- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 31 October 2014 12:51
- Hits: 2727
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามตลาดภูมิภาคหลังตัวเลข GDP ของสหรัฐฯดีกว่าคาด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3/57 ของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด โดยออกมาโต 3.5% จากที่คาดไว้ 3% ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังเติบโตดีอยู่ จึงส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาที่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ส่วนตลาดบ้านเราก็เริ่มเห็นแรงซื้อกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแรงซื้อเข้ามาทำ long ที่ตลาดฟิวเจอร์มาก อาจเป็นเพราะต่างชาติมองตลาดหุ้นไทยเป็นเทรดดิ้งอยู่ อย่างไรก็ดี ช่วงนี้เป็นช่วงของการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็คงจะออกมาเรื่อย ๆ และคาดหวังว่าจะออกมาดีกว่าคาด อย่าง SCC และ PTTEP ผลประกอบการก็ออกมาดีกว่าคาด
สำหรับ สัปดาห์หน้าก็จะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในส่วนของภาคการผลิตของแต่ละประเทศที่จะประกาศออกมา พร้อมให้แนวรับ 1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(30 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,195.42 จุด พุ่งขึ้น 221.11 จุด(+1.30%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,566.14 จุด เพิ่มขึ้น 16.91 จุด(+0.37%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,994.65 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด(+0.62%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 158.94 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 211.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 21.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.04 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(30 ต.ค.)1,565.35 จุด เพิ่มขึ้น 2.68 จุด(+0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 130.04 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ต.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(30 ต.ค.)ที่ 81.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.08 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(30 ต.ค.)ที่ 5.69 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.53/55 แนวโน้มแข็งค่า หลัง GDP Q3/57 ของสหรัฐฯดีกว่าคาด
- สศค.ปรับเป้าเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือ 1.4% จาก 2% หลังส่งออกร่วงหนัก คาดโตได้เพียง 0.1% ขณะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐได้เพียง 50% แต่ปีหน้าจะขยายตัวได้ 4.1% ด้านนักวิเคราะห์ประเมินผลดีน้ำมันโลกร่วงหนัก คาดราคาลดทุก 10% ดันจีดีพีไทยโตได้ 0.45%
- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงเรื่องที่รัฐบาลจะออก 16 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนว่า หากรัฐบาลสามารถแก้ไขข้อจำกัดเอื้อให้ตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทยได้มากขึ้น และใช้ไทยเป็นศูนย์กลางหรือฮับการค้าในภูมิภาคจะทำให้มีการขยายการลงทุนในไทยอีกมาก
- เอชเอสบีซีเผยนักลงทุนต่างชาติกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต้นปีหน้า แห่ขายหุ้นตลาดเอเชียทำเงินไหลออกมากสุด 5.5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ล่าสุดลดน้ำหนักหุ้น ไทย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-พร้อมให้น้ำหนักลงทุนอินเดีย-อินโดนีเซีย-จีน ชูหุ้น 3 กลุ่มน่าลงทุน แบงก์-สาธารณูปโภค-พลังงาน
- "พาณิชย์" เดินหน้า ดันส่งออก 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ หวังได้ 6.3-6.5 แสนล้านบาทต่อเดือน ทำทั้งปีโตบวกได้ ลั่นเป็นไปได้แน่ หันใช้กลยุทธ์เจาะตลาดใหม่ ทั้งอาเซียน จีน อินเดีย รัสเซีย ตะวันออกกลาง แต่ไม่ทิ้งตลาดเก่า
- กฟผ.ประกาศลงทุนอีกกว่าแสนล้าน กำลังผลิตเกือบ 9 พันเมกะวัตต์ เพิ่มความมั่นคงด้านไฟฟ้าตามแผนพีดีพีฉบับใหม่ เล็งเพิ่มกำลังผลิตป้อนระบบให้ได้มากกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 38% คาดอาจต้องลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเองทั้งหมด
*หุ้นเด่นวันนี้
- SPA(บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป)เริ่มซื้อขายวันนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานปี 2015 ที่ 2.36 บาท โดยคาดว่ากำไรทั้งปีนี้จะทำได้ 32 ล้านบาท -44% Y-Y แต่จะเร่งตัวขึ้นเป็น 71 ล้านบาท +122% Y-Y ในปี 2015
SPA เป็นผู้ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพมานานกว่า 15 ปี และธุรกิจเกี่ยวเนื่องคือ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา และธุรกิจโรงแรมกับร้านอาหารที่เชียงใหม่ ปัจจุบันสปาของบริษัทมี 13 สาขาในกรุงเทพและเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ลูกค้าประมาณ 80% เป็นชาวต่างชาติ ผลการดำเนินงานจึงแปรผันตามภาวะการท่องเที่ยว กำไรในอดีตที่ผ่านมาเติบโตสูงจาก 1 ล้านบาทในปี 2011 เป็น 57 ล้านบาทในปี 2013 แต่ลดลงเหลือ 6 ล้านบาทใน 1H14 จากผลกระทบทางการเมือง
- TUF(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 88 บาท เนื่องจากปี 58 มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยหลักมาจากการเข้าซื้อกิจการ, มาร์จิ้นมีโอกาสดีและเสถียรขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจปลายน้ำ,มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีทั้งด้านสินค้า ที่ตั้งโรงงาน และฐานลูกค้า พร้อมคาดว่ากำไร 3Q57 สูงเป็น 1.8 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 77% y-o-y และ 17% q-o-q
- MINT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 42 บาท คาดกำไรปกติ 3Q14 เติบโตต่อเนื่อง +39% Q-Q, +8% Y-Y จากทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจ แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q14 ต่อเนื่อง 1Q15 จะยิ่งเติบโตโดดเด่นเพราะเป็น High season ของธุรกิจท่องเที่ยว โดยยังคงคาดกำไรปกติปี 2014-15 เติบโต 21.8% ต่อปีเท่ากันทั้ง 2 ปี
- PTTEP(เคทีบี)"เก็งกำไร"เป้า 204 บาท ราคาหุ้น PTTEP ยังมี positive momentum ในอนาคต โดยล่าสุด PTTEP ประกาศผลการดำเนินงานงวด 3Q57 โดยมีกำไรสุทธิ 1.53 หมื่นล้านบาท (สูงกว่าคาดการณ์ของเราที่ระดับ 1.43 หมื่นล้านบาท และคาดการณ์ตลาดที่ระดับ 1.2 หมื่นล้านบาท ณ 10 ต.ค.57) แม้มองว่า 3Q57 จะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอของ PTTEP จากปัจจัยรบกวนหลายประการ แต่ผลการดำเนินงานถือว่ายังน่าพอใจ ส่วนระยะยาวยังเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับจีดีพีสหรัฐโตเกินคาด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาด
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 140.82 จุด เมื่อเวลา 9.01 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,817.14 จุด เพิ่มขึ้น 158.94 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,393.18 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,913.69 จุด เพิ่มขึ้น 211.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,909.34 จุด เพิ่มขึ้น 21.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,963.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,237.35 จุด เพิ่มขึ้น 3.04 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,844.59 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 3/2557 ของสหรัฐขยายตัว 3.5% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 3% หลังจากที่ขยายตัว 4.6% ในไตรมาส 2 และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 9.68 จุด หลังจีดีพีสหรัฐขยายตัวเกินคาด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ขยายตัวเกินคาดในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 9.68 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 6,463.55 จุด
ตลาดปิดในแดนบวก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ปี 2557 ขยายตัว 3.5% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะเติบโตที่อัตรา 3%
การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 ได้รับแรงหนุนสำคัญจากการบริโภคส่วนบุคคล และการลงทุน รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐก็เป็นไปในทิศทางบวก โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 3,000 ราย แตะที่ 287,000 ราย โดยถึงแม้ปรับตัวขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวดี
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: จีดีพีสหรัฐสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.6% ปิดที่ 330.71 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,141.24 จุด เพิ่มขึ้น 30.60 จุด หรือ +0.74% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,114.84 จุด เพิ่มขึ้น 32.03 จุด หรือ +0.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,463.55 จุด เพิ่มขึ้น 9.68 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 3/2557 ของสหรัฐขยายตัว 3.5% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 3% หลังจากที่ขยายตัว 4.6% ในไตรมาส 2 และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้
ข้อมูลดังกล่าวออกมาสอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ รวมถึงผลสำรวจของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 94.5 จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 89.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนต.ค.เคลื่อนไหวในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 87.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
หุ้นเรโนลท์ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.53 พันล้านยูโร สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8.19 พันล้านยูโร ขณะที่หุ้นบาร์เคลย์ส ปรับขึ้น 0.9% และหุ้นเบเยอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.7% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจและผู้บริโภคในยูโรโซนเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นแตะที่ 100.7 จาก 99.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลดลงแตะระดับ 99.7 และนับเป็นสัญญาณล่าสุดว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคอาจจะหลีกเลี่ยงจากการหดตัวกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนนี้ สอดคล้องกับข้อมูลที่มีการเปิดเผยในสัปดาห์ที่แล้ว โดยมาร์กิตเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนเพิ่มขึ้นแตะ 50.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 50.3 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า และดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 221.11 จุด ขานรับ GDP ไตรมาส 3 สหรัฐ
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) ขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,195.42 จุด พุ่งขึ้น 221.11 จุด หรือ +1.30% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,566.14 จุด เพิ่มขึ้น 16.91 จุด หรือ +0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,994.65 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด หรือ +0.62%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาส 3/2557 ของสหรัฐขยายตัว 3.5% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 3% หลังจากที่ขยายตัว 4.6% ในไตรมาส 2 และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 3,000 ราย แตะที่ 287,000 ราย โดยถึงแม้ปรับตัวขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวดี ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 250 ราย แตะที่ระดับ 281,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนวิตกกังวลว่า จีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดนั้นอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมครั้งล่าสุด เฟดยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกก็ตาม โดยในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ประกาศยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพราะเล็งเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานฟื้นตัวดีขึ้น
ตลาดได้รับปัจจัยบวกมากขึ้นหลังจากบริษัทรายใหญ่หลายแห่งได้เปิดเผยผลประกอบการที่สดใส โดยบริษัทวีซ่า อิงค์ เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ในปีงบการเงินของบริษัทออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นวีซ่าปิดทะยานขึ้น 10.24%
หุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 9.40% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 15% แตะที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนบริษัทสตาร์บัคส์ และลิงค์อิน ต่างก็เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย รวมถึงข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนต.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์