WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้เจอแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปแรงแต่ยังไร้ปัจจัยหนุน

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากที่เมื่อวานนี้ตลาดฯปรับตัวขึ้นไปมากทั้งที่ไม่ได้มีปัจจัยพิเศษ และผลประกอบการงวดไตรมาส 3/57 ก็อ่อนแอ ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด

     ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันออกมาต่ำทำให้มีโอกาสที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในยุโรป แต่อย่างไรก็ดีให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ ทั้งตัวเลข GDP และตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรป และตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ดี ดัชนีฯไม่น่าจะหลุดแนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,5580-1,585 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(13 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,652.79 จุด เพิ่มขึ้น 40.59 จุด(+0.23%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,680.14 จุด เพิ่มขึ้น 5.01 จุด(+0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,039.33 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด(+0.05%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 127.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 7.64 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 28.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 11.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.87 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.38 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 2.16 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.51 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(13 พ.ย.)1,577.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.18 จุด(+0.97%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 458.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย.57

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(13 พ.ย.)ที่ 74.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.97 ดอลลาร์ หรือ 3.9%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(13 พ.ย.)ที่ 8.17 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 32.83/84 คาดแกว่งแคบ รอตัวเลขศก.สหรัฐ-ยูโรโซน

   - นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนของไทยในปัจจุบัน ไม่น่าห่วงว่าจะบั่นทอนเศรษฐกิจ เพราะระดับหนี้ครัวเรือนเริ่มลดลง โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 83.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)แต่ระดับหนี้ครัวเรือนดังกล่าวเป็นจุดเตือนแล้วว่า ไม่ควรทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกู้หนี้ยืมสินหรือกระตุ้นให้คนกู้เงินโดยไม่จำเป็นเพิ่มขึ้นอีก

    - ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้ามีแนวโน้มกลับมาเติบโต 8-10% ทั้งในแง่ของการเปิดโครงการใหม่และยอดขาย หลังจากปีนี้คาดว่าจะติดลบ 10% โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดฟื้นกลับมาเป็นบวกได้ในปีหน้า เกิดจากการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐจะทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

    - พาณิชย์เตรียมส่งหนังสือขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้ามนำสินค้าไม่มีคุณภาพ ใกล้หมดอายุ บรรจุกระเช้า พร้อมขอให้คืนสินค้าได้หากพบว่าสินค้าไม่ดี ส่วนโครงการลดค่าครองชีพเป็นของขวัญปีใหม่คืบ ทั้งห้าง ผู้ผลิต เกือบ 40 ราย พร้อมจัดหนัก จัดเต็ม ลดราคาสินค้าทั้งประเทศมากกว่าปกติ คาดเริ่มหลัง ธ.ค.เป็นต้นไป

*หุ้นเด่นวันนี้

      - MACO-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO)เทรดวันนี้วันแรก โดยมีจำนวน 752,239,632 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิซึ่งออกวันที่ 3 พ.ย. 2557 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2559 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 2 พ.ย. 2560

     - PTT, BCP(ทรีนี้ตี้)มองประเด็นการขายหุ้น BCP จาก PTT จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ BCP ในส่วนของ PTT ประเมินกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BCP ทั้งหมดประมาณ 8 พันล้านบาทอิงราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน คาดว่ากระบวนการต่างๆจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2558 นี้ และน่าเป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัท ซึ่งยังคงแนะนำ"ซื้อ"ทางปัจจัยพื้นฐาน โดยมีราคาเป้าหมายสำหรับ PTT และ BCP ที่ 400 บาทและ 39 บาทตามลำดับ

    - TPOLY(ทรีนีตี้)หุ้นแนะนำประจำ Big Picture เดือนนี้ ราคาปรับลงแรงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังมีมุมมองเชิงบวกหลังงานในมือจะทยอยเข้ามาจากบริษัทลูกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล นอกจากนั้นคาดบันทึกกำไรพิเศษราว 2 พันล้านบาทจากการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในช่วงต้นเดือนหน้านี้ มองการปรับตัวลงมาของราคาเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อเพื่อรับสิทธิ์ซื้อหุ้น IPO บริษัทลูก ซึ่งเรามองว่ามีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจในระยะ 3-5 ปี ข้างหน้า

    - RML(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 2.40 บาท หากไม่รวมรายการพิเศษคือการตั้งด้อยค่าโครงการ Cube และ Promenade กำไรปกติจะเติบโตถึง 15% Q-Q และ 194% Y-Y มากกว่าคาด 25% ทำให้กำไรงวด 9M14 มากกว่ากำไรที่คาดทั้งปีแล้ว โดยจะปรับประมาณการขึ้นหลังประชุมนักวิเคราะห์ 18 พ.ย. นี้

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์พุ่ง

       ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน

     ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ขยับขึ้นเกือบ 0.1% แตะ 141.72 จุด เมื่อเวลา 9.12 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,520.54 จุด เพิ่มขึ้น 127.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,477.97 จุด ลดลง 7.64 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,048.36 จุด เพิ่มขึ้น 28.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,992.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,959.64 จุด ลดลง 0.87 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,313.31 จุด เพิ่มขึ้น 8.38 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,200.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,814.30 จุด ลดลง 1.51 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 24.41 จุด แม้หุ้นพลังงานลดลง

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป แม้ว่าหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง

   ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 24.41 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 6,635.45 จุด

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนบวก หลังจากหุ้นโวดาโฟนปรับขึ้น 1.7% แม้ว่าตลาดเผชิญปัจจัยลบจากหุ้นกลุ่มน้ำมันที่ร่วงลง

   หุ้นกลุ่มน้ำมันอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นครั้งแรกนับแต่เดือนก.ย.2553

    หุ้นทูลโลว์ ออยล์ ร่วงลงหนัก 5.84% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ปรับลงกว่า 2%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ผลประกอบการเอกชนสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก (13 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทอิริคสัน เอบี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถต้านทานปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสาธารณูปโภค

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 335.86 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,187.95 จุด เพิ่มขึ้น 8.07 จุด หรือ +0.19% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,248.51 จุด เพิ่มขึ้น 37.55 จุด หรือ +0.41% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,635.45 จุด เพิ่มขึ้น 24.41 จุด หรือ +0.37%

   หุ้นอิริคสันพุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และได้ประกาศแผนการลดต้นทุนลง 9 พันล้านโครเนอร์ หรือ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนพนักงาน

  หุ้นเคบีซี กรุ๊ป พุ่งขึ้น 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

  ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้น RWE AG ดิ่งลง 2.2% และหุ้น Aegon NV ดิ่งลง 6.1%

  สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี ซึ่งคำนวณตามมาตรฐานยุโรป ยังคงอยู่ที่ระดับ 0.7% เทียบรายปี ในเดือนต.ค. โดยข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยในวันนี้ตอกย้ำว่ายูโรโซนยังคงเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับต่ำเกินไป และเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด จนอาจกดดันให้ทางธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อหนุนเงินเฟ้อสู่ระดับ 2% ตามเป้าหมาย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 40.59 จุด รับผลประกอบการเอกชน

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทวอล-มาร์ท

   ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,652.79 จุด เพิ่มขึ้น 40.59 จุด หรือ +0.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,680.14 จุด เพิ่มขึ้น 5.01 จุด หรือ +0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,039.33 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.05%

   ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการของบริษัทเอกชน โดยหุ้นวอล-มาร์ทพุ่งขึ้น 4.72% หลังจากบริษัทรายงานผลกำไรต่อหุ้นที่ 1.15 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดขายรวมสุทธิสำหรับไตรมาสสามอยู่ที่ 1.181 แสนล้านดอลลาร์ น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

   เมซี อิงค์ ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐก็รายงานผลประกอบการไตรมาสสามเมื่อวันพุธเช่นกัน โดยกำไรเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 61 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ยอดขายรวมในไตรมาสสามลดลง 1.3% จากปีที่แล้ว แตะ 6.195 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด

    ส่วนหุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 8.51% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 2.76 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

   หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล ร่วงลง 0.8% และหุ้นเฮลเมอริช แอนด์ เพน ดิ่งลง 6.7%

   ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 8 พ.ย. ปรับตัวขึ้น 12,000 ราย แตะที่ 290,000 ราย โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 280,000 ราย

   นักลงทุนจับตายอดค้าปลีกสหรัฐประจำเดือนต.ค.ที่กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ซึ่งอาจบ่งบอกได้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ในระบบเศรษฐกิจสหรัฐ

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!