WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET67ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวจากหลายปัจจัยตปท.ถ่วง ขณะที่ในปท.คาดหวังต่างชาติชะลอขายช่วยหนุน
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งตัว โดยดัชนีฯจะย่อตัวลงก่อนแล้วค่อยเด้งขึ้น ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน แต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ติดลบกว่า 100 จุด หลังจากที่เกิดพายุสร้างความเสียหาย ซึ่งทำให้ต้องมีการเคลมประกัน และการปรับขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐและจีนเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ตามแผนที่ประกาศก่อนหน้านี้
รวมถึงยังต้องติดตามกรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งมีทางเลือก 2 ทาง คือ การออกโดยไร้ข้อตกลง ซึ่งหากเลือกอันนี้ก็จะมีความเสียหายมาก อีกทางเลือกคือให้เลือกตั้งใหม่แล้วยืดเวลา Brexit ออกไป ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ อย่างไรก็ดียังต้องติดตามดูสถานการณ์ต่อไป
นอกจากนี้ เรื่องการประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน (Capital Controls) ของอาร์เจนติน่า ก็ยังต้องติดตามดูต่อไป เพราะหากเงินเปโซปรับตัวลงมาก ก็จะกระทบต่อภูมิภาคที่ค่าเงินอาจจะต้องปรับตัวลงด้วย ซึ่งตอนนี้พึ่งเริ่มการเจรจาจึงต้องรอดูต่อไป พร้อมให้ติดตามตัวเลขภาคการผลิตของประเทศสำคัญ ๆ
 
ส่วนบ้านเราขณะนี้เริ่มมองว่านักลงทุนต่างชาติอาจจะชะลอขาย เนื่องจากจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนก.ย. ก็น่าจะทำให้โมเมนตัมตลาดฯเป็นบวกได้
 
พร้อมให้แนวรับ 1,645-1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660-1,666 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวานนี้ (2 ก.ย.) เนื่องในวันแรงงาน
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 38.61 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.83 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 80.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 5.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.64 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.ย.62) 1,654.11 จุด ลดลง 0.81 จุด (-0.05%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,124.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2562
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการปิดทำการวานนี้ (2 ก.ย.) เนื่องในวันแรงงาน
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.ย.) อยู่ที่ 5.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.64 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 30.60-30.70 ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ จับตาสงครามการค้า-Brexit
- "พาณิชย์" เผยเงินเฟ้อทั่วไป ส.ค. โต 0.52% ชะลอลงจากเดือนก่อน ผลจากราคาน้ำมันดิ่งต่อเนื่อง คาดทั้งปีโตไม่เกิน 0.9% ด้าน ธปท. ยอมรับขยายตัวต่ำคาด ทั้งปีส่อโตไม่ถึง 1% ขณะนักเศรษฐศาสตร์ มั่นใจยังไม่ใช่ภาวะเงินฝืด แต่ห่วงเงินเฟ้อต่ำนาน ฉุดเศรษฐกิจฝืดเคือง เหตุคนไม่มีแรงจูงใจใช้จ่ายลงทุน
 
- "ศักดิ์สยาม" ชงนายกฯ ขยายเวลาสัญญา 2.3 รถไฟไทย-จีน ไปถึงปลายปี พร้อมเร่ง รฟท. เจรจาเคลียร์ร่างสัญญา 12 ข้อ ที่อัยการท้วงติงให้ยุติก่อน พ.ย. เพื่อนำหารือกับนายกฯ จีน ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ขีดเส้น ก.ย. ประมูลงานโยธาครบ 14 สัญญา ส่วนไฮสปีด 3 สนามบิน รอซีพีตอบ 9 ก.ย. คาดเซ็นสัญญาได้ภายใน ก.ย.นี้
 
- กสทช.วางไทม์ไลน์ประมูล '5จี' เล็งเว้นระยะ จ่ายค่าต๋ง 3 ปี  เปิดทางโอเปอเรเตอร์ทุ่มลงทุนขยายเครือข่าย
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงการประเมินผลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกว่า 3 แสนล้านบาทว่า ต้องดูใน 2 ส่วน คือ ดูเป็นรายมาตรการว่ามีผู้เข้าร่วมเท่าใด อาทิ ท่องเที่ยวตั้งเป้าหมาย 10 ล้านคน ต้องดูว่าจะมาลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการเท่าไหร่ และมีการใช้เงินเพิ่มนอกเหนือจากที่รัฐบาลแจกให้ 1 พันบาทต่อคนเท่าใด หลังจากจบมาตรการเดือนพฤศจิกายน จะสามารถประเมินได้ทันที ส่วนกรณีใส่เงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการนั้น พบว่าได้ผลดีประชาชนที่ได้รับเงินกดเงินมาใช้จ่ายทันที ส่วนมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ประสบภัยแล้ง มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี สินเชื่อผ่านสถาบันการเงินของรัฐ (แบงก์รัฐ) วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท จะประเมินโดยดูว่ามีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวนเท่าใด เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้หรือไม่
 
- จับตากรมราง คลอดมาตรการลดราคาตั๋วรถไฟฟ้า 6 ก.ย.นี้ ฟุ้งคนใช้รถไฟฟ้าซื้อตั๋วครบ 1.5 หมื่นบาทใช้ลดหย่อนภาษีได้ คมนาคมจี้หน่วยงานเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 62 มั่นใจสิ้นเดือน ก.ย.นี้เบิกจ่ายได้ตามเป้า
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ครม.ประชุมวันนี้อาจพิจารณามาตรการกระตุ้นการลงทุนซึ่งเป็นบวกต่อธุรกิจของบริษัทโดยตรง เร่งการตัดสินใจย้ายฐานผลิตของนักลงทุนจีนและชาติอื่น ด้านผู้บริหารมั่นใจเป้าขายปีนี้ 925 ไร่ โดย 1H62 ขายได้ 294 ไร่ (70% เป็นชาวจีน) เพราะมีลูกค้าที่แสดงความสนใจรวมแล้วหลายร้อยถึงพันไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก เป็นต้น โดยยังคงคาดกำไรปีนี้โต +38% เป็น 1.6 พันล้านบาท
 
- CKP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า สูงสุด Bloomberg Consensus 6.7 บาท เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากฝนตกหนัก เพราะมีรายได้หลักมาจากการผลิตไฟฟ้าเขื่อนพลังน้ำ ด้านผลประกอบการคาดกำไรสุทธิจะทยอยเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ Q3/62 ซึ่งเป็นไฮซีซั่น และ Q4/62 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีในประเทศลาวเข้ามาเป็นไตรมาสแรก ซึ่งบริษัทจะเริ่ม COD อย่างเป็นทางการในเดือน ต.ค.62 เป็นต้นไป
 
- BCH (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 21 บาท แนวโน้มผลประกอบการ H2/62 จะเร่งตัวดีขึ้น โดยในช่วง Q3/62 คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโรงพยาบาล ขณะที่ รพ.World Medical Center (WMC) จะเติบโตแข็งแกร่งจากการกลับมาของกลุ่มลูกค้าชาวตะวันออกกลาง หลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลถือศีลอด และการย้ายศูนย์โรคเบาหวานจากชั้น 9 มายังชั้นล่างได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หนุนให้ลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับ ช่วงปลาย Q3/62 ยังเตรียมเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ขณะที่ รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง จะ Break even เร็วกว่าที่คาด โดยคาดว่า EBITDA จะเริ่มเป็นบวกในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้รายได้ตกเบิกจากโครงการประกันสังคมอีกราว 50-60 ล้านบาท (หักต้นทุนแล้ว) ประกอบกับคาดว่าจำนวนผู้มาขอโควตาประกันสังคมในปีนี้จะโตราว 10% โดยทั้งปี 62 คาดกำไรราว 1,179 ล้านบาท +8.2%YoY
 
--อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!