WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ช่วงไร้ปัจจัยใหม่เกาะติดประชุมโอเปค

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์ หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ จากปัจจัยต่างประเทศ โดยวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ขณะที่จะมีการประชุมของกลุ่มโอเปค ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไป

    สำหรับ ในประเทศเองก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ นักลงทุนส่วนใหญ่รอผลการประชุมของกลุ่มโอเปคเช่นกัน ซึ่งจะชี้ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยตลาดคาดการณ์ว่าโอเปคอาจจะคงหรือลดกำลังการผลิต หากออกมาว่าคงกำลังการผลิตราคาน้ำมันก็จะมีแนวโน้มปรับลงต่อ แต่หากลดกำลังการผลิตลงก็จะช่วยให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี และจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น

    ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย

    พร้อมให้แนวรับ 1,585 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,602 จุด

    ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(26 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,827.75 จุด เพิ่มขึ้น 12.81 จุด(+0.07%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,787.32 จุด เพิ่มขึ้น 29.07 จุด(+0.61%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,072.83 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด(+0.28%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 73.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 11.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 57.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 31.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.02 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.97 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(26 พ.ย.)1,591.00 จุด ลดลง 5.80 จุด(-0.36%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 36.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ย.57

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(26 พ.ย.)ที่ 73.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 40 เซนต์

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(26 พ.ย.)ที่ 8.36 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 32.75/77 คาดแกว่งแคบ-ไร้ปัจจัยใหม่

   - พาณิชย์เผยส่งออกเดือน ต.ค. ขยายตัว 3.97% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังตลาดหลักโตเกินคาด เฉลี่ย 10 เดือนยังติดลบ 0.36% มั่นใจทั้งปี "ไม่ติดลบ" ส่วนปีหน้าโต 4% ขณะญี่ปุ่นแนวโน้มลดลง

   - ผู้ประกอบการอสังหาฯ ระบุ 10 เมกะเทรนด์ สร้างการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ การขยายตัวเมือง สังคมสูงอายุ โครงข่ายคมนาคมสะดวก แจงเทรนด์ "เทคโอเวอร์-ร่วมทุน" แรงต่อเนื่อง เหตุต้องการเสริมความแข็งแกร่ง กระจายเสี่ยงธุรกิจ รับเออีซี ด้านกระทรวงการคลัง เตรียมนัด 3 สมาคม อสังหาฯ ถกผลกระทบร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

    - ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ชี้ไม่มีแนวคิดปรับเกณฑ์ฟลอร์ซิลลิ่ง มองมาตรการใหม่เหมาะสม นักวิเคราะห์มองมาตรการคุมหุ้นร้อนช่วยลดความร้อนแรงได้ แนะนักลงทุนเก็บหุ้นใหญ่ มองเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า 1,710 จุด รอต่างชาติเข้าซื้อดันดัชนี

   - นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ผลจากการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 1.58 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันได้มีการชำระหนี้ 5,311 ล้านบาท แบ่งเป็นการชำระหนี้ของรัฐบาลจากงบประมาณชำระหนี้ 2,216 ล้านบาท และการชำระหนี้ของรัฐบาลจากแหล่งอื่น 3,094 ล้านบาท

   - สศค.ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจปี 58 ขยายตัวแค่ 4% ต่ำกว่าศักยภาพที่ 4.5% หากยังอยู่ในระดับนี้ถือว่าน่าห่วง เตือนโลกผันผวนกระทบตลาดทุนไทย ชี้นโยบายการเงินการคลังเอื้อต่อการขยายตัว แนะเร่งเบิกจ่าย เร่งลงทุนสร้างการเติบโต

*หุ้นเด่นวันนี้

   - LH(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 12 บาท กลุ่ม LH เปิดตัวทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์(LHSC) 6,227 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 เป็นเวลาประมาณ 26 ปี จุดเด่นคือ มีทำเลดีตรงแยกอโศกตัดใกล้รถไฟฟ้า BTS และในปี 58 บริษัทยังเตรียมจัดตั้งกองทรัสต์อีกกองที่จะมีสินทรัพย์เป็นโรงแรมในเครือ LH คาดว่าจะมีขนาดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

  - INTUCH(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"รับเงินปันผลสูง โดยราคาต่ำกว่า Market NAV 20% ให้ราคาพื้นฐาน 90 บาท ฐานะการเงินแข็งแกร่งมากเป็นเงินสดสุทธิ คาดการณ์ Dividend Yield ปี 58 ไว้ที่ 6.7% แนวโน้มยังไปได้ดี โดย AIS จะมีค่าใช้จ่ายเป็นเป็น Regulatory น้อยลงเมื่อโอนย้ายลูกค้าจาก 2G ไป 3G ได้มากขึ้น รวมถึงปริมาณการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จะสูงขึ้นใน 4Q ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล และในระยะยาวคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตที่ดีของธุรกิจบรอดแบนด์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ 1Q58  ทางด้าน THCOM ก็มีการเติบโตที่ดีในปี 58-61

    - BEAUTY(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 38.25 บาท คาดกำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตดีต่อเนื่อง, ยอดขายผ่านโมเดิร์นเทรดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด และมุ่งเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านการตลาดในโซเชียลมีเดีย

   - TICON(โกลเบล็ก)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า consensus สูงสุด 23 บาท ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ค่าเช่าโต 15- 20% จากยอดเข่าพื้นที่โรงงาน 1.2 แสนตร.ม.และคลังสินค้า 3 แสนตร.ม.และมีรายได้เพิ่มจาก Solar roof และ Q4/57 คาดกำไรโตจากตั้ง TREIT มูลค่า 4,500 ล้านบาท และขายหุ้นบริษัทลูก TMAN ให้ "กลุ่มมิตซุย" 30% รับเงินเป็นกำไรพิเศษราว 70 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มขนาดกอง TREIT เป็น 2 หมื่นล้านบาทใน 3-5 ปีข้างหน้า รวมทั้งอยู่ระหว่างเจรจาพาร์ตเนอร์เพื่อเข้าลงทุนโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่าในอินโดนีเซียสรุปต้นปี 58

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจ

    ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวทั้งเชิงบวกและลบ

    ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เคลื่อนไหวเล็กน้อยที่ระดับ 141.34 จุด เมื่อเวลา 9.03 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,310.49 จุด ลดลง 73.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,615.37 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,169.85 จุด เพิ่มขึ้น 57.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,153.49 จุด เพิ่มขึ้น 31.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,993.65 จุด เพิ่มขึ้น 12.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,348.64 จุด ลดลง 1.02 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,838.20 จุด ลดลง 3.97 จุด

     เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แตะที่ 458,000 ยูนิต และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. หลังจากที่ร่วงลง 0.9% ในเดือนก.ย.

   แต่ในขณะเดียวกันตลาดก็ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจเชิงลบ โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 313,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแตะ 289,000 ราย และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ตัวเลขดังกล่าวพุ่งทะลุ 300,000 ราย

    ขณะที่ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวลดลง 1.1% แตะที่ระดับ 104.1 ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐยังไม่มีความต่อเนื่อง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 1.97 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) จากความวิตกเกี่ยวกับฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้

    ดัชนี FTSE 100 ลดลง 1.97 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 6,729.17 จุด

   สหรัฐมีการเปิดเผยข้อมูลที่อยู่อาศัยที่อ่อนแอกว่าคาด ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ และเป็นปัจจัยที่ถ่วงตลาดหุ้นลอนดอนให้ปิดตลาดในแดนลบ

   กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แตะที่ 458,000 ยูนิต ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 470,000 ยูนิต

   ส่วนยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. ถูกปรับทบทวนลงสู่ระดับ 455,000 ยูนิต จากเดิมที่รายงานว่าอยู่ที่ 467,000 ยูนิต ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.และก.ค.ก็ถูกปรับลงเช่นกัน

    ขณะเดียวกัน สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวลดลง 1.1% แตะที่ระดับ 104.1 ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐยังไม่มีความต่อเนื่อง

   อย่างไรก็ตาม การทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้ช่วยสกัดการปรับตัวขาลงของตลาด โดยหุ้นอันโตฟากัสตา และหุ้นแองโกล อเมริกัน ต่างปรับตัวแข็งแกร่ง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดทรงตัว ขณะการซื้อขายผันผวน

  ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยในขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดในแดนบวกนั้น ตลาดหุ้นลอนดอนและฝรั่งเศสต่างก็ปิดตลาดปรับตัวลง

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ทรงตัวที่ 346.28 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,373.42 จุด ลดลง 8.89 จุด หรือ -0.20% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,915.56 จุด เพิ่มขึ้น 54.35 จุด หรือ +0.55% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,729.17 จุด ลดลง 1.97 จุด หรือ -0.03%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดฝรั่งเศสและลอนดอนปิดตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลง ภายหลังจากรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียแสดงความเห็นว่า กลุ่มโอเปคยังไม่ควรปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้

   ทั้งนี้ หุ้นซีดริล ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจและขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง ร่วงลงหนักสุดถึง 18% อันเนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของซาอุดิอาระเบีย

   ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนีดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับท่าทีของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ส่งสัญญาณว่าจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้น

  หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น โดยหุ้น RWE ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่สุดของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3% และหุ้น EON ผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่อันดับสองของเยอรมนี ปรับตัวขึ้น 1.7%

  ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.4% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวขึ้น 0.8%

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยุโรปในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ของฝรั่งเศสและอิตาลี และยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของเยอรมนี

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 12.81 จุด

   ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) ขานรับข้อมูลในด้านบวกของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

   ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,827.75 จุด เพิ่มขึ้น 12.81 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,787.32 จุด เพิ่มขึ้น 29.07 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,072.83 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.28%

   ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะต้านทานภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกได้ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย  กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า การบริโภคส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.

    นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แตะที่ 458,000 ยูนิต และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. หลังจากที่ร่วงลง 0.9% ในเดือนก.ย. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดสั่งซื้ออากาศยานทางทหารที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

   อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นลบในบางรายการของสหรัฐนั้น ได้สกัดแรงบวกของตลาด รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 22 พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 313,000 ราย สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงแตะ 289,000 ราย และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ตัวเลขดังกล่าวพุ่งทะลุ 300,000 ราย

   ขณะที่ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวลดลง 1.1% แตะที่ระดับ 104.1 ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐยังไม่มีความต่อเนือง

   หุ้นกลุ่มสื่อสารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอทีแอนด์ที และหุ้นเซนจูรีลิงค์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2%

   ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 1.2%

  * ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า *

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 พ.ย.2557

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,827.75 จุด                         เพิ่มขึ้น 12.81 จุด      +0.07%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,787.32 จุด                     เพิ่มขึ้น 29.07 จุด      +0.61%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,072.83 จุด                       เพิ่มขึ้น 5.80 จุด       +0.28%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,729.17 จุด                    ลดลง 1.97 จุด        -0.03%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,915.56 จุด                             เพิ่มขึ้น 54.35 จุด      +0.55%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,373.42 จุด                         ลดลง 8.89 จุด        -0.20%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,380.30 จุด      เพิ่มขึ้น 59.40 จุด      +1.12%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,396.20 จุด            เพิ่มขึ้น 61.40 จุด      +1.15%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,383.58 จุด                     ลดลง 24.04 จุด       -0.14%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,980.84 จุด                         เพิ่มขึ้น 0.63 จุด       +0.03%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,122.39 จุด                            เพิ่มขึ้น 6.15 จุด       +0.07%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,604.34 จุด                     เพิ่มขึ้น 36.74 จุด      +1.43%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,356.59 จุด             เพิ่มขึ้น 69.74 จุด      +0.96%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,111.98 จุด                              เพิ่มขึ้น 268.07 จุด     +1.12%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,842.17 จุด                      เพิ่มขึ้น 3.61 จุด       +0.20%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,133.04 จุด      เพิ่มขึ้น 14.09 จุด      +0.28%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,349.66 จุด                      เพิ่มขึ้น 4.67 จุด       +0.14%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,386.19 จุด                        เพิ่มขึ้น 48.14 จุด      +0.17%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) ขานรับข้อมูลในด้านบวกของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,827.75 จุด เพิ่มขึ้น 12.81 จุด หรือ +0.07% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,787.32 จุด เพิ่มขึ้น 29.07 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,072.83 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.28%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยในขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดในแดนบวกนั้น ตลาดหุ้นลอนดอนและฝรั่งเศสต่างก็ปิดตลาดปรับตัวลง

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ทรงตัวที่ 346.28 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,373.42 จุด ลดลง 8.89 จุด หรือ -0.20% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,915.56 จุด เพิ่มขึ้น 54.35 จุด หรือ +0.55% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,729.17 จุด ลดลง 1.97 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) จากความวิตกเกี่ยวกับฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้

          ดัชนี FTSE 100 ลดลง 1.97 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 6,729.17 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันลงหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา 

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 73.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 58 เซนต์ ปิดที่ 77.75 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่ตลาดทองคำจะปิดทำการในวันที่ 27 พ.ย.นี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,197.5 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.5 เซนต์ ปิดที่ 16.606 ดอลลาร์/ออนซ์

          ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,228.4 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 801.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ปรับตัวอ่อนแรงกว่าที่คาด

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2514 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2470 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5801 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5706 ดอลลาร์

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.75 เยน เทียบกับระดับ 117.94  เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9607 ฟรังค์ จาก 0.9647 ฟรังค์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8551 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8521 ดอลลาร์

           

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,239.00 จุด ลดลง 74.00 จุด, -5.64%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!