- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 16 April 2015 10:20
- Hits: 2142
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้แกว่งขึ้นตาม ตปท.เล็งเงินทุนไหลเข้าหลังพ้นสงกรานต์
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสจะแกว่งตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยในช่วงวันหยุดทำการของตลาดบ้านเรา ทางตลาดต่างประเทศปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงสุดของปีนี้ ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาอ่อนแอ ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงน่าจะส่งผลให้มีกระแสเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผ่านช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยตลาดญี่ปุ่น, จีน และฮ่องกงติดลบ ส่วนตลาดอื่นอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย
พร้อมให้แนวรับ 1,540-1,542 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,556 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(15 เม.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,112.61 จุด เพิ่มขึ้น 75.91 จุด(+0.42%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,011.02 จุด เพิ่มขึ้น 33.73 จุด(+0.68%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,106.63 จุด เพิ่มขึ้น 10.79 จุด(+0.51%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 14.18 จุด หรือ +0.67%, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 38.65 จุด หรือ +0.41%, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.91 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.90 จุด, +0.28%, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.24 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 7.28 จุด, -0.04%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 61.53 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 28.24 จุด หรือ -0.69%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(10 เม.ย.58) 1,547.83 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด(+0.18%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 291.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 เม.ย.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(15 เม.ย.58) ปิดที่ 56.39 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 3.1 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(15 เม.ย.58)ที่ 7.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.40/42 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค มีลุ้นแตะ 32.00
- ภาคธุรกิจประเมินผลงานรัฐบาลรอบ 6 เดือน "สอบผ่าน" ระบุโดดเด่นด้านความมั่นคง-ท่องเที่ยว ขณะด้านเศรษฐกิจภาพรวมยังมีปัญหา เหตุปัญหาหลักจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น แนะใช้มาตรการ 44 มาใช้แก้เศรษฐกิจ ขณะโฆษกรัฐบาลพอใจผลงานดูแลความสงบเรียบร้อย รับเศรษฐกิจมีปัญหา คาดไตรมาส 3 ฟื้นตัว
- รัฐบาลดึงแบงก์รัฐ ร่วมแก้ปัญหาอัดฉีดสินเชื่อ เพิ่มเข้าสู่ระบบกว่า 3.7 แสนล้าน พร้อม "ยืดหนี้-ลดดอกเบี้ยกู้" มุ่งสู่การช่วยเหลือระดับรากหญ้า ระบุกำลังซื้อสำคัญในระบบเศรษฐกิจ การชะลอตัวของเศรษฐกิจ เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งแก้ไข
- สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านช่วง ม.ค.-มี.ค.พบว่าการออกมากระตุ้นกำลังซื้ออย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการ ซึ่งคาดว่ามีการใช้งบมากกว่า 40 ล้านบาทในการโฆษณาและจัดกิจกรรมการตลาด"อีเวนต์ มาร์เกตติ้ง"ทั้งสมาคมไทยรับสร้างบ้านจัดงาน"มหกรรมสร้างบ้านและวัสดุก่อสร้าง"เป็นครั้งแรกในเดือน ม.ค.ขณะที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจัดงาน"โฮมบิลเดอร์ โฟกัส"สวนทางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน และกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจปีนี้ดีขึ้น
- แนวโน้มราคาสินค้าในช่วงไตรมาส 2 ยังทรงตัวเหตุกำลังซื้อชะลอ ผู้ประกอบการยังโหมโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ด้านพาณิชย์เดินหน้าต่อลดค่าครองชีพประชาชน เล็งผุดแอพพลิเคชั่นลายแทงของถูก คาดไม่เกินครึ่งปีแรกนี้ได้เห็นแน่
*หุ้นเด่นวันนี้
- ITD(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 12 บาท มีปัจจัยบวกรออยู่ คาดขึ้นเครื่องหมาย XW ใบแสดงสำคัญสิทธิ สัดส่วน 5 ต่อ 1 ราคาแปลงสภาพ 14.00 บาท อายุ 4 ปีใน เม.ย.หลังประชุมผู้ถือหุ้น 8 เม.ย.อนุมัติแล้ว และคาดเซ็นสัญญาโครงการทวายปลายเม.ย.ถึง พ.ค.รวมทั้งใบประทานบัตรเหมืองแร่โปรแตซใน 2Q58 หลังประชาพิจารณ์ขั้นสุดท้าย และคาดเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 2Q58 ต่อด้วยสายสีแดงอ่อนและแดงเข้มใน 2H58
- SEAFCO(เคเคเทรด)เป้า 12.60 บาท มีโอกาสรับงานเสาเข็มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม คาดกำไรปี 58 จะทำสถิติสูงสุดจากอดีต เติบโต 16% YoY
- TUF(เคเคเทรด)เป้า 24.30 บาท คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป และมูลค่าเพิ่มการควบรวมกิจการในสหรัฐที่จะมีความชัดเจนในปีนี้
- กลุ่มไฟแนนซ์(ฟินันเซีย ไซรัส)กำไรเด่นใน 1Q15 ดอกเบี้ยต่ำเป็นบวกต่อ MTLS และ GL ที่ต้นทุนทางการเงินถูกลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยรับคงที่ 2 ตัวนี้กำไรปี 2015 โตก้าวกระโดดจะเริ่มเห็นตั้งแต่ 1Q15 โดย MTLS เปิดสาขาใหม่ถึง 170 แห่งใน 2 เดือนแรก ขณะที่ทั้งปีเปิด 80 สาขา ราคาแกว่งแคบในกรอบ 18-20 บาทกว่า 2 เดือน คงเป้า 25 บาท ส่วน GL เก็บเกี่ยวการลงทุนในกัมพูชาต่อเนื่องในปีนี้ ทำกำไร Turnaround ครั้งใหญ่ ราคายังต่ำกว่าเป้า 15 บาท
- ROBINS(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 56 บาท คาดยอดขายสาขาเดิม(SSSG)1Q15 ฟื้นมาติดลบน้อยลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังติดลบเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน เพราะกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้น แต่ได้แรงหนุนรายได้ค่าเช่าสูงขึ้นทำให้คาดกำไรสุทธิ +7.4% Y-Y แต่ -2.7% Q-Q จาก high season ในไตรมาสก่อน แม้กำลังซื้อยังไม่ฟื้นดีนัก แต่คาดกำไรสุทธิปีนี้โตได้ 18.6% Y-Y จากฐานต่ำ การเปิดสาขาใหม่ และรายได้ค่าเช่าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับขึ้นเช้านี้ หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน
ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้น ขานรับรายงานที่ระบุว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับขึ้น 0.4% แตะที่ 153.33 จุด เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ตามเวลาโตเกียวในวันนี้
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดที่ 2,134.14 จุด เพิ่มขึ้น 14.18 จุด หรือ +0.67% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดที่ 9,578.71 จุด เพิ่มขึ้น 38.65 จุด หรือ +0.41% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดที่ 1,842.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.91 จุด หรือ +0.10% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดที่ 3,549.85 จุด เพิ่มขึ้น 9.90 จุด, +0.28% และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดที่ 7,907.70 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด หรือ +0.02%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ 19,862.48 จุด ลดลง 7.28 จุด, -0.04% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 27,557.29 จุด ลดลง 61.53 จุด หรือ -0.22% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 4,055.92 จุด ลดลง 28.24 จุด หรือ -0.69%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ ขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 20,000 บาร์เรล แตะที่ 9.384 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 21.52 จุด หลัง ECB มีมติเดินหน้า QE
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายกระตุ้นทางการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกัน ตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น เนื่องจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2558 จะขยายตัวมากกว่าที่คาด
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 21.52 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 7,096.78 จุด
ในการประชุมเมื่อวานนี้ ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.05% โดยนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวเน้นย้ำว่า ECB จะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนจะกลับมาที่ระดับเป้าหมายอีกครั้ง
ทางด้าน IEA ได้ปรับทบทวนคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันในปี 2558 เพิ่มขึ้น 90,000 บาร์เรล/วัน เป็น 93.6 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสูงกว่าปี 2557 อยู่ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จะมีความต้องการพลังงานมากขึ้น เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้ความอบอุ่นท่ามกลางสภาพอากาศที่คาดว่าจะหนาวเย็นขึ้น
หุ้นสปอร์ต ไดเรค อินเตอร์เนชันแนล พุ่ง 3.8% นำขบวนหุ้นกลุ่มบลูชิพ ขณะที่หุ้นเซนส์เบอรี ดีดตัวขึ้น 3.53%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับ ECB เดินหน้าใช้ QE
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่า ECB จะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป จนกว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.6% ปิดที่ 414.06 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,254.35 จุด เพิ่มขึ้น 36.29 จุด หรือ +0.70% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,231.34 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด หรือ +0.03% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,096.78 จุด เพิ่มขึ้น 21.52 จุด หรือ +0.30%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากนายดรากีได้แถลงภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ECB จะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไปจนกว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน พร้อมกับกล่าวว่ามาตรการ QE ได้ช่วยหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนให้ขยายตัวขึ้น
ทั้งนี้ นายดรากีได้เปิดช่องสำหรับ ECB ที่จะซื้อพันธบัตรต่อไปเกินกว่าเดือนก.ย.2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กำหนดไว้เดิม โดยเขากล่าวว่า จะซื้อพันธบัตรถึงเดือนก.ย.ปีหน้า หรือจนกว่าอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของ ECB
ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.05% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด
หุ้นอาร์เซลอร์มิททัล และหุ้นเกลนคอร์ รีซอสเซส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.8% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นรอยัล ดัทช์เชลล์ และหุ้นโททาล ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.8% ขณะที่หุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 8.7% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 75.91 จุด รับผลประกอบการเอกชนสดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบและผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี NASDAQ ทะยานขึ้นเหนือระดับ 5,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ปีนี้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,112.61 จุด เพิ่มขึ้น 75.91 จุด หรือ +0.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,011.02 จุด เพิ่มขึ้น 33.73 จุด หรือ +0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,106.63 จุด เพิ่มขึ้น 10.79 จุด หรือ +0.51%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทอินเทล คอร์ป ที่เปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์ และรายได้สุทธิ 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ และช่วยหนุนราคาหุ้นอินเทลปิดพุ่งขึ้น 4.26%
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ทะยานขึ้น 2.60% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ก่อนหักภาษีในไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 594 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวของปีที่แล้วที่ระดับ 150 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 1.14% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 20,000 บาร์เรล แตะที่ 9.384 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ หุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นโนเบิล คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 7.2% ส่วนหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 4.4%
หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับขึ้น 1.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นแตะ 5.914 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 1.40 ดอลลาร์ต่อหุ้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค. และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนเม.ย.เฟดฟิลาเดลเฟีย
อินโฟเควสท์