WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้คาด SET Index Sideway ในกรอบ หลังนายทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นต่อการเจรจากับจีนช่วงต้นเดือนหน้าจะมีความชัดเจนขึ้น หนุนให้เกิด Sentiment บวกใน ตปท. อย่างไรก็ดี จะถูกลดทอนด้วยปัจจัยในประเทศหลัง กนง.ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%ต่อปี พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ลง  ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่1,620-1,635 จุด
•    Market Factor
•    (+) การเจรจาการค้าได้รับ Sentiment  เชิงบวกหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯ สามารถตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาด อย่างไรก็ดีจับตาการเจรจาการค้าอีกครั้งในช่วงต้นเดือน ต.ค.
•    (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับลง 1.4%DoD และ 1.1%DoD ตามลำดับ หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้น 2.412 ล้านบาร์เรลสวนทางกับตลาดที่คาด -0.249 ล้านบาร์เรล
•    (-) กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัว 2.8% (จากเดิมคาด 3.3%) และคาดมูลค่าส่งออกปีนี้ติดลบ 1% จากผลกระทบการค้าโลกที่ชะลอตัว (เดลินิวส์)  
•    (-) กรมการค้าต่างประเทศ เผยการค้าชายแดนและผ่านแดนในช่วง ม.ค.-ส.ค.62 โตชะลอตัว จากผลกระทบปัญหาของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยืดเยื้อ โดยช่วง 8 เดือนแรก มีมูลค่ารวม 915,517.39 ลบ. ขยายตัว 0.07% YoY  โดยที่ส่วนการส่งออกมีมูลค่า  509,045.79 ลบ. ลดลง 1.65%YoY การ (อินโฟเควสท์)
•    Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.02 บาท หรือลดลง 14.0%YTD
•    Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 176.19 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 9,055.01 ลบ.(ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 7,094.36 ลบ.)
•    Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้ เราประเมิน SET Index ซึมลงต่อในกรอบ 1,610-1,640 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่จากต่างประเทศ และนักลงทุนกำลังติดตามการเจรจา Trade war สหรัฐฯ-จีนในช่วงต้นเดือนต.ค. ขณะที่มุมมองในประเทศยังคงขาดปัจจัยบวกหลังธปท.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปรับลด GDP ของไทยลง ดังนั้นในช่วงที่ตลาดย่อตัว เราแนะนำให้นักลงทุนทยอยเก็บหุ้น 4 กลุ่มดังนี้
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง  2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือนส.ค. โต 15.6%YoY)
•    กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
•    กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา,  Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆเพิ่ม)
•    หุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วมในภาคเหนือ/อีสาน: เราเลือก DOHOME, GLOBAL, DCC
    25-Sep-19    Change (pts.)    24-Sep-19
SET Index    1,628.38    -2.12    1,630.50
SET50 Index    1,081.53    -3.03    1,084.56
SET100 Index    2,382.80    -4.78    2,387.58
 
High    1,630.56    Gainers    575
Low    1,621.63    Unchanged    573
Value (Bt m)    44,862.50    Losers    828
Volume (*000)    16,288,153         
Market Valuation
SET Data    2019F    2020F    Long Term
Fwd PER (x)    16.4    14.8    14.8
EPS Growth (%)    13.9    9.3    -1.0
EV/EBITDA (x)    11.9    10.9    10.4
FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6
Dividend Yield (%)    3.1    3.4    3.6
ROE    10.6    10.9    11.0
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    25-Sep-19    WTD    MTD    YTD
Institution    200.21    (294.93)    (6,195.76)    26,222.88
Proprietary    (829.43)    (1,914.57)    1,960.65    9,369.28
Foreign     (176.19)    (2,701.73)    (9,055.02)    (2,626.07)
Individual    805.41    4,911.23    13,290.13    (32,966.09)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!