- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 18 November 2014 18:36
- Hits: 2130
โบรกฯ คาดพรุ่งนี้ SET แกว่งตัวแดนบวก รับแรงหนุนจากแรงซื้อ LTF-RMF แถมลงทุนรถไฟรางคู่ฉลุย แนะทยอยซื้อ KBANK-KTB
โบรกฯ คาดพรุ่งนี้หุ้นไทยแกว่งตัวบวก ลุ้นแตะไฮเดิม 1,591 จุด ด้วยแรงซื้อจากกลุ่มกองทุน LTF/RMF แถมในปท.รับข่าวดีเรื่องครม.อนุมัติรถไฟรางคู่ - ราคาก๊าซขึ้นหนุนกลุ่ม PTT ส่วนงานติดตามงาน SET in the city คาดเงินมีเข้าตลาดฯ 4 พันล้านบาท พร้อมลุ้นธปท.ลดดบ. แนะทยอยซื้อ KBANK-KTB และเก็งกำไร CKP-DEMCO-GUNGUL-SPALI ประเมินแนวรับ 1,570-1,567 จุด แนวต้าน 1,591 - 1,601 จุด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่หลาย ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น KBAMK-KTB-SCC-PTT-ADVANC มองว่าน่าจะเป็นแรงซื้อของกลุ่มกองทุน รวมถึงแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นรายตัวที่มีประเด็นข่าวในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากการประชุมบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ระหว่างไทย-จีน ในเรื่องความร่วมมือก่อสร้างทางรถไฟฟระหว่างประเทศ
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังมีสัญญาณเชิงบวก ด้วยมาตราการผ่อนคลายด้านการเงินของกลุ่มยูโรโซน และญี่ปุ่นอาจจะชะลอกการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มออกไป หลังจากตัวเลข GDP ออกมาต่ำกว่าคาด ส่วนในประเทศ แม้ว่าตัวเลข GDP ชะลอตัว แต่ก็เป็นไปตามคาด จึงไม่น่ากังวลมากนัก ก็ต้องติดตามว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
สำหรับพรุ่งนี้ คาดหุ้นไทยแกว่งตัวบวกต่อ มีโอกาสทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 1,591 จุด ด้วยแรงหนุนกองทุน LTF/RMF ฃ่วงปลายปีอีกราว 2-3 หมื่นล้านบาท และงาน SET in the City ช่วงปลายสัปดาห์นี้ อีกทั้งความชัดเจนมาตราการสกัดหุ้นร้อนของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)
ด้านกลยุทธ์ แนะทยอยซื้อลงทุน KBANK-KTB และเก็งกำไร CKP-DEMCO-GUNGUL-SPALI โดยประเมินแนวรับ 1,570-1,567 จุด แนวต้าน 1,591 จุด
ขณะที่นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ฟื้นตัวตามคาด แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเหนือความคาดหมาย โดยทำจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,587 จุด เนื่องจากมีแรงซื้อกลับดีพอสมควรในหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้นเก็งกำไรบางตัวที่ติดอันดับต้นๆของปริมาณการซื้อขายสูงสุดของวันนี้ ประกอบกับได้ปัจจัยหนุนจากต่างประเทศที่ทางธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อหลังการประกาศตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3/57 หดตัวลง 1.6% จากปีก่อนหน้า เพราะการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างมาก ตามการปรับขึ้นภาษีผู้บริโภคเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะแกว่งตัวเพื่อรอทราบความชัดเจนการประชุมเรื่องการออกมาตรการควบคุมหุ้นเก็งกำไรจากทางตลาดหลักทรัพย์ร่วมหารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยว่าจะออกหลักเกณฑ์อะไรและมีความชัดเจนมากขนาดไหน และมีความเป็นไปได้สูงที่การลงทุนหุ้นเก็งกำไรในวันพรุ่งนี้จะเบาบางลง เพราะ การประชุมดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นที่มีความเสี่ยงและสร้างความผันผวนสูงในการลงทุนช่วงนี้
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของรัฐบาลที่หลายฝ่ายรอความชัดเจนในช่วงสิ้นปีนี้ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจึงได้รับอานิสงส์และสามารถลงทุนข้ามปีเพื่อหวังกำไรระยะยาวได้
"การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นประเด็นที่เล่นได้ข้ามปี เห็นตัวอย่างจากหุ้นบางตัว เช่น ITD ที่ราคาแรงตอบรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจนี้มานาน นักลงทุนที่มีต้นทุนต่ำก็ถือยาวได้เลย แต่ถ้ามีต้นทุนสูงก็ต้องเล่นรอบไปตามกระแสข่าว ในขณะที่ภาพรวมดัชนีฯวันนี้ (18 พ.ย.57)ใกล้แนวต้านเดิมที่ 1,590 จุด ตลอดสัปดาห์นี้จึงต้องลุ้นว่าจะมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมให้ดัชนีฯสามารถผ่านทะลุแนวนี้ได้หรือไม่" นายปริญทร์ กล่าว
ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้รอซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 1,575-1,570 จุด และแนวต้านที่ 1,590 จุด
ส่วนนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีฯ แกว่งตัวบวกต่อเนื่อง จากผลประชุมคณะรัฐมนตรีมีการอนุมัติโครงการรถไฟรางคู่ที่รัฐบาลไทยร่วมมือกับรัฐบาลจีน อีกทั้งยังมีเรื่องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของกระทรวงพลังงาน ที่มีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ในภาคครัวเรือนและขนส่ง 50 สตางค์ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT- PTTEP ที่มีผลให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นถึง 12.20 จุด ก่อนจะปิดที่ระดับ 1,581.27 จุด หรือติดเป็น 0.78 %
สำหรับผลการประชุมของคณะรัฐมนตรีที่มีการอนุมัติโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ โดยมีงบการลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งก็จะมีการลงนามความร่วมมือ หรือ MOU ร่วมกันในเดือนธันวาคมนี้คาดว่า การอนุมัติครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/2557 ซึ่งมองเป็นปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนตลาดหุ้นไทย อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกในเรื่องของกองทุน LTF ในโค้งสุดท้ายของปลายปีนี้ ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 2.5 - 3 หมื่นล้านบาท
ด้านปัจจัยต่างประเทศเรื่องของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่อาจจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2557 ออกมาชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ มองว่า ไม่น่าจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติม เนื่องจากมีการเพิ่มวงเงินการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ไปแล้ว ส่วนประเด็นเรื่องการยุบสภาของประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะมีผลทำให้ต้องเลื่อนการปรับขึ้นภาษีการบริโภคครั้งที่สองออกไป
บรรยากาศตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ มองว่า ดัชนีฯ อยู่ในช่วงแกว่งตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังรอติดตามงาน SET in the city ในวันที่ 20 - 23 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งคาดว่า หลังจากงานเสร็จสิ้นประมาณ 2 อาทิตย์จะมีเม็ดเงินลงทุนจากสถาบันในประเทศเข้ามาสนับสนุนตลาดหุ้นไทยประมาณ 4 พันล้านบาท หรือหลังจากเสร็จสิ้นประมาณ 1 เดือนอาจจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนประมาณ 8 พันล้านบาท
ส่วนเรื่องของการประชุมสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ถึงการพิจารณาออกมาตรการควบคุมหุ้นร้อนในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.2557) คาดว่า มีผลกระทบต่อหุ้นขนาดเล็ก ที่พื้นฐานไม่ดี ซึ่งก่อนหน้านี้มีนักลงทุนสนใจเข้าเก็งกำไรกันจำนวนมาก
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือหุ้น 80 % ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี อีกทั้งหุ้นที่ด้รับอานิสงค์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 1,575 - 1,570 จุด
ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,591 - 1,601 จุด ซึ่งคาดว่าจากปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้นจะสามารถสนับสนุนให้ดัชนีฯ ปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,650 จุด ในช่วงปลายปี
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย