- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 24 July 2015 10:57
- Hits: 2599
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าไม่ดีเช่นเดียวกับตปท.หลังงบฯแย่-น้ำมันลง,รอปรับครม.ศก.
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะไม่ดี โดยผลกรุงเทพโพลล์ออกมาอยากจะให้ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ด้านเศรษฐกิจถึง 74.4% แต่ยังไม่มีความชัดเจน เพราะนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ออกมาพูดอะไร ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นจากสถานการณ์ในประเทศที่ยังอึมครึมอยู่
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบเช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ปรับตัวลง ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการรายงานผลประกอบการของบริษัทฯในแต่ละตลาดฯ โดยรวมออกมาแย่ลงทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงก็ทำให้กลุ่มพลังงานถอยลงไปด้วย
นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งก็คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นช่วงนี้ยังไม่น่าลงทุนควรจะชะลอไปก่อน
พร้อมให้แนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,460 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(23 ก.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,731.92 จุด ร่วงลง 119.12 จุด(-0.67%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,146.41 จุด ลดลง 25.36 จุด(-0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.15 จุด ลดลง 12.00 จุด(-0.57%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 80.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 118.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 4.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.49 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.43 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(23 ก.ค.58) อยู่ที่ 1,444.66 จุด ลดลง 3.18 จุด (-0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,761.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(23 ก.ค.58) ปิดที่ 48.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 74 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(23 ก.ค.58)ที่ 5.06 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้เปิด 34.84/86 แนวโน้มอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ช่วงใกล้สิ้นเดือน
- "ปรีดิยาธร" หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลโต้ประธาน สอท. ยันทำงานมาก แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายทำอะไรเลย ย้ำไม่มีปรับ ครม. โวยสื่อชอบเขียนข่าวเป็นซีรีส์ งสมหมาย-จักรมณฑ์งชี้ข่าวปรับ ครม.กระทบเชื่อมั่นระบุมีคนปล่อยข่าวอยากเป็นรัฐมนตรี ขณะที่ภาคเอกชนหนุนปรับ ครม.ทีมเศรษฐกิจ ดึงงสมคิดง นั่งหัวโต๊ะแทน
- ธปท.จับตาค่าบาท หลังสัปดาห์นี้ร่วง 2% รับอ่อนค่าเร็ว หวั่นผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน ระบุเกิดจากปัจจัยทั้งใน-ต่างประเทศ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์แนะจับตาอาจมีแรงเก็งกำไรค่าเงิน ด้านนักลงทุนต่างชาติทยอยถอนเงินจากตราสารหนี้ ขณะ ผลสำรวจชี้กองทุนนอกคาด กนง.ลดดอกเบี้ย 5 ส.ค.นี้ หลังเศรษฐกิจไม่ฟื้น
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิตศึกษาข้อเสนอของเอกชน ที่ขอให้มีการเปลี่ยนเงื่อนไขโครงการรถคันแรก โดยลดการถือครองรถยนต์จาก 5 ปี เหลือ 3 ปี ก็ให้เปลี่ยนมือได้ ว่าสมควรที่จะดำเนินการหรือไม่
- งอธิป พีชานนท์งนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เผยยอดขายบ้านใน กทม.และปริมณฑลช่วงครึ่งปีแรกลดลงพอสมควร โดยตัวเลข 5 เดือน ติดลบเกินกว่า 10% และคาดว่าครึ่งปีหลังจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ยังหวังตลาดจะติดลบไม่เกิน 5%
- ตลาดหลักทรัพย์ สรุปแผนงานครึ่งปีแรกรับวอลุ่มการซื้อขายอาจพลาดเป้าเหลือ 4.7 หมื่นล้านจากตั้งเป้าไว้ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท ประเมินกระทรวงการคลังขายหุ้นไม่กระทบตลาด เหตุมีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจซื้อหุ้นจำนวนมาก ขณะที่เตรียมตัดสิน 20 บจ.ในกลุ่มเข้าข่ายเพิกถอนเดือนหน้า พร้อมแจงมาตรการคุมหุ้นร้อนได้ผล หุ้นติดแคชบาลานซ์ลดเหลือ 22 บริษัทจากเคยสูงสุด 73 บริษัท
*หุ้นเด่นวันนี้
- IRPC(โกลเบล็ก) Q2/58 Consensus คาด IRPC ประกาศงบ Q2 ที่ 4,000 ล้านบาท โดยดาวเด่นมาจากธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ส่วนธุรกิจโรงกลั่น ค่าการกลั่นยังทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า และได้รับผลบวกจากกำไรสต๊อกน้ำมันดิบราว 1.5 พันลบ. ด้านธุรกิจปิโตรเคมี ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และต้นทุนดีกว่าไตรมาสแรก นอกจากนี้มีรายการพิเศษ รายได้จากการเคลมประกันเพลิงไหม้ประมาณ 460 ลบ. ส่วน Q3/58 คาดค่าการกลั่นปรับตัวลง และอาจมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบเพราะราคาน้ำมันปรับตัวลง ส่งผลให้แนวโน้มกำไร2Hอาจไม่ดีเท่า 1H
- BTS(ฟันันเซีย ไซรัส)เป้า 10.50 บาท ประเด็นการลงทุนมีเพียงเงินปันผล 0.30 บาท/หุ้นที่ XD 31 ก.ค. นี้และ 0.67 บาท/หุ้นปี 2016 (สิ้นสุด มี.ค. 2016) ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่การันตีเงินปันผล หลังจากนั้นจะจ่ายตามผลประกอบการ ซึ่งคาด Yield เหลือเพียง 1% ต่อปี เพราะรายได้หลักใน 2 ปีข้างหน้าจะมาจากค่าจ้างบริหารเดินรถไฟฟ้า (รายได้ค่าตั๋วกลายเป็นของ BTSGIF แล้ว) ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ทำให้กำไรปกติโตเพียง 2-3% Y-Y ก่อนจะโตกระโดดอีกครั้งในปี 2018 เมื่อคอนโด The Line สร้างเสร็จพร้อมโอน และมีรายได้จากงานเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้มส่วนใต้ รวมถึงเริ่มรับรู้กำไรมากขึ้นจากการถือหุ้น 35.64% ใน U
- ERW(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 5.70 บาท ผลประกอบการอยู่ในทิศทางขาขึ้น แม้จะคาดขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 20 ล้านบาทใน 2Q15 แต่เพราะเป็น low season และดีกว่าไตรมาส 2 ของปีก่อน ๆ ที่ขาดทุนเป็นหลักหลายร้อยล้านบาท และมีแนวโน้มที่ 3Q15 จะพลิกเป็นกำไรเป็นครั้งแรกในช่วง low season โดยยังคงคาดว่าปีนี้ ERW จะ turnaround เป็นกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 170 ล้านบาท
- TIPCO(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 18-22 บาท ราคาหุ้นยังฟื้นตัวช้ากว่าบริษัทร่วม โดย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้น TIPCO -8.8% เทียบกับ TASCO ที่ +0.8% ทั้งนี้ TIPCO ถือหุ้น 24.1% ใน TASCO ดังนั้น หากอิงราคาตลาดของ TASCO ที่ 24.20 บาท จะเทียบเท่า NAV ต่อหุ้น TIPCO หุ้นละ 18.56 บาท สูงกว่าราคาในกระดานของ TIPCO ณ ปัจจุบัน พร้อมคาดผลประกอบการ 2Q58 ของ TIPCO เติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทั้งทำระดับสูงสุดใหม่เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นที่รออยู่ อีกทั้งคาดกำไรสุทธิปี 2558 ของ TIPCO ที่ 1,100 ล้านบาท
ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ซบเซาของภาคธุรกิจ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% แตะที่ 143.38 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,603.63 จุด ลดลง 80.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 4,124.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,279.95 จุด ลดลง 118.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,809.65 จุด เพิ่มขึ้น 18.53 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,060.66 จุด ลดลง 4.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,360.86 จุด เพิ่มขึ้น 4.49 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,720.01 จุด ลดลง 2.43 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 12.33 จุด นำโดยหุ้นเหมือง แม้หุ้นเพียร์สันพุ่ง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) หลังจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมือง แม้ว่าหุ้นเพียร์สันทะยานขึ้นหลังจากบริษัทขายกิจการ FT Group ซึ่งรวมถึงหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส
ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 12.33 จุด หรือ 0.18% ที่ 6,655.01 จุด
ตลาดปรับตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยมีแรงถ่วงจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมือง ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นบีพีร่วง 1.4% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับลง 0.1% ขณะที่หุ้นเกลนคอร์ รูดลง 3.5%
ขณะเดียวกัน หุ้นอาเบอร์ดีน แอสเซ็ท แมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทางการเงิน ร่วง 7.6% หลังบริษัทเปิดเผยว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริการจัดการของบริษัทลดลง 7% ในช่วงไตรมาส 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงลดการลงทุนในหุ้นในภูมิภาคเอเชียและกลุ่มตลาดเกิดใหม่
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขาลงของตลาดได้ถูกสกัดไว้เมื่อหุ้นเพียร์สันทะยานขึ้น 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าได้ขายกิจการ FT Group ที่รวมถึงหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส ให้แก่นิกเกอิ อิงค์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวชั้นนำของญี่ปุ่น เป็นจำนวนเงิน 844 ล้านปอนด์ (1.32 พันล้านดอลลาร์)
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงขายหุ้นพลังงาน ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงบริษัทยูนิลีเวอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภค
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 398.10 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,655.01 จุด ลดลง 12.33 จุด หรือ -0.18% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,086.74 จุด เพิ่มขึ้น 4.17 จุด หรือ +0.08% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,512.11 จุด ลดลง 8.56 จุด หรือ -0.07%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า รัฐสภากรีซมีมติอนุมัติมาตรการปฏิรูปด้านการธนาคารและกระบวนการยุติธรรมเมื่อวานนี้ ตามข้อตกลงที่นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราส ทำไว้กับกลุ่มประเทศเจ้าหนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลง โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 1.5% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 3.7% และหุ้นบีพี ปรับตัวลง 1.4%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงยูนิลีเวอร์ซึ่งเปิดเผยว่า กำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ร่วงลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 2.49 พันล้านยูโร (2.72 พันล้านดอลลาร์) หลังจากอัตราการขยายตัวของยอดขายชะลอลง
หุ้นเอเบอร์ดีน แอสเซท เมเนจเมนท์ ร่วงลง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนีมีมูลค่าเพียง 9.9 พันล้านปอนด์ หรือ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากตลาดใหม่ซบเซาลง
นักลงทุนจับตาดูการเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและเจ้าหนี้กลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกรรมาธิการยุโรป (EC) โดยการเจรจาซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้ที่กรุงเอเธนส์นั้น จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขของมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจในข้อตกลงที่นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ทำไว้กับทางเจ้าหนี้
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 119.12 จุด วิตกผลประกอบการเอกชน,เฟดขึ้นดบ.
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ซบเซาของภาคธุรกิจ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ รวมถึงบริษัทแคทเทอร์พิลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 42 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,731.92 จุด ร่วงลง 119.12 จุด หรือ -0.67% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,146.41 จุด ลดลง 25.36 จุด หรือ -0.49% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.15 จุด ลดลง 12.00 จุด หรือ -0.57%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยล่าสุดบริษัทแคทเทอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในงานอุตสหกรรม เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ 1.16 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ระดับ 1.57 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2558 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ปิดร่วงลง 3.61%
ขณะที่บริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส เปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ 1.47 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ระดับ 1.53 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรสปิดร่วงลง 2.51%
ด้านบริษัทแมคโดนัลด์เปิดเผยยอดขายทั่วโลกลดลง 0.7% ย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ว่าลดลง 0.4% ส่วนยอดขายของร้านในสหรัฐที่เปิดมานานกว่า 13 เดือน ลดลง 2% เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.5%
ส่วนหุ้น 3M ดิ่งลง 2.80% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในไตรมาส 2 ปีนี้ลดลง 5.5% สู่ระดับ 7.7 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 18 ก.ค. ลดลง 26,000 ราย สู่ระดับ 255,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ของวันที่ 24 พ.ย. 1973
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด รวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ส่งสัญญาณมาโดยตลอดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.
อินโฟเควสท์