WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET10SET10โบรกฯ คาด SET พฤหัสฯนี้ซึมลงต่อ รอผลสรุปปัญหาหนี้กรีซ กลุ่มแบงก์ส่อแววถูกหั่นกำไร แนะลุยหุ้นปันผล - โรงพยาบาล
 โบรกฯ คาดพฤหัสฯ นี้ หุ้นไทยซึมลงต่อ รอผลสรุปปัญหาหนี้กรีซ มองศก.ไทยอ่อนแอกดดันการลงทุน พร้อมเผชิญความเสี่ยงกลุ่มแบงก์ถูกปรับลดประมาณการกำไร แนะ Wait&See หรือลงทุนในหุ้นปันผลสูง หรือ กลุ่มโรงพยาบาล ประเมินแนวรับ 1,490 - 1,480 จุด แนวต้าน 1,510 จุด
   นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวลงสวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ ดัชนีตัวเลขความเชื่อมั่น ตัวเลขภาคการผลิต และตัวเลขการส่งออกค่อนข้างแย่ อีกทั้งฝ่ายวิเคราะห์ต่างปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลง ตลอดจนแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่เป็นกลุ่มหุ้นที่มักจะอิงกับภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งจะเป็นกลุ่มแรกที่จะประกาศผลประกอบการ Q2/2558ออกมา และคาดว่าน่าจะไม่น่าประทับใจ
   นอกจากนี้สถานการณ์ปัญหาหนี้ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่กรีซจะต้องชำระหนี้คืนแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และมีโอกาสสูงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ จนอาจจะนำไปสู่ความกังวลว่ากรีซจะต้องพ้นความเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือไม่
   สำหรับวันพฤหัสบดีนี้ คาดหุ้นไทยแกว่งซึมลงต่อ ด้วยแรงกดดันจากเศรษบกิจไทยอ่อนแอ ฟื้นตัวช้า และ Sentiment เชิงลบจากปัญหาหนี้กรีซ ที่นอกจากวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการครบกำหนดชำระหนี้แก่ IMF แล้ว ในวันที่ 5 ก.ค. ต้องติดตามผลการประชามติว่าประชาชนกรีซจะยอมรับข้อเสนอมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้เพื่อแลกการช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งหากผลออกมาว่าชาวกรีซไม่รับข้อเสนอ และต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน จะกระทบต่อการลงทุนในตลาดการเงินโลก ส่วนผลกระทบต่อไทยนั้น มองว่าเป็นการกระทบทางอ้อม ในแง่ของ Sentiment เชิงลบมากกว่า เพราะบาทจะอ่อนค่า จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และกระแสเงินทุนไหลออก แต่ไม่น่ากังวลเท่าเงินทุนต่างชาติไม่เข้ามาลงทุนในไทย เพราะภาพรวมเศรษฐกิจอ่อนแอ และปัญหาการเมืองที่อาจกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
   ด้านกลยุทธ์ แนะ Wait&See ไม่แนะนำเก็งกำไรหากดัชนีฯหลุด 1,500 จุด พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,490 จุด แนวต้าน 1,510 จุด
  ด้านนายยศพล แสงนิล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวในแดนลบ โดยเกิดแรงขายในช่วงบ่าย ได้แรงกดดันจากปัญหาหนี้กรีซที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะผิดนัดชำระหนี้ในวันนี้ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,600ล้านยูโร โดยจะมีประชามติจากประชาชนกรีซในวันศุกร์ที่ 5 มิ.ย.นี้ ว่ากรีซจะยอมรับข้อเสนอของกลุ่มเจ้าหนี้และยังอยู่ในยูโรโซนหรือไม่ อย่างไรก็ตามกรีซมีโอกาสที่จะผิดชำระหนี้และอาจจะถูกนำออกจะยูโรโซนโดยมีความเป็นไปได้ 50% แต่อย่างไรก็ตามธนาคารกลางยุโรป(ECB)อาจช่วยเหลือจากมาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงิน(QE)เพิ่มเติม โดยจะประกาศตัวเลขเม็ดเงินการช่วยเหลือภายในสัปดาห์นี้
   ทั้งนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการทำ Windows Dressing เป็นวันสุดท้ายของกลุ่มสถาบัน ช่วยพยุงตลาดไว้ได้บ้าง
   สำหรับ โนวโน้มตลาดหุ้นวันพฤหัสบดี คาดว่า ดัชนีฯ มีแนวโน้มปรับตัวเชิงลบ ประเมินแนวรับ1,480จุด แนวต้าน1,510จุด จากปัญหาหนี้กรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุป อีกทั้งสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ที่สูงขึ้น ของธนาคารพาณิชย์ไทย ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดเป้าหมายของสินเชื่อปีนี้ลง เพื่อนำเงินไปตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเพิ่มขึ้น ซึ่งในวันนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์โดนปรับเป็นที่แรก ส่วนในวันศุกร์นี้จะเป็น ธนาคารกรุงเทพ ที่จะโดนปรับลดกำไรลง
   ส่วนนักลงทุนต่างชาติภาพรวมแล้วยังไม่มีสัญญานซื้อสุทธิจากเศษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวในทิศทางที่ชัดเจน ด้านนักลงทุนสถาบันมีโอกาสทยอยขายหลังจากการทำ Windows Dressing ซึ่งจากที่ผ่านมานั้นนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิเฉลี่ย1,000 ล้านบาท/สัปดาห์ ซึ่งโดยรวมแล้วจะเป็นมูลค่าที่สูงมาก
   ทั้งนี้ได้ปรับประมาณการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ 1,560 จุด จากเดิมที่เคยคาดไว้ 1,690 จุด สาเหตุจาก กลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีค่า NPL ที่สูงขึ้นมาก ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิโดยรวมของกลุ่มลดลง 10% อีกทั้งนโยบายโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐยังล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบให้กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีการคลาดเคลื่อน ในบางโครงการซึ่งผลต่อผลประกอบการให้ปรับตัวลดลง รวมถึงกลุ่มอาหาร ที่ปรับลดเช่นกัน สาเหตุจาก เนื้อไก่และราคาน้ำตาลที่ล้นตลาดส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวลดลง
   กลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่ให้อัตราปันผลสูง หรือ กลุ่มโรงพยาบาล หุ้นเด่น TVO ราคาเป้าหมาย 27 บาท ,BDMS ราคาเป้าหมาย 25.5 บาท , IRPC ราคาเป้าหมาย 6.5 บาท
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!