึ่งเป็นผู้ผลิตตลับลูกปืนสัญชาติญี่ปุ่น ลดลง 1.6% และหุ้นทาคาตะ คอร์ป ผู้ผลิตถุงลมนิรภัย ปรับตัวลดลง 2.1% ในโตเกียว
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 24.64 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจกิจยูโรโซน
ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่ชะลอลงในเดือนมิ.ย.
ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 24.64 จุด หรือ 0.36% ที่ 6,800.56 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับตัวเลข PMI ในยูโรโซนที่ชะลอลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศสที่เผชิญกับภาวะหดตัว ซึ่งได้บดบังข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งจากทั้งจีนและสหรัฐ
ผลสำรวจของมาร์กิตเมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลงแตะ 52.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จาก 53.5 ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนี PMI เบื้องต้นของฝรั่งเศสในเดือนมิ.ย.ลดลงแตะ 48.0 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จาก 49.3 ในเดือนพ.ค.
ดัชนี ที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจมีการขยายตัว และตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง หลังดัชนี PMI ยูโรโซนชะลอตัว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยูโรโซนปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในอิรัก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 346.31จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,515.57 จุด ลดลง 25.77 จุด หรือ -0.57% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,920.92 จุด ลดลง 66.32 จุด หรือ -0.66% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,800.56 จุด ลดลง 24.64 จุด หรือ -0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปรับตัวลงหลังจากผลสำรวจของมาร์กิตแสดงให้เห็นว่า ดัชนี PMI เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลงแตะ 52.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 53.5 ในเดือนพ.ค.
สำหรับ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนมิ.ย.ขยับลงที่ 51.9 ซึ่งสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 52.2 ในเดือนก่อนหน้า และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิ.ย.ปรับลงมาอยู่ที่ 52.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 53.2 ในเดือนพ.ค.
ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนได้ชะลอลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนมิ.ย. โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2556
หุ้นอัลสตอม ดิ่งลง 4.1% หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลฝรั่งเศสประกาศเข้าซื้อหุ้น 20% ของบริษัทอัลสตอม ส่งผลให้รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่มบริษัทด้านวิศวกรรมรายใหญ่ของประเทศ และปูทางไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทเจเนอรัล อิเล็คทริค (จีอี) ของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยหุ้นริโอทินโต ปรับขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 1.9%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในอิรัก โดยล่าสุดมีรายงานว่านายจอห์น เคอร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐจะสนับสนุนกองกำลังรักษาความสงบของอิรักอย่างเต็มที่และยั่งยืนในการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่บุกเข้ายึดหลายเมืองในภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศ
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงขายทำกำไร ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 9.82 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและยอดขายบ้านมือสอง
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,937.26 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.06% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,368.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,962.61 จุด ลดลง 0.26 จุด หรือ -0.01%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินด้วยการส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวก เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 57.5 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 56.4 ในเดือนพ.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่สู่ระดับ 56
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนพ.ค.สู่ระดับที่ระดับ 4.89 ยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 4.75 ล้านยูนิต และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก้เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศปรับตัวขึ้นแตะ +0.21 ในเดือนพ.ค. จาก -0.15 ในเดือนเม.ย.
หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.1% หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลฝรั่งเศสประกาศเข้าซื้อหุ้น 20% ของบริษัทอัลสตอม ส่งผลให้รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่มบริษัทด้านวิศวกรรมรายใหญ่ของประเทศ และปูทางไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทจีอีของสหรัฐ
หุ้นไมครอส ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทรายงานว่าบริษัทออราเคิล คอร์ป เสนอซื้อหุ้นในไมครอส ซิสเต็มส์ มูลค่าหุ้นละ 68 ดอลลาร์
อินโฟเควสท์