- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 28 October 2014 10:47
- Hits: 2577
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวกรอบคบรอผลประชุมเฟด-ตลาดเอเชียไร้ทิศทาง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ ปัจจุบันนักลงทุนยังอยู่ระหว่างรอผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธนี้ โดยวันนี้ยังจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการในหุ้นรายตัวเข้ามาบ้าง
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้านี้ยังไร้ทิศทาง โดยปรับตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบ
พร้อมให้แนวต้าน 1,555 จุด แนวรับ 1,543-1,544 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(27 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,817.94 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด(+0.07%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,485.93 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด(+0.05%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,961.63 จุด ลดลง 2.95 จุด (-0.15%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 25.44 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 46.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 64.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.03 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.02 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(27 ต.ค.)1,547.89 จุด เพิ่มขึ้น 7.98 จุด(+0.52%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,348.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(27 ต.ค.)ที่ 81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(27 ต.ค.)ที่ 4.59 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.41/43 ทรงตัว-รอดูผลประชุมเฟด
- "ประยุทธ์" เผยรัฐบาลเตรียมแผนรับมือเศรษฐกิจปีหน้า รับเป็นห่วงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัว ด้านคลังเตรียมเปิดแผนกระตุ้นรอบใหม่ในเดือนธ.ค.นี้ รอประเมินผลในรอบแรก ส่วน สศค.เตรียมหั่นจีดีพีปีนี้ 30 ต.ค.นี้ ขณะภาคเอกชนหวังภาครัฐเดินหน้าลงทุน สร้างบรรยากาศลงทุน-ความเชื่อมั่นชี้หวังส่งออกยาก
- กรมสรรพสามิตแจงผลพวงโครงการรถคันแรก "เรียกเงินคืน-ผิดเงื่อนไขโครงการ" 4.5 พันราย ยื่นฟ้องร้องกว่า 300 ราย ประธานสมาคมเช่าซื้อรับตลาดเช่าซื้อไม่ดี พร้อมคุมเข้มให้สินเชื่อ เผยรถยึดค้างสต็อก 1.4 หมื่นคัน หวังตลาดรถปีหน้าฟื้นจากแรงกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ สถาบันการเงินหันเช่าพื้นที่เปิดประมูลรถยึด
- นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศพ.ศ. 2559-2579 ว่า จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินขึ้นมาเป็น 30% จากปัจจุบัน 20% โดยจะมีทั้งการผลิตในประเทศและรับซื้อไฟฟ้า
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้เกิน 1.5% แม้ว่าการส่งออกจะไม่ขยายตัวเลย หรือติดลบ เพราะเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือจะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดี มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นนอกจากนี้การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวตขณะนี้ก็ขยายตัวได้ดี แสดงว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีขึ้นแล้ว
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานข้อมูลหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินทั้งระบบ ล่าสุดณ สิ้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า มียอดคงค้างทั้งสิ้น 2.90 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.52% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 1.09 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.93% เทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ที่มี 2.78 แสนล้านบาท หรือ 2.46% ของสินเชื่อรวม
*หุ้นเด่นวันนี้
- HMPRO(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 10.70 บาท รายงานกำไรสุทธิ Q3/57 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย -3% Q-Q, +6% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาดและดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น แต่ยอดขายสาขาเดิมเติบโต 4-5% Y-Y โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม แนวโน้มกำไรใน Q4/57 จะเป็นจุดสูงสุดของปีเพราะมีงาน Expo เดือน พ.ย.และเปิดสาขาอีก 3 แห่ง โดยยังคาดกำไรปี 57-58 โต 7% Y-Y และ 19% Y-Y
- GUNKUL(ฟินันเซีย ไซรัส)"หาจังหวะซื้ออ่อนตัว"เป้า 22 บาท เป็นหุ้นเด่นที่แนะนำในกลุ่มพลังงานทดแทน แม้ว่ากำไรใน 3Q14 จะชะลอตามฤดูกาล แต่ศักยภาพในอนาคตยังสดใสจากตลาดโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 1,400MW ที่รออยู่ในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของงานค้างท่อ 576MW คาดว่าจะรู้ผลต้น พ.ย. นี้ โดยเชื่อว่าบริษัทมีโอกาสสูงที่จะได้รับงานเพิ่มเติม
- STPI(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 26 บาท คาดกำไร 3Q57 จะดีขึ้น 683 ล้านบาท (+21%QoQ, +87%YoY) แต่ต่ำกว่าที่คาดก่อนหน้านี้จะมีกำไรเกิน 1 พันล้านบาท เนื่องจากการการเจรจาค่าเร่งงาน 70-100 ล้านเหรียญ คาดจะได้ข้อยุติใน 4Q57 ซึ่งจะทำให้กำไรพุ่งขึ้นมากกว่า 1 พันล้านบาท คาดกำไรในปี 57-58 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 3 พันล้านบาท, อยู่ระหว่างประมูลงาน Module แยกก๊าซ LNG หลายโครงการ คาดได้งานเพิ่ม 2-3 หมื่นล้านบาทต้นปี 58, กำลังเจรจาเช่าพื้นที่หน้าท่าเพิ่มทำให้มีศักยภาพได้งานขนาดใหญ่ขึ้นและต่อเนื่องมากขึ้นหนุนการเติบโตในอนาคต
- DELTA(เคทีบี)"เก็งกำไร"โดย 70.40 รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q57 ออกมาที่ระดับ 1,946 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าคาดการณ์ของตลาด
ตลาดหุ้นเอเชียขยับลงเช้านี้ ขณะจับตาการประชุมเฟด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ขยับลง 0.1% สู่ระดับ 138.22 จุด เมื่อเวลา 9.02 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,363.28 จุด ลดลง 25.44 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,294.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,189.83 จุด เพิ่มขึ้น 46.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,692.52 จุด เพิ่มขึ้น 64.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,935.46 จุด เพิ่มขึ้น 3.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,221.08 จุด ลดลง 5.03 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,823.13 จุด ลดลง 0.02 จุด
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะประกาศการสิ้นสุดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE ในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่าหากเฟดตัดสินใจยุติโครงการ QE ก็อาจจะส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดผันผวนอย่างหนัก หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้ช่วยกระตุ้นให้ตลาดทะยานขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 25.27 จุด หลังหุ้นแบงก์ร่วง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) เนื่องจากผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารในยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีในเดือนต.ค.ปรับตัวย่ำแย่ลง
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 25.27 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 6,363.46 จุด
หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลง 1.8% นำหุ้นกลุ่มธนาคารอ่อนแรงลง เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารอาจจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้งหลังจากที่ธนาคารผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศเมื่อวานนี้ว่า มีธนาคารพาณิชย์ 25 แห่งในยูโรโซนที่ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) หรือการทดสอบความสามารถในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสถาบัน Ifo ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี ลดลงแตะที่ 103.2 ในเดือนต.ค. จากระดับ 104.7 ในเดือนก.ย. ซึ่งปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และยังเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 2555
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นธนาคารอิตาลีร่วงหนัก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลี หลังจากมีรายงานว่าธนาคารพาณิชย์ของอิตาลีหลายแห่งไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 325.1 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,902.61 จุด ลดลง 85.19 จุด หรือ -0.95% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,096.74 จุด ลดลง 32.16 จุด หรือ -0.78% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,363.46 จุด ลดลง 25.27 จุด หรือ -0.40%
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลี หลังจากมีรายงานว่าในบรรดาธนาคารพาณิชย์ 25 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤตครั้งล่าสุดนั้น มีธนาคารของอิตาลีอยู่ในจำนวนนี้มากที่สุด ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นธนาคาร Banca Carige SpA ร่วงลง 17% และหุ้นธนาคาร Banca Popolare di Milano Scarl ดิ่งลง 4.4% ส่วนหุ้นธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena ร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน
ทั้งนี้ อีซีบีประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มีธนาคารพาณิชย์ 25 แห่งในยูโรโซนที่ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) หรือการทดสอบความสามารถในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
รายงานของอีซีบีระบุว่า ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 25 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤตนี้ มีฐานเงินทุนต่ำกว่าข้อกำหนดของอีซีบีที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านยูโร โดยอีซีบีได้ทำการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ทั้งสิ้น 130 แห่ง รวมทั้งทดสอบความยืดหยุ่นในระยะยาวและสถานะเงินทุน ณ สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2556
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนั้น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. แตะที่ระดับ 105 โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ถึงการขยายตัว
ขณะที่ ผลการสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวในระดับที่ชะลอตัวลงในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยแตะที่รับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการในเบื้องต้นปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 57.3 ในเดือนต.ค. จากระดับ 58.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 12.53 จุด ตลาดจับตาการประชุมเฟด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงทวิตเตอร์ และยอดการทำสัญญาขายบ้านของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนตัวอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,817.94 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,485.93 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,961.63 จุด ลดลง 2.95 จุด หรือ -0.15%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทบางแห่ง รวมถึงทวิตเตอร์ซึ่งเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 361 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 351 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. แตะที่ระดับ 105 โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ถึงการขยายตัว
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนได้เข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะประกาศการสิ้นสุดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE ในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่าหากเฟดตัดสินใจยุติโครงการ QE ก็อาจจะส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดผันผวนอย่างหนัก หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้ช่วยกระตุ้นให้ตลาดทะยานขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันจากกลุ่มนอกภูมิภาคอเมริกาเหนือ รวมถึงบราซิลและอาเซอร์ไบจัน จะมีอยู่มากเกินไปในปี 2558 ซึ่งรายงานดังกล่าวได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง และยังได้ฉุดราคาหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 6.1% หุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน ร่วงลง 4.6% และหุ้นเนเบอร์ส ปรับตัวลง 6.7%
หุ้นเมอร์ก ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิปรับตัวลงสู่ระดับ 895 ล้านดอลลาร์ หรือ 31 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ จากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่ระดับ 1.12 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. จากนั้นในเวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยราคาบ้านเดือนส.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ และในเวลา 21.00 น. คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.
อินโฟเควสท์