- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 18 December 2014 12:09
- Hits: 2780
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามภูมิภาคหลังศก.สหรัฐฯยังดูดี-ไม่รีบขึ้นดบ.
นายชัยพร น้อมพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ เล็งขึ้นเหนือระดับ 1,500 จุด จากแรงซื้อกลับเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาตลาดฯได้ปรับตัวลงผิดปกติโดยลงมากเกินไปเมื่อเทียบกับตลาดอาเซียน ซึ่งเมื่อข่าวลือไม่จริงก็ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นกลับคืนไปได้ และจะทำให้ตลาดบ้านเรากลับมาเทรด inline กับอาเซียน
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ออกมาแล้วเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังดูดีขึ้น และเงินเฟ้อก็น่าจะลดลงได้ รวมถึงไม่จำเป็นจะต้องรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ยังคงส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่เพียงแต่จะถ่วงเวลาให้นานที่สุด ซึ่งในมุมมองของเราก็คาดการณ์ว่าสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2558 จากเดิมที่เคยมองว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2558
พร้อมให้แนวรับ 1,468-1,465 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(17 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,356.87 จุด พุ่งขึ้น 288.00 จุด(+1.69%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,644.31 จุด เพิ่มขึ้น 96.48 จุด(+2.12%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.89 จุด เพิ่มขึ้น 40.15 จุด(+2.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 323.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 84.42 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 19.83 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.13 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(17 ธ.ค.)1,480.20 จุด เพิ่มขึ้น 18.46 จุด(+1.26%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,849.72 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(17 ธ.ค.)ที่ 56.47 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(17 ธ.ค.)ที่ 5.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.95/96 คาดแกว่งแคบ หลังหมดปัจจัยหนุนทิศทาง
- กนง.ประเมินผลกระทบวิกฤติเงิน "รูเบิล" ต่อเศรษฐกิจไทยยังไม่มาก จับตาหากสถานการณ์บานปลาย ธุรกิจท่องเที่ยวรับผลกระทบหนักสุด คาดทัวร์รัสเซียร่วงหนัก 30% ขณะส่งออกอาหารสดใส พาณิชย์ตั้งเป้าปีหน้าส่งออกโต 5-8%
- กระทรวงการคลังรัสเซียเริ่มเทขาย สกุลเงินต่างประเทศ ทุนสำรอง พยุงค่าเงิน รูเบิล ด้านผู้ว่าธนาคารกลางรัสเซียระบุรัสเซียยังมีความสามารถในการชำระหนี้ต่างประเทศ ขณะชาวรัสเซียแห่นำเงินรูเบิลที่เก็บออมในบัญชีไปแลกเป็นเงินสกุลอื่น
- บอร์ด กนง. รักษาผลประโยชน์ธนาคารพาณิชย์ ลงมติ 5 ต่อ 2 คงดอกเบี้ย 2% อ้างรักษาเสถียรภาพทางการเงินระยะยาว มั่นใจเงินฝืดไม่เกิดตลอดช่วง 2 ปี แต่ยอมรับเศรษฐกิจไทยแย่กว่าที่คิด ส่วนปีหน้าเชื่อเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัว หลังเศรษฐกิจโลกดีขึ้น แต่ความเสี่ยงก็มากขึ้น พร้อมจับตาปัญหารัสเซียใกล้ชิด
- พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง และร้านสะดวกซื้อ จัดกิจกรรมลดราคาสินค้าพร้อมกันทั่วประเทศ 1.28 หมื่นสาขา รวม 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24-30 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะมีประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้า 5 หมื่นล้านบาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
- นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ทั่วประเทศ 9 เดือนแรกของปีนี้ สูงถึง 406,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4% และคาดว่าทั้งปีนี้จะปิดที่ 5.5 แสนล้านบาท ถือเป็นสถิติใหม่สูงสุดนับจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 หลังจากปีที่แล้วเคยเป็นสถิติสูงสุดที่ 5.34 แสนล้านบาท
- รายงานข่าวจากสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แจ้งว่า ยอดขอรับการ ส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2557 มีโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม 1,388 โครงการ เงินลงทุน 7.66 แสนล้านบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าโครงการที่ขอรับส่งเสริมลดลง 200 โครงการ และวงเงินลงทุนลดลง 6.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร
- เตรียมลงนาม MOU รถไฟไทย-จีน 19 ธ.ค.นี้ พร้อมเดินหน้าตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ฝ่าย สำรวจและกำหนดรูปแบบลงทุนรถไฟทางคู่ขนาดราง 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ภายในม.ค.58 ด้าน "ทิสโก้" นำทีมนักลงทุนพบ "อาคม" ถามความชัดเจนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการตั้งกองทุนอินฟรา
*หุ้นเด่นวันนี้
- SIRI-W2 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.แสนสิริ(SIRI)เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 3,406,219,088 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 25 พ.ย.57 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2558 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 24 พ.ย. 2560
- MC(โกลเบล็ก)"ซื้อ"กำไร 4Q57 มีแนวโน้มสูงสุดสำหรับปีจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ในปี 58 รายได้และกำไรมีแนวโน้มเติบโตดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับการพัฒนาระบบไอทีและขยายจุดขายเพิ่มอีก 70-80 แห่งที่เป็นร้านค้าปลีกรวมเป็น 800 แห่งในปลายปีหนุนรายได้เติบโตราว 20% ราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าราคา IPO ที่ 15 บาท และมี yield น่าสนใจราว 5.5%
- KBANK(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 265 บาท คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารมีโอกาสดีดกลับ และเป็นกลุ่มนำตลาดในช่วงที่เหลือของเดือน ธ.ค. จากการไหลเข้าของเม็ดเงิน LTF และเชื่อว่าจะเป็นเป้าหมายเข้าลงทุนของกองทุน Trigger Fund ในสัปดาห์หน้า ด้านราคาหุ้นปรับตัวลง -8.5% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับ SET BANK -7.5% และ SET INDEX -7.2% และคาดว่ามีโอกาสเกิด Short Covering เนื่องจาก 5 วันทำการที่ผ่าน KBANK ถูก SBL สูงสุดเป็นอันดับ 2(รองจาก PTT) มูลค่าสูงถึง 1.04 พันล้านบาท ราคาเฉลี่ย 230.11 บาท
- SCC(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 500 บาท มาร์จิ้นที่แข็งแกร่งในปัจุบันจะกลับสู่ปกติใน 1Q58 เมื่อราคาน้ำมันนิ่งขึ้น และยังคงคาดการณ์อุปสงค์ซีเมนต์เติบโต 5% ในปี 58 โดยปรับลดสมมติฐาน HDPE/LLDPE Spread ปี 59-61 ลงเล็กน้อยจาก 730 เป็น 700 US$/ตัน สะท้อนอุปสงค์ที่ฟื้นตัวช้าตามเศรษฐกิจโลก ชอบ SCC ที่มีความมั่นคงของธุรกิจและผลประกอบการ โดยมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี เพราะมีทั้งธุรกิจที่อิงกับ Domestic Demand อย่างซีเมนต์และวัสุดก่อสร้าง และมีธุรกิจที่อิงกับโภคภัณฑ์ในตลาดโลก นอกจากนั้นยังเป็นบริษัทที่จ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอด้วย
ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับผลการประชุมเฟด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า "เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ" นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ และคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวลดลงในปีนี้ด้วย
ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.6% เมื่อเวลา 9.54 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,142.95 จุด เพิ่มขึ้น 323.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,912.78 จุด เพิ่มขึ้น 84.42 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,917.67 จุด เพิ่มขึ้น 17.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,247.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.83 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,688.03 จุด เพิ่มขึ้น 6.13 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นหลังจากมติการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดระบุว่า "เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ"
นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 4.65 จุด ขานรับอัตราว่างงานอังกฤษลดลง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของข้อมูลตลาดแรงงาน
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 4.65 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 6,336.48 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานในช่วงสามเดือนจนถึงตุลาคม ลดลง 63,000 คน สู่ระดับ 1.96 ล้านคน
ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ที่ 6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหกปี แต่สูงกว่าการคาดการณ์ที่ 5.9% ของนักวิเคราะห์อยู่เล็กน้อย
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ เพิ่มขึ้น 3.59% หุ้นบีพีเพิ่มขึ้น 3.5% หุ้นบีจี กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 3.32% หุ้นดิกซอนส์ คาร์โฟน เพิ่มขึ้น 3.05% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 2.94%
หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดตเต็ด แอร์ไลน์ กรุ๊ป เอสเอ เพิ่มขึ้น 4.02%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นพลังงาน หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 329.34 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,111.91 จุด เพิ่มขึ้น 18.71 จุด หรือ +0.46% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,336.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.65 จุด หรือ +0.07% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,544.43 จุด ลดลง 19.46 จุด หรือ -0.20%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นเชลล์ ปรับขึ้น 2.9% ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นริโอทินโต ทะยานขึ้น 2%
ส่วนหุ้นกลุ่มผู้จำหน่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนำปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นหลุยส์ วิตตอง พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแอร์เมส ดีดตัวขึ้น 10% และหุ้นคริสเตียน ดิออร์ พุ่งขึ้น 3.8%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นเอชเอสบีซีร่วงลง 1.8% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ดิ่งลง 2.2% หุ้นอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 1.2%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 288 จุด ขานรับถ้อยแถลงเฟด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า "เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ" นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ และคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวลดลงในปีนี้ด้วย
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,356.87 จุด พุ่งขึ้น 288.00 จุด หรือ +1.69% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,644.31 จุด เพิ่มขึ้น 96.48 จุด หรือ +2.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.89 จุด เพิ่มขึ้น 40.15 จุด หรือ +2.04%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากมติการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดระบุว่า "เฟดสามารถอดทนรอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ"
นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐเปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 0.3% จากเดือนต.ค. ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เคลื่อนไหวต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% นั้น มาจากราคาพลังงานที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3% ขณะที่หุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 10% หุ้นเนเบอร์ส อินดัสทรีส์พุ่งขึ้น 9.3% ส่วนหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็พุ่งขึ้น 8.5%
หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 3.3% แต่หุ้นเฟดเอ็กซ์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส ดิ่งลง 1.32%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค. และผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจเดือนธ.ค.โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย
อินโฟเควสท์