- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 04 December 2014 10:41
- Hits: 2792
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นตามตลาดตปท.ขานรับตัวเลขศก.สหรัฐฯออกมาดี
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย หลังจากจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดี
อย่างไรก็ดี ตลาดฯกำลังรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้อยู่ว่าจะมีผลออกมาเป็นอย่างไร และก็รอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ด้วย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าดัชนีฯพยายามจะทะลุแนวต้าน 1,600 จุด ก็ต้องรอดูไปว่าจะทำได้หรือไม่ ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,585 จุด ทิศทางโดยรวมยังเป็นลักษณะแกว่งไซด์เวย์
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(3 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,912.62 จุด เพิ่มขึ้น 33.07 จุด(+0.18%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,774.47 จุด เพิ่มขึ้น 18.66 จุด(+0.39%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,074.33 จุด เพิ่มขึ้น 7.78 จุด(+0.38%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 161.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.94 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 126.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 37.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.29 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.10 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(3 ธ.ค.)1,594.58 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด(+0.04%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,411.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(3 ธ.ค.)ที่ 67.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 50 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(3 ธ.ค.)ที่ 7.45 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.87/88 เคลื่อนไหวตามตามภูมิภาคหลังดอลลาร์แข็งค่า
- นายกฯลั่นเดินหน้าตามโรดแมพ สร้างความเชื่อมั่นหอการค้าต่างชาติ ย้ำนโยบายเปิดกว้างการลงทุน แก้กฎหมายเอื้อให้เกิดความสะดวก-เพิ่มการลงทุน ด้านหอการค้ายื่น 12 ข้อเสนอ เรียกร้องเปิดเสรีภาพบริการทุกด้าน ขณะ"ปรีดิยาธร"พร้อมรับข้อเสนอปฏิรูปกฎหมายโทรคมนาคม
- ธปท.ชี้ราคาน้ำมันลด เอื้อเศรษฐกิจไทยขยายตัว เหตุต้นทุนภาคธุรกิจลดลง ประเมินเงินเฟ้อต่ำถึงไตรมาสแรกปีหน้า มั่นใจไม่เกิดเงินฝืด ยันไม่มีผลต่อดอกเบี้ย ขณะผู้ผลิตสินค้า-โลจิสติกส์ ระบุขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี-เอ็นจีวี ไม่กระทบต้นทุนในระยะสั้น เหตุทิศทางน้ำมันช่วงขาลง ระบุหากขยับ 5-10% กระทบต้นทุนขนส่ง แนะภาคธุรกิจต้องปรับตัวรับสถานการณ์
- ผู้ว่าการแบงก์ชาติไทย-มาเลเซีย รับเกาะติด 2 ปัจจัยหลัก"ยุโรป-ญี่ปุ่น"เดินหน้าใช้คิวอีต่อเนื่อง สหรัฐปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินขึ้นดอกเบี้ย หวั่นก่อความเสี่ยงความผันผวนเงินทุนเคลื่อนย้ายทั่วโลก แม้มั่นใจการบริหารจัดการนโยบายการเงินกลุ่มอาเซียน รับมือความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคได้ก็ตาม
- อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี ในภาคครัวเรือน 1.03 บาท/กก. จาก 23.13 บาท เป็น 24.16 บาท/กก. จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) หรือก๋วยเตี๋ยว เพิ่มขึ้นแค่ 30 สตางค์/จานเท่านั้น จึงไม่ใช่เหตุผลที่ร้านค้าจะฉวยโอกาสปรับราคาอาหารขึ้นมาจานละ 5-10 บาท
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงการหารือความร่วมมืออุตสาหกรรมเหล็กไทย-ญี่ปุ่น ตามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (เจเทปา) ซึ่งในส่วนของโควตานำเข้าเหล็กรีดร้อนจากญี่ปุ่นปี 2558 นั้น ได้หารือใน 2 ประเด็น คือ ปริมาณโควตาที่ไทยจะนำเข้าเหล็กจากญี่ปุ่น ซึ่งไทยจะพยายามลดปริมาณนำเข้าเหล็กให้มากที่สุด เพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กภายในประเทศเพิ่ม มากขึ้น โดยจะหารือเพื่อสรุปปริมาณ โควตานำเข้าอีกครั้งในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ที่กรุงเทพฯ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%จาก 2.00% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี ระบุเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ขณะที่ปีหน้าก็ยังมีความเสี่ยงจากหลายด้าน ชี้สอดคล้องกับหลายประเทศ แม้สหรัฐฯจะมีแนวโน้มขึ้นแต่ก็ยังต้องดูท่าทีเศรษฐกิจโลก
- รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมศุลกากรเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.1 แสนล้านบาท เนื่องจากการเก็บภาษี 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 ยังมียอดต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้มาก เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
*หุ้นเด่นวันนี้
- KBANK(ฟันันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 58 ที่ 271 บาท ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 57-58 ขึ้น 5% และ 1.5% ตามลำดับ สะท้อนการบริหาร NIM ดีกว่าคาด รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยแนวโน้มโตเกินคาดจากการขยายตัวของสินเชื่อและธุรกิจประกัน คุณภาพสินเชื่อยังแกร่งแม้มีความเสี่ยงเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ คาดสินเชื่อปี 58 โต 9% จากปีนี้คาดโต 8% คาด NIM 3.7% ทรงตัวใกล้และ Cost to income ลดลง หลังปรับประมาณการทำให้กำไรปี 57-58 โต 12% และ 10% ตามลำดับ สูงเป็นลำดับต้นๆในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่
- BTS (ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 11.85 บาท คาดเป็นผู้เดินรถไฟฟ้าอีก 6 เส้นรวมระยะทาง 118.5 กม. ภายในปี 64
- SCB(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 222 บาท คาดปี 2558 จะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้น
- SAMART (ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 40 บาท รวมมูลค่าธุรกิจการควบคุมระบบจราจรทางอากาศที่ลาว คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 58 ที่ 3.3% จะมีข่าวดีหลายเรื่องโดยเฉพาะ Samart U-Trans คือการลงทุนในธุรกิจควบคุมระบบจราจรทางอากาศที่ลาวคาดทำรายได้ 1 พันล้านบาทต่อปี กำไร 200 ล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิที่ 20%)ดีลนี้ตงตกลงได้ภายใน 1Q58 จะเริ่มงานได้ปลายปี 58, บริษัทย่อยจะรุกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานด้านกระแสไฟฟ้า โครงการแรกเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ผลิตเชื้อเพลิงจากขยะจำนวน 20-30 MW ต้นทุนประมาณ 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ MW และให้กำไรปีละ 5 แสนดอลลาร์ต่อปี คาดว่าโครงการนี้จะเริ่มได้ปี 60 และเพิ่มมูลค่าให้กับหุ้น SAMART ประมาณ 5 บาทต่อหุ้น
ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้รับปัจจัยหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าเทียบดอลลาร์ นอกจากนั้นตลาดยังได้แรงบวกหลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัว
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเวลา 10.01 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,881.91 จุด เพิ่มขึ้น 161.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,783.47 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,554.81 จุด เพิ่มขึ้น 126.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,212.85 จุด เพิ่มขึ้น 37.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,976.30 จุด เพิ่มขึ้น 6.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,318.68 จุด เพิ่มขึ้น 15.29 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,760.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นหลังจากเฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงโดยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐปรับตัวขึ้น 208,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และดัชนีภาคบริการของสหรัฐขยายตัวสู่ระดับ 59.3 ในเดือนพ.ย. จาก 57.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 57.6
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน :ฟุตซี่ปิดลบ 25.47 จุด หลังนายกฯอังกฤษแถลงงบประมาณขาดดุล
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากนายจอร์จ ออสบอร์น นายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงงบประมาณภาษีและค่าใช่จ่ายต่อสภานิติบัญญัติ
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 25.47 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 6,716.63 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวแดนลบหลังจากนายออสบอร์นคาดว่า ยอดขาดดุลงบประมาณปี 2557-2558 จะอยู่ที่ 9.13 หมื่นล้านปอนด์ (1.43 แสนล้านดอลลาร์) และคาดว่าจะมีมาตรการบางอย่างมาควบคุมการกู้ยืม
นอกจากนี้ นายออสบอร์นให้คำมั่นต่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในสหราชอาณาจักรว่า จะมีการปรับปรุงในเรื่องภาษีการซื้อบ้านและจะเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติและธนาคารในอัตราที่สูงขึ้น พร้อมกับยอมรับว่ายอดกู้ยืมของรัฐบาลอาจจะสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
หุ้นฟอกซ์ตัน กรุ๊ป ปรับตัวลดลงหลังจากนายออสบอร์นบังคับใช้กฎกมายภาษีต่อผู้ซื้อบ้าน
ส่วนหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ และทูลโลว์ ออย นำหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับคาดการณ์อีซีบีกระตุ้นศก.เพิ่ม
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.6% ปิดที่ 349.34 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,391.86 จุด เพิ่มขึ้น 3.56 จุด หรือ +0.08% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,971.79 จุด เพิ่มขึ้น 37.71 จุด หรือ +0.38% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,716.63 จุด ลดลง 25.47 จุด หรือ -0.38%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อีซีบีอาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อหนุนเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนให้แข็งแกร่งขึ้น โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีจะประชุมในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้น โดยหุ้นริโอทินโต ปรับตัวขึ้น 1.1% และหุ้น Outokumpu Oyj พุ่งขึ้น 4.4%
หุ้นเทเลนอร์ พุ่งขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นเทเลียโซเนรา ปรับขึ้น 1.6% หลังจากทั้งสองบริษัทได้ทำข้อตกลงควบรวมธุรกิจในประเทศเดนมาร์ก ขณะที่หุ้น TDC A/S ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของเทเลนอร์ พุ่งขึ่น 5.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 4 ปี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดปิดในแดนบวก แต่ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากผลสำรวจของมาร์กิตแสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนในเดือนพ.ย. ลดลงแตะ 51.1 จากระดับ 52.1 ในเดือนต.ค. และจากตัวเลขเบื้องต้นเดือนพ.ย.ที่ 51.4
ทั้งนี้ กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนในเดือนพ.ย.ชะลอตัวแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน การชะลอตัวในเดือนที่แล้วเป็นผลมาจากแนวโน้มที่อ่อนแอลงของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ธุรกิจใหม่ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ส่วนการจ้างงานยังคงใกล้ภาวะชะงักงัน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 33.07 จุด หลังเฟดชี้ศก.สหรัฐยังฟื้นตัว
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัว
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,912.62 จุด เพิ่มขึ้น 33.07 จุด หรือ +0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,074.33 จุด เพิ่มขึ้น 7.78 จุด หรือ +0.38% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,774.47 จุด เพิ่มขึ้น 18.66 จุด หรือ +0.39%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากเฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงโดยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐปรับตัวขึ้น 208,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และดัชนีภาคบริการของสหรัฐขยายตัวสู่ระดับ 59.3 ในเดือนพ.ย. จาก 57.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 57.6
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับขึ้น 0.8% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นซีมาเร็กซ์ ทะยานขึ้น 5.1%
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่งเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน และอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าอีซีบีจะตัดสินใจซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อินโฟเควสท์