WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ทรงตัว-แกว่งขึ้น เล็งเลิกใช้เคอร์ฟิวทั่วปท.ช่วยหนุน

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ทรงตัวถึงแกว่งตัวขึ้นได้ โดยมีแรงหนุนจากการยกเลิกใช้เคอร์ฟิวทั่วประเทศ และคาดหวังการทำงานของคสช.ในเชิงบวก โดยวันนี้จะมีการหารือร่วมกันในการหาแหล่งเงินกู้สำหรับโครงการลงทุน 3 ล้านล้านบาท

    อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังเฝ้าติดตามความไม่สงบจากเหตุการณ์ในอิรัก ซึ่งตรงนี้ทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นและส่งผลบวกต่อกลุ่มพลังงาน ซึ่งก็ได้เห็นการขยับตัวขึ้นของราคาน้ำมันมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว โดยเฉพาะ PTTEP จะได้รับประโยชน์โดยตรง ขณะที่ PTT ยังต้องรอดูความชัดเจนจากการปรับโครงสร้างพลังงานก่อน แต่การลาออกของประธานบอร์ดบมจ.ปตท.(PTT)ก็น่าจะส่งผลดีเพราะทำให้มีความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างพลังงาน

    ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ ๆ โดยสัปดาห์นี้ให้จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน และคงจะมีการลดการซื้อพันธบัตร(QE)อีก 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกทั้งให้รอดูมุมมองของเฟดในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งก็คาดว่าจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจของสหรัฐลดลง จากเดิมที่คาดโต 2.8-3.0%

    พร้อมให้แนวรับ 1,450 จุด แนวต้าน 1,463-1,466 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(13 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,775.74 จุด เพิ่มขึ้น 41.55 จุด (+0.25%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,936.16 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด(+0.31%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,310.65 จุด เพิ่มขึ้น 13.02 จุด(+0.30%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 48.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 20.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 0.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 3.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 0.66 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.22 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(13 มิ.ย.) ที่ 1,456.02 จุด ลดลง 1.00 จุด(-0.07%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,009.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.57

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(13 มิ.ย.)ที่ 106.91 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.4%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(13 มิ.ย.)ที่ 4.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 32.37/39 จับตา 2 ประชุมสำคัญ กนง.,FOMC

   - นักเศรษฐศาสตร์ เชื่อ กนง. ตัดสินใจ "คง" ดอกเบี้ยที่ 2% รอดูประสิทธิผลนโยบายโรดแมพฟื้นเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน คาดหมดยุคดอกเบี้ยขาลง เหตุสถานการณ์การเมืองชัดเจนขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภค-นักลงทุนเริ่มกลับมามองดอกเบี้ยอาจขยับขึ้นได้ในต้นปีหน้า

    - คสช.ถกรอบแรก "ปฏิรูปพลังงาน" ไร้ข้อสรุปเตรียมหารืออีก 2 ครั้ง ก่อนสรุปโครงสร้างราคา พล.อ.อ.ประจินย้ำ สอดคล้องแผนปฏิรูปประเทศคาดเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ เริ่มทำบางส่วน ขณะเตรียมตั้งประธานบอร์ดปตท.คนใหม่พรุ่งนี้ หลัง "ปานปรีย์" ยื่นลาออก

    - นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปมาก จึงเห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ควรจะปรับเปลี่ยนบทบาท โดยควรจะทำหน้าที่ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ (เอาต์บราวน์) มากขึ้น รวมทั้งควรจะต้องมีการพิจารณาปรับลดการอุดหนุนทางสิทธิประโยชน์บางรายการลงมา เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการลงทุนในปัจจุบันและเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันได้

   - กระทรวงคลัง เล็งปลดล็อกข้อจำกัดตั้ง "ศูนย์บริหารเงิน" ตามข้อเสนอ "แบงก์ชาติ" ดันเข้าโรดแมพเร่งด่วนลำดับที่ 3 เสนอ คสช. พิจารณา เน้นเรื่องภาษี ด้าน ธปท. เผยเป็นเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยง ค่าเงินให้บริษัทในเครือ ทั้งยังลดต้นทุนการเงินให้ต่ำลง เผยปัจจุบันมีเปิดแล้ว 2 ราย

*หุ้นเด่นวันนี้

   - PREB(เคเคเทรด)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 9.50 บาท เป็นบริษัทผู้รับเหมาขนาดกลางที่เน้นงานหลักมาจากงานฐานราก ทั้งเสาเข็มเจาะ รวมถึงการรับงานถนนปรับหน้าดิน งานอ่างเก็บน้ำ ประวัติการทำงานเคยทำเสาเข็มให้กับผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ และอยู่ระหว่างการทำงานเสาเข็มให้กับรถไฟฟ้าสายสีแดง บริษัทมีความโดดเด่นจากความสามารถในการทำกำไร โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 15% สูงกว่ากลุ่มฯ และซื้อขายที่ PER 9.2 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 13 เท่า

   - MC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 20 บาท เป็นหุ้นในที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่เราประเมินว่าจะมีแนวโน้มรายได้ฟื้นตัวหลังการเมืองสงบและการใช้จ่ายเอกชนกลับมาเป็นปกติ คาดว่ากำไรปี 2557 ที่คาดว่าจะเติบโต  25% ยังมีความเป็นไปได้ นอกจากนี้เรา MC ยังเป็นบริษัทที่สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากการปลอดหนี้ ทำให้มีโอกาสที่จะขยายธุรกิจได้ง่าย และจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้สม่ำเสมอ โดยคาดว่าในปีนี้ MC จะจ่ายเงินปันผล 0.79 บาท คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล 4% ปัจจุบัน หุ้นซื้อขายที่ PER 17 เท่า ต่ำที่สุดในหุ้นกลุ่มค้าปลีก

    - PTTEP(กสิกรไทย)เป้า 186 บาท ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเหนือ 107 เหรียญฯ หลังเกิดเหตุความไม่สงบในประเทศอิรัก ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 2 ในกลุ่ม OPEC, PTTEP ออก Hybrid Bond มูลค่า 3.2 หมื่นลบ. ช่วงลดอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E ratio) ลงมาที่ 0.3 เท่า พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตในปี 57 ไม่ต่ำกว่า 10% รวมทั้งคาดปี 2557 EPS เติบโต 26.0% เทียบกับปี 2556 ที่หดตัวลง 12.5% ปัจจุบันซื้อขายที่เพียง8.9เท่า PER ปี2557 ด้วยคาดการณ์ผลตอบแทนปันผล 3.8%

    ส่วนเป้าหมายทางกลยุทธ์ระยะสั้นที่ 160 บาท และ 163 / ตัดขาดทุนที่ 150 บาท

    - AAV(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 5.10 บาท คาดว่าราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมและสายการบินจะตอบรับเชิงบวก หลังคสช.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ในช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา, AAV มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาน้ำมันค่อนข้างจำกัด เนื่องจากบริหารต้นทุนโดยใช้กลยุทธ์ Hedging ราคาน้ำมันราว 80% จึงช่วยปิดความเสี่ยงจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น พร้อมคาดผลประกอบการกำลังจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 1H57 และจะมีทิศทางฟื้นตัวใน 2H57 จากปัจจัยการเมืองที่เริ่มนิ่ง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ จะเป็นตัวแปรสำคัญเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และคาดว่ากำไรปกติปี 2557 จะเติบโต +13.5% yoy เป็น 891 ล้านบาท และเติบโตสูงถึง +86.4% yoy เป็น 1,644 ล้านบาท ในปี 2558 และให้เป็น Top pick ของกลุ่มสายการบิน เนื่องจากการเกิด AEC จะช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

ตลาดหุ้นเอเชียขยับลงเช้านี้ เหตุวิตกสถานการณ์อิรัก

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิรัก

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% สู่ระดับ 143.90 จุด เมื่อเวลา 9.29 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,049.61 จุด ลดลง 48.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,070.70 จุด ลดลง 0.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,299.04 จุด ลดลง 20.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,196.23 จุด ลดลง 0.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,986.86 จุด ลดลง 3.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,292.59 จุด ลดลง 0.66 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,875.52 จุด ลดลง 1.22 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 65.26 จุด หลังผู้ว่าBOE ส่งสัญญาณขึ้นดบ.เร็วกว่าคาด

     ดัชนี หุ้นลอนดอนปิดร่วงลงหนักสุดในรอบสองเดือนเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) หลังจากที่นายมาร์ก คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษเผยว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังระบุว่า ตนจะเปิดทางให้ธนาคารกลางอังกฤษสามารถควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มก่อสร้าง

     ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 65.26 จุด หรือ 0.95% ที่ 6,777.85 จุด ส่งผลให้ตลอดสัปดาห์ดัชนีร่วงลง 1.2%

    รมว.คลังอังกฤษกล่าวที่ Mansion House หรือทำเนียบนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีว่า ธนาคารกลางจะสามารถจำกัดวงเงินที่ประชาชนจะกู้ยืมเพื่อไปซื้อบ้านได้ ขณะที่นายคาร์นีย์กล่าวในงานเดียวกันว่า ต้นทุนกู้ยืมที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงิน

    ผู้ว่าการแบงก์ชาติอังกฤษกล่าวว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ พร้อมกับเสริมว่า อัตราดอกเบี้ยในประเทศอาจปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้

   ถ้อยแถลงของนายคาร์นีย์สร้างแรงกดดันต่อภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ขณะที่เงินปอนด์ทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน จากการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่ผ่านมาว่า ช่วงเวลาห้าปีที่ต้นทุนกู้ยืมอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้นใกล้ที่จะสิ้นสุดลงแล้ว

    ขณะเดียวกันสถานการณ์ในอิรักที่ทวีความรุนแรงขึ้นยังคงส่งผลต่อตลาดการเงินทั่วโลกเป็นวันที่สอง โดยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลีกี ซึ่งเป็นชาวชีอะห์ กำลังพยายามรักษาการควบคุมพื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวสุหนี่ไว้ให้ได้

     ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อช่วยรัฐบาลในกรุงแบกแดด หลังจากกลุ่มที่เรียกตนเองว่า รัฐอิสลามอิรักและเลอแวนท์ (ไอเอสไอแอล) บุกยึดหลายเมืองทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งรวมถึงโมซูลและติกริต เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

    หุ้นกลุ่มก่อสร้างร่วงจากถ้อยแถลงของนายคาร์นีย์และนายออสบอร์น นำโดยหุ้นเพอร์ซิมมอน บริษัทสร้างบ้านรายใหญ่สุดของอังกฤษ ที่ดิ่งลง 7% หุ้นบาร์รัตต์ ดีเวลอปเมนท์ ร่วง 6.3% หุ้นเบอร์วิส โฮมส์ กรุ๊ป ลบ 4.9% และหุ้นบริติช แลนด์ ลบ 4.3% นอกจากนี้ รายงานที่เผยให้เห็นว่า ผลผลิตภาคการก่อสร้างในอังกฤษ ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ขยายตัวช้าเกินคาดในเดือนเม.ย. ก็ส่งผลต่อหุ้นอสังหาฯเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 65.26 จุด หลังผู้ว่าBOEส่งสัญญาณขึ้นดบ.เร็วกว่าคาด

    ดัชนี หุ้นลอนดอนปิดร่วงลงหนักสุดในรอบสองเดือนเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) หลังจากที่นายมาร์ก คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษเผยว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังระบุว่า ตนจะเปิดทางให้ธนาคารกลางอังกฤษสามารถควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มก่อสร้าง

     ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 65.26 จุด หรือ 0.95% ที่ 6,777.85 จุด ส่งผลให้ตลอดสัปดาห์ดัชนีร่วงลง 1.2%

    รมว.คลังอังกฤษกล่าวที่ Mansion House หรือทำเนียบนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีว่า ธนาคารกลางจะสามารถจำกัดวงเงินที่ประชาชนจะกู้ยืมเพื่อไปซื้อบ้านได้ ขณะที่นายคาร์นีย์กล่าวในงานเดียวกันว่า ต้นทุนกู้ยืมที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงิน

                ผู้ว่าการแบงก์ชาติอังกฤษกล่าวว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ พร้อมกับเสริมว่า อัตราดอกเบี้ยในประเทศอาจปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้

                ถ้อยแถลงของนายคาร์นีย์สร้างแรงกดดันต่อภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ขณะที่เงินปอนด์ทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน จากการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่ผ่านมาว่า ช่วงเวลาห้าปีที่ต้นทุนกู้ยืมอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้นใกล้ที่จะสิ้นสุดลงแล้ว

    ขณะเดียวกันสถานการณ์ในอิรักที่ทวีความรุนแรงขึ้นยังคงส่งผลต่อตลาดการเงินทั่วโลกเป็นวันที่สอง โดยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลีกี ซึ่งเป็นชาวชีอะห์ กำลังพยายามรักษาการควบคุมพื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวสุหนี่ไว้ให้ได้

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อช่วยรัฐบาลในกรุงแบกแดด หลังจากกลุ่มที่เรียกตนเองว่า รัฐอิสลามอิรักและเลอแวนท์ (ไอเอสไอแอล) บุกยึดหลายเมืองทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งรวมถึงโมซูลและติกริต เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

   หุ้นกลุ่มก่อสร้างร่วงจากถ้อยแถลงของนายคาร์นีย์และนายออสบอร์น นำโดยหุ้นเพอร์ซิมมอน บริษัทสร้างบ้านรายใหญ่สุดของอังกฤษ ที่ดิ่งลง 7% หุ้นบาร์รัตต์ ดีเวลอปเมนท์ ร่วง 6.3% หุ้นเบอร์วิส โฮมส์ กรุ๊ป ลบ 4.9% และหุ้นบริติช แลนด์ ลบ 4.3% นอกจากนี้ รายงานที่เผยให้เห็นว่า ผลผลิตภาคการก่อสร้างในอังกฤษ ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป ขยายตัวช้าเกินคาดในเดือนเม.ย. ก็ส่งผลต่อหุ้นอสังหาฯเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 41.55 จุด หลังปรับตัวลงสองวันติดต่อกัน

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลดลงมาสองวันติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ ดัชนีหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์แรกในรอบสี่สัปดาห์ เนื่องจากสถานการณ์ในอิรักที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้เพิ่มความวิตกให้กับนักลงทุน จากที่กังวลอยู่แล้วเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าหุ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 41.55 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 16,775.74 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 6.05 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 1,936.16 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 13.02 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 4,310.65 จุด

    สำหรับ ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.9% ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.7% และ Nasdaq ลบ 0.2%

    หุ้นสหรัฐสามารถพยุงตัวปิดในแดนบวกได้สำเร็จ หลังจากเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในระหว่างวัน ท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น

   ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวในวันศุกร์ว่า "เราจะไม่ส่งทหารสหรัฐกลับไปสู้รบในอิรัก" แต่จะพิจารณาทางเลือกอื่นแทน พร้อมกับเสริมว่า ที่สุดแล้ว การแก้ปัญหาขึ้นอยู่กับชาวอิรักเอง

   ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธได้เข้ายึดครองเมืองเคอร์คุก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันทางตอนเหนือของอิรัก และได้ระงับการซ่อมท่อส่งน้ำมันหลักจากแหล่งน้ำมันในเคอร์คุกไปยังตุรกี ซึ่งอาจส่งผลต่อผลผลิตน้ำมันของประเทศ

    ความขัดแย้งในอิรักได้เพิ่มความวิตกกังวลที่มีอยู่แล้วของนักลงทุน ซึ่งรวมถึงการที่ดัชนีหุ้นนิวยอร์กเดินหน้าขึ้นทำสถิติสูงสุดระดับใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าในปีนี้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการตีราคาหุ้น นอกจากนี้ ตลาดเป็นห่วงว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยนักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ภายหลังมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่น่าผิดหวังเมื่อวันพฤหัสบดี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงในวันศุกร์

     อย่างไรก็ดี นักลงทุนชะลอการขายหุ้นสหรัฐในวันศุกร์ หลังดัชนีหุ้นหลักร่วงลงในช่วงสองวันที่ผ่าน จากที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติปิดสูงสุดครั้งใหม่เมื่อวันอังคาร โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นแล้ว 1.2% ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.8% นับตั้งแต่ต้นปี

    สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนมิ.ย.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งปรับตัวลดลงสู่ระดับ 81.2 จาก 81.9 ในช่วงปลายเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ระดับ 83.0

    ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.2% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. และ 0.5% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนี PPI เดือนพ.ค.จะขยับขึ้น

   "หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นมากมาสองเดือน การลดลงเพียงเล็กน้อยของดัชนี PPI จึงไม่ได้บ่งชี้ถึงความอ่อนแอด้านราคาในเศรษฐกิจ" เจย์ มอร์ล็อก นักเศรษฐศาสตร์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าว

   "ความกังวลของผู้ผลิตในช่วงเวลาต่อจากนี้คือ ต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงในตะวันออกกลาง" เขากล่าวเพิ่มเติม

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!