WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET16ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐาน จับตาเรื่องกรีซ-จีน และยังกังวลศก.ในปท.ชะลอ

    นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับฐานอยู่แม้ว่าตลาดฮั่งเส็ง และตลาดจีนจะมีการรีบาวน์ขึ้น แต่ดัชนีฯก็คงจะแกว่งอยู่ในกรอบ 1,470-1,485 จุด หากหลุดแนว 1,470 จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,460 จุด ซึ่งมองว่าดัชนีฯน่าจะยืนได้แถว 1,470 จุด

   เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างรีบาวน์กันขึ้นมาได้บ้างแล้ว แต่ปัจจัยนอกประเทศยังต้องรอดูเรื่องของกรีซในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แต่ท่าทีก็ดูดีขึ้น ส่วนเรื่องของจีน แม้ว่าจะมีข่าวเรื่องฟองสบู่ของเศรษฐกิจจีน แต่ล่าสุดหน่วยงานต่าง ๆ ออกมาตรการต่าง ๆ มาเพื่อหยุงหุ้นและป้องกันเศรษฐกิจจีน ตรงนี้ทำให้ตลาดภูมิภาคดีขึ้น แต่ก็ยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอยู่

    ส่วนปัจจัยในประเทศก็มีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งถ้าเศรษฐกิจยังมีความอ่อนแอต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่แบงก์ชาติจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก แต่ในช่วงสั้นทางกระทรวงพาณิชย์ก็พยายามที่จะมีมาตรการพิเศษเพื่อหนุนการส่งออก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะเป็น Sentiment ที่ดีขึ้นต่อกลุ่มส่งออก

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(8 ก.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,515.42 จุด ร่วงลง 261.49 จุด(-1.47%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,909.76 จุด ลดลง 87.70 จุด(-1.75%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,046.68 จุด ลดลง 34.66 จุด(-1.67%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 314.86 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 16.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 81.06 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 74.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 23.82 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 8.57 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 114.83 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(8 ก.ค.58) อยู่ที่  1,470.25 จุด ลดลง 13.52 จุด(-0.91%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,342.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(8 ก.ค.58) ปิดที่ 51.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 68 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(8 ก.ค.58)ที่ 5.73 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 33.96/98 แข็งค่าจากแรงขายทำกำไร นลท.ยังรอดูสถานการณ์กรีซ

     - หุ้นจีนร่วงหนัก 30% ในรอบ 3 สัปดาห์ ฉุดหุ้นค่าเงินร่วงทั้งภูมิภาค ด้านเอดีบีเตือนรับมือฟองสบู่หุ้นจีนแตก ลามสู่เศรษฐกิจจริง กระทบส่งออกและเศรษฐกิจไทย จับตาฟองสบู่หนี้ ขณะ ธปท.ประเมินกระทบตลาดเงินโลกไม่มาก พร้อมจับตาผลกระทบใกล้ชิด

    - นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พ.ค.58 มีทั้งสิ้น 5.68 ล้านล้านบาท คิดเป็น 42.58% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 8.87 หมื่นล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาลลดลง 7.38 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการนำเงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 6 หมื่นล้านบาท ไปชำระคืนหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดรัฐบาลที่ครบกำหนด

    - รมว.พาณิชย์ เดินหน้าแผนพิเศษผลักดันส่งตามเป้าหมาย 1.2% มูลค่า 2.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เน้นสินค้า 4 กลุ่มหลัก พร้อมนำคณะเอกชนโรดโชว์เจรจาการค้าต่างประเทศ เชิญซีอีโอยานยนต์หารือ ดึงต่างชาติร่วมแสดงสินค้า สั่งพาณิชย์ทุกจังหวัดขายสินค้าราคาถูกให้ประชาชน

     - นายกฯ ยอมรับเบิกจ่ายงบประมาณไม่ทันใจ ไม่โยนผิดให้ข้าราชการ เชื่อทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ สั่งรัฐมนตรีทุกกระทรวงเร่งเซ็นจัดซื้อจัดจ้างให้ทัน 31 ก.ค.นี้ ด้านสำนักงบฯ ห่วง 5.9 หมื่นล้านยังไม่ได้เซ็นสัญญา ส่วน สบน.รับรถไฟรางคู่ 2 เส้นทางอืดเล็งให้ ครม.ช่วยจี้

     - กระทรวงท่องเที่ยวชงยุทธศาสตร์ 5 ปีเข้าครม. เน้นผนึกกำลัง 8 หน่วยงานปั้นรายได้ตามเป้าหมาย พร้อมรับรายได้ในประเทศยังอืด 4 เดือนได้แค่ 2 แสนล้านบาท หวังตลาดต่างประเทศชดเชย หลังพบ 6 เดือนโกยกว่า 7 แสนล้าน

*หุ้นเด่นวันนี้

    - TPOLY-W2 ใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.ไทยโพลีคอนส์(TPOLY)เทรดวันนี้วันแรก จำนวน  125,976,090 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ :  1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 29 มิถุนายน 2558)ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2558 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 28 มิ.ย. 2561

    ทั้งนี้ TPOLY-W2 เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 2 : ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย  และ Cash Balance โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9-24 ก.ค. 2558

     - TASCO(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 28 บาท มี Sentiment บวก หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวต่ำกว่า US$55.00/barrel ส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้นเนื่องจากเป็นต้นทุนการผลิต ทำให้ส่วนต่างราคาระหว่างยางมะตอย-น้ำมันเตากว้างขึ้น คาดกำไรสุทธิ 2Q58 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 1.2-1.4 พันล้านบาท จากแรงหนุนตลาดต่างประเทศ หลังจีนสั่งซื้อ Lot ใหญ่ 2.5 แสนตัน อัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวสูงเนื่องจากทำสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าแล้วราว 3-4 เดือน

     - กลุ่มสื่อสาร(ฟินันเซีย ไซรัส)ดูเสี่ยงน้อยสุด การประมูล 4G ที่ดูชัดเจนขึ้นมากนับเป็นบวกต่อทั้ง Sentiment และผลประกอบการในอนาคต โดยยังชอบ ADVANC (เป้าหมาย 300 บาท), INTUCH (เป้าหมาย 108 บาท) ขณะที่ THCOM (เป้าหมาย 50 บาท) จะได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน รวมถึงผลประกอบการที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงเช้านี้ เหตุหุ้นจีนดิ่งหลังก.ล.ต.ออกมาตรการห้ามขายหุ้น

    ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงถ้วนหน้าในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก

  ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับลง 0.4% แตะที่ 139.13 จุด เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ 19,422.78 จุด ลดลง 314.86 จุด, -1.60% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดที่ 2,000.19 จุด ลดลง 16.02 จุด, -0.79% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 23,435.50 จุด ลดลง 81.06 จุด, -0.34% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,432.45 จุด ลดลง 74.74 จุด, -2.13% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดที่ 3,261.17 จุด ลดลง 23.82 จุด, -0.73% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดที่ 1,687.26 จุด ลดลง 8.57 จุด, -0.51% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดที่ 8,861.28 จุด ลดลง 114.83 จุด, -1.28%

   ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ประกาศห้ามไม่ให้นักลงทุนที่ถือหุ้นเกิน 5% ทำการขายหุ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวได้รวมถึงบรรดาผู้บริหารของบริษัทเอกชน

    ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนร่วงลงอีกกว่า 3% หลังจากที่เปิดตลาดปรับตัวลง 74.74 จุด หรือ 2.13% แตะที่ 3,432.45 จุดในวันนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 58.49 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรป

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นอื่นๆยุโรป หลังจากมีรายงานว่ากรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) แล้วเมื่อวานนี้ และยืนยันว่าจะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ

     ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 58.49 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 6,490.70 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรป หลังจากมีรายงานว่า กรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากทางกองทุน ESM แล้วเมื่อวานนี้ พร้อมกับยืนยันที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มมีความหวังว่า กรีซอาจจะได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่กรีซจะต้องออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน

    หุ้นกลุ่มบริษัทผู้สร้างบ้านปรับตัวลดลงจากหลังงบประมาณใหม่ได้จำกัดการลดหย่อนภาษีให้กับคนไร้บ้านที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร

    หุ้นบาร์เคลย์เพิ่มขึ้น 2% หลังจากผู้บริหารของธนาคารเร่งแผนการปฏิรูป อย่างไรก็ตาม หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 2% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด กรุ๊ป ลดลง 1.5%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับข่าวกรีซขอพึ่งเงินกู้กองทุน ESM

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า กรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) แล้วเมื่อวานนี้ และยืนยันว่าจะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.04% ปิดที่ 372.88 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,639.02 จุด เพิ่มขึ้น 34.38 จุด หรือ +0.75% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,747.30 จุด เพิ่มขึ้น 70.52 จุด หรือ +0.66% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,490.70 จุด เพิ่มขึ้น 58.49 จุด หรือ +0.91%

    ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า กรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากทางกองทุน ESM แล้วเมื่อวานนี้ พร้อมกับยืนยันที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มมีความหวังว่า กรีซอาจจะได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่กรีซจะต้องออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากรายงานที่ว่า รัฐบาลกรีซสามารถระดมทุนได้ 1.625 พันล้านยูโรจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเมื่อวานนี้ ซึ่งการจำหน่ายพันธบัตรในวันนี้นับเป็นครั้งแรก หลังจากที่โครงการช่วยเหลือทางการเงินของยูโรโซนต่อกรีซได้หมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย.

   ทั้งนี้ รัฐบาลกรีซต้องพึ่งพาการประมูลพันธบัตรรายเดือนในการหารายได้ นับตั้งแต่ที่โครงการความช่วยเหลือจากต่างประเทศได้ยุติลง หลังจากที่กรีซมีความขัดแย้งกับเจ้าหนี้เกี่ยวกับเงื่อนไขในข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 261.49 จุด วิตกตลาดหุ้นจีนดิ่งหนัก

  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 260 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในต่างประเทศ

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,515.42 จุด ร่วงลง 261.49 จุด หรือ -1.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,046.68 จุด ลดลง 34.66 จุด หรือ -1.67% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,909.76 จุด ลดลง 87.70 จุด หรือ -1.75%

   ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วงลง 5.90% และได้ฉุดตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชียดิ่งลงถ้วนหน้า โดยเฉพาะดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงที่ร่วงลง 1,458.75 จุด หรือ 5.84%

     ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนส่งผลให้ทางการจีนประกาศระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทอย่างน้อย 1,249 รายในตลาดหุ้นจีน หรือคิดเป็น 43% ของหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมดในตลาด และยังประกาศเพิ่มเกณฑ์การวางหลักประกันมาร์จิ้น (margin requirement) สำหรับคำสั่งขายสัญญาล่วงหน้าดัชนี CSI 500 เพื่อสกัดการเก็งกำไร

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 16-17 มิ.ย. ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในต่างประเทศ และระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวปานกลางเท่านั้น

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กหยุดชะงักลงชั่วคราวเมื่อเวลาประมาณ 11.32 น.ตามเวลาในสหรัฐ หรือ 22.32 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นนิวยอร์กประกาศระงับการซื้อขายหลักทรัพย์ทุกหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อเวลา 15.10 น.ตามเวลาสหรัฐ

    ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า การระงับการซื้อขายดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการขัดข้องทางเทคนิค ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์

   หุ้นกลุ่มยานยนต์ร่วงลง โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ร่วงลง 5.1% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดิ่งลง 3.2% ขณะที่หุ้นเดลฟี ออโตโมทีฟ ซึ่งเป็นผู้ประกอบรถยนต์ ร่วงลง 6.9%

     หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.8% ส่วนหุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นฟิลลิปส์ 66 ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.6%

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และวันศุกร์จะเปิดเผยสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนพ.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 ก.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,515.42 จุด                           ลดลง 261.49 จุด     -1.47%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,909.76 จุด                        ลดลง 87.70 จุด      -1.75%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,046.68 จุด                         ลดลง 34.66 จุด      -1.67%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,490.70 จุด                     เพิ่มขึ้น 58.49 จุด     +0.91%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,747.30 จุด                            เพิ่มขึ้น 70.52 จุด     +0.66%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,639.02 จุด                          เพิ่มขึ้น 34.38 จุด     +0.75%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,976.11 จุด                             ลดลง 274.05 จุด     -2.96%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,737.64 จุด                      ลดลง 638.95 จุด     -3.14%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,016.21 จุด                          ลดลง 24.08 จุด      -1.18%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,456.50 จุด        ลดลง 107.50 จุด     -1.93%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,469.50 จุด              ลดลง 111.90 จุด     -2.00%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,507.19 จุด                       ลดลง 219.93 จุด     -5.90%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,363.43 จุด              ลดลง 79.22 จุด      -1.06%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,516.56 จุด                                ลดลง 1,458.75 จุด   -5.84%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,871.57 จุด       ลดลง 34.48 จุด      -0.70%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,284.99 จุด                        ลดลง 55.94 จุด      -1.67%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,695.83 จุด                        ลดลง 16.47 จุด      -0.96%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,687.72 จุด                          ลดลง 483.97 จุด     -1.72%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดร่วงลงกว่า 260 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในต่างประเทศ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,515.42 จุด ร่วงลง 261.49 จุด หรือ -1.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,046.68 จุด ลดลง 34.66 จุด หรือ -1.67% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,909.76 จุด ลดลง 87.70 จุด หรือ -1.75%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า กรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) แล้วเมื่อวานนี้ และยืนยันว่าจะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลื

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.04% ปิดที่ 372.88 จุด   

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,639.02 จุด เพิ่มขึ้น 34.38 จุด หรือ +0.75% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,747.30 จุด เพิ่มขึ้น 70.52 จุด หรือ +0.66% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,490.70 จุด เพิ่มขึ้น 58.49 จุด หรือ +0.91%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นอื่นๆยุโรป หลังจากมีรายงานว่ากรีซได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอรับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) แล้วเมื่อวานนี้ และยืนยันว่าจะดำเนินการตามเงื่อนไขบางประการที่เจ้าหนี้เรียกร้องในข้อตกลงให้ความช่วยเหลื

          ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 58.49 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 6,490.70 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงอ่อนแอ

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 51.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 57.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า วิกฤตหนี้กรีซและการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีน อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 10.9 ดอลลาร์ หรือ 0.95% ปิดที่ 1,163.50 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 19.4 เซนต์ ปิดที่ 15.163 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 5.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,035.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 653.50 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินเยนและยูโรเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) หลังจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงให้เห็นว่าเฟดยังคงมีความระมัดระวังเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1069 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0977 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5361 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5446 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.64 เยน จาก 122.46 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9452 ฟรังก์ จาก 0.9467 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7426 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7442 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 840.00 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด, +1.20%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!