- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 16 January 2015 10:01
- Hits: 2309
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าทรงตัว/ปรับลงเล็กน้อย-รอผลประชุม ECB-จับตาเงินฟรังก์สวิส
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะทรงตัวหรือปรับตัวลงได้เล็กน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเฝ้ารอดูผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในวันที่ 22 ม.ค.นี้
ด้วยปัจจัยนี้คงเป็นผลทำให้ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์(SNB)ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ซึ่งการปล่อยให้เงินฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร เพราะหวั่นเกรงว่าหาก ECB มีการใช้มาตรการ QE จริงก็จะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสวิสมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เงินฟรังก์สวิสแข็งค่าค่าได้ จึงปล่อยให้เงินฟรังก์สวิสแข็งค่าเลยเพื่อที่เงินจะได้ไม่เข้าสวิสมาก
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ต่างยังรอดูผลประชุม ECB ปัจจัยนอกประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาพบวก
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,510-1,525 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(15 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,320.71 จุด ร่วงลง 106.38 จุด(-0.61%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,570.82 จุด ลดลง 68.50 จุด(-1.48%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,992.67 จุด ลดลง 18.60 จุด(-0.92%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 295.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 154.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 80.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 7.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 13.31 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(15 ม.ค.58)1,523.38 จุด เพิ่มขึ้น 0.14 จุด(+0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,130.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ม.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(15 ม.ค.58) ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.23 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(15 ม.ค.58)ที่ 7.71 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.71/72 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังแบงก์ชาติสวิสยุติคุมค่าเงิน-ลดดบ.
- "ประจิน" เดินหน้ารถไฟทางคู่ไทย-จีน ตีกรอบงบ 4 แสนล้าน ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีครึ่ง คาดเริ่มก่อสร้างเฟสแรกเดือน ก.ย. ปีนี้ เปิดบริการได้ปลายปี 2560 ด้านบัวแก้วชี้ เป็นการยืนยันไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งอาเซียนขณะนักวิชาการชี้หวั่นงบบานปลาย หากเลี่ยงประมูล แนะเปิดรายละเอียดสัญญาลงทุน
- สมาคมนักวิเคราะห์ ประเมินผลกระทบราคาน้ำมันร่วง กดกำไรกลุ่มพลังงานปีนี้ลดลง 38,806 ล้านบาท เพิ่มเท่าตัวจากปีก่อนที่กำไรลด 15,488 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มขนส่ง ค้าส่ง-ค้าปลีก ได้ประโยชน์ด้านต้นทุน ดันกำไรพุ่ง คาดราคาน้ำมันแตะระดับต่ำสุดที่ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- "แบงก์ชาติ" เผยเป้าสินเชื่อแบงก์ปีนี้โต 7% สอดรับภาวะเศรษฐกิจ ยอมรับเอ็นพีแอลพุ่งจากหนี้ครัวเรือน ย้ำไม่น่าห่วง เหตุให้แบงก์เร่งกันสำรองเพิ่ม ล่าสุด "บีไอเอส" แตะ 17% ลุ้นเศรษฐกิจฟื้นดึงเอ็นพีแอลชะลอ ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพียังพุ่งแตะ 88.0-89.0% ปีนี้
- นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงกรณีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้ทบทวนการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 โดยยืนยันว่า การนำระบบการให้สัมปทานมาใช้ในการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมรอบที่ 21 ถือว่าเป็นระบบที่เหมาะสมกับประเทศไทยที่สุดแล้ว โดยกระทรวงพลังงานจะเปิดให้ผู้สนใจยื่นประมูลแปลงสัมปทานได้จนถึงวันที่ 18 ก.พ.นี้
- สมาคมนักวิเคราะห์ประเมิน SET Index สิ้นปี 58 อยู่ที่ 1,670 จุด ลดลงเล็กน้อยจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ระดับ 1,698 จุด หรือลดลง 1.6% มองการปรับเพิ่มดอกเบี้ยของเฟดยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง ขณะปัจจัยบวกมาจากการกระตุ้นเศรฐกิจและการลงทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งการเติบโตของผลการดำเนินงานของ บจ.และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรปที่คาดจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แนะรัฐบาลและแบงก์ชาติเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวล่าช้า เดินหน้านโยบายอย่างเหมาะสมและแก้ปัญหาคอร์รัปชันอย่างจริงจัง
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยในปีนี้ว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยไตรมาส 3 ของปี 2557 สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นเป็น 84.7% จากไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 83.5% คาดว่าในปีนี้หนี้ครัวเรือนทั้งระบบจะแตะ 88-89% ได้ หากเศรษฐกิจมีแรงส่งให้ขยายตัวดี
*หุ้นเด่นวันนี้
- MINT(โกลเบล็ก)เป้า Consensus สูงสุดที่ 42 บาท คาดกำไร Q4/57 เติบโตจากการเข้าสู่ช่วง High season การท่องเที่ยว และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว โดย consensus คาดกำไรปี 57 ที่ 4.5 พันลบ. (+10% YoY) พร้อมคาดรายได้และกำไรปี 2558 ยังขยายตัวอานิสงส์จากโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล
- AAV(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 5.50 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่แกว่งตัวบริเวณ US$45-46/barrel เป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี และส่งผลให้ราคาน้ำมันอากาศยาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจสายการบินปรับตัวลงในทิศทางเดียวกัน โดยเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการปี 2558 โดยคาดว่าราคาน้ำมันอากาศยานปี 2558 จะลดลง -31.5% yoy เหลือ US$85.00/barrel จากปี 2557 ที่ US$124.00/barrel ผลักดันให้กำไรปี 2558 เติบโตสูงถึง +1,149.2% yoy เป็น 2,024 ล้านบาท และ Valuation ค่อนข้างถูก ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า
- PTTEP(กรุงศรี)"ซื้อ"เป้า 131 บาท ความเสี่ยงขาลงราคาหุ้นจำกัด ราคาปัจจุบันเทียบเท่าราคาน้ำมันดิบปี 58 ที่ US$42/บาร์เรล ต่ำกว่าปัจจุบันและสมมติฐานของเรา โดยราคาน้ำมันดิบหดตัวส่งผลต่อการดำเนินงานหลักและการบันทึกขาดทุนด้อยค่าโครงการงวด 4Q57 ให้พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 2.24 หมื่นล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญครั้งแรก พร้อมปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 58 เหลือ US$60/บาร์เรล สะท้อนราคาน้ำมันดิบที่อ่อนแอกว่าคาด ส่งผลต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 58 ลดลงจากเดิม 54%
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังเยนแข็งค่าฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงลงหลังเงินเยนแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ลดลง 0.1% แตะ 138.59 จุด เมื่อเวลา 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,812.96 จุด ลดลง 295.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,196.85 จุด ลดลง 154.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,245.77 จุด เพิ่มขึ้น 80.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,907.07 จุด ลดลง 7.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,325.53 จุด ลดลง 13.31 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,740.19 จุด ลดลง 4.81 จุด
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%
การประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. 2554 นั้น มีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 110.32 จุด ขานรับข่าวแบงก์ชาติสวิส
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากมีข่าวว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 110.32 จุด หรือ 1.73% ปิดที่ 6,498.78 จุด
ตลาดปิดในแดนบวกขานรับความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดด้วยการประกาศยกแลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส รวมทั้งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%
การดำเนินการล่าสุดของ SNB ส่งผลให้สกุลเงินฟรังก์สวิสพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและอื่นๆ โดยแสดงให้เห็นถึงการขาดความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินยูโร ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของภูมิภาค
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองและกลุ่มพลังงานก็เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวขึ้น 4.9% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้นกว่า 2.7%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับแบงก์ชาติสวิสออกมาตรการหนุนศก.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร พร้อมกับปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.58% ปิดที่ 348.45 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,323.20 จุด เพิ่มขึ้น 99.96 จุด หรือ +2.37% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,032.61 จุด พุ่งขึ้น 215.53 จุด หรือ +2.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,498.78 จุด เพิ่มขึ้น 110.32 จุด หรือ +1.73%
ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%
ทั้งนี้ ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. 2554 นั้น มีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินฟรังก์แข็งค่าขึ้น และได้ฉุดหุ้นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาการส่งออกร่วงลง รวมถึงหุ้นบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำอย่างสวอช กรุ๊ป และหุ้น Cie. Financiere Richemont
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินของสวิสปรับตัวลงเช่นกัน รวมถึงหุ้นยูบีเอส กรุ๊ป และหุ้นเครดิต สวิส
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 106.38 จุด วิตกแบงก์ชาติสวิสเลิกคุมค่าเงิน
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและผลประกอบการที่ย่ำแย่ของธนาคารในสหรัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันทำการ
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,320.71 จุด ร่วงลง 106.38 จุด หรือ -0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,570.82 จุด ลดลง 68.50 จุด หรือ -1.48% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,992.67 จุด ลดลง 18.60 จุด หรือ -0.92%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%
ทั้งนี้ ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. 2554 นั้น มีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วดิ่งลงถึง 86% จากปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ทางธนาคารมีค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย
ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า กำไรของธนาคารลดลง 11% ในไตรมาส 4 โดยถูกกระทบจากรายได้ที่ลดลงในธุรกิจเทรดดิ้ง และการปล่อยกู้ ขณะที่รายได้จากการซื้อขายพันธบัตรทรุดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 316,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ม.ค. และดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 6.3 ในเดือนม.ค. จาก 24.3 ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 19.9
ผลประกอบการที่ย่ำแย่ส่งผลให้หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.7% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 5.24%
ส่วนหุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 1.4% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมพีซีมีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลงรุนแรงถึง 14% หลังจากบริษัทระบุว่า ความต้องการสินค้าจำพวกอิเล็กทรอนิกที่ลดน้อยลงอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปีนี้
หุ้นแบล็คเบอร์รี ดิ่งลง 20% หลังจากแบล็คเบอร์รีเปิดเผยว่ายังไม่มีการเจรจาเรื่องการเทคโอเวอร์กับซัมซุง อิเล็กทรอนิก
อินโฟเควสท์