- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 20 May 2014 10:29
- Hits: 3377
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลงช่วงสั้นหลังประกาศกฎอัยการศึก/การเมืองยังไม่จบ
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวลงในช่วงสั้นแต่คงไม่มาก ภายหลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย มองว่านักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุน เพราะเกรงจะมีสถานการณ์รุนแรง แต่หากมองในเชิงการเมืองก็น่าจะใกล้คลี่คลายแล้ว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการให้ชัดเจนก่อน ดังนั้น มองว่าการเมืองยังเป็นปัญหาอยู่ อาจคลี่คลายเร็วขึ้นแต่ก็ยังไม่จบ การออกมาประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นเท่านั้น
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ปัจจัยนอกประเทศยังมีมีประเด็นสำคัญ
พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,415-1,420 จุด แนะนำนักลงทุนเล่นเทรดดิ้งหากราคาหุ้นอ่อนตัวลง และควรจะเลือกเล่นเป็นรายตัว โดยขณะนี้เงินบาทอ่อนค่าก็จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์, กลุ่มเกษตร และกลุ่มอาหาร
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(19 พ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,511.86 จุด เพิ่มขึ้น 20.55 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,885.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.22 จุด(+0.38%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,125.82 จุด เพิ่มขึ้น 35.23 จุด(+0.86%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 82.01 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 53.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 3.29 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 22.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.94 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.93 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(19 พ.ค.) ที่ 1,410.63 จุด เพิ่มขึ้น 5.37 จุด(+0.38%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 532.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พ.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(19 พ.ค.)ที่ 102.61 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 59 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(19 พ.ค.)ที่ 5.75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดที่ 32.64/66 อ่อนค่าสวนทางภูมิภาค หลังประกาศใช้กฎอัยการศึก
- พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก อ่านแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์เช้านี้ เพื่อประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่เวลา 03.00 น.ของวันที่ 20 พ.ค.57
- สศช.ปรับลดเป้าจีดีพีเหลือ 1.5-2.5% จาก 3-4% หลังไตรมาสแรกติดลบ 0.6% เหตุการเมืองยืดเยื้อกระทบลงทุนภาครัฐ-เอกชน-ท่องเที่ยว ด้านธปท.คาดไตรมาส 2 ฟื้นตัว ขณะที่นักวิเคราะห์-เอกชน ระบุตัวเลขเกินคาด"ทีดีอาร์ไอ"ห่วงคนตกงานแตะ 4.5 แสนคน
- "ทูตพาณิชย์"ประสานเสียงยืนยันเป้าหมายการส่งออกรายตลาด มั่นใจทั้งปีขยายตัวได้ตามเป้า 5% เผยคู่ค้าลุ้นการเมืองไทยหวังจบเร็วเดินหน้าประเทศได้ ชี้การเมืองยืดเยื้อฉุดส่งออกฟื้นไม่ทัน
- วงถก"ส.ว.-รัฐบาล"หาทางออกประเทศเหลว"นิวัฒน์ธำรง"ลั่นเดินหน้าเลือกตั้ง-ปัดลาออกอ้างขัดรัฐธรรมนูญ หวั่นเจอข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่วุฒิประชุมนอกรอบปรับยุทธศาสตร์ ขู่รัฐบาลไม่ร่วมมือเตรียมงัดแผน 2-3 มาใช้ มั่นใจได้ข้อยุติสัปดาห์นี้"เดชอุดม"แย้มศึกษาให้ประธานองคมนตรีรับสนองฯบางเรื่องแทนนายกฯ
- นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า หากมีความจำเป็นในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับว่ามีความจำเป็นต้องตั้งนายกฯ ในขณะนี้หรือไม่
- กสิกรไทยชี้การเมืองยื้อต่างชาติชะลอ ลงทุน คาดไตรมาส 3 ไทยอาจถูกหั่นเรทติ้งลง หลังความเสี่ยงเริ่มสูงกว่าประเทศกลุ่ม BBB ขณะเดียวกันการเมืองยังกดราคาสินทรัพย์และค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แม้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าหาก ยุโรปเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาด สิ้นปีเงินบาทอยู่ที่ 33-33.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ 2%
- คลังเผยรายได้รัฐบาลในช่วง 7 เดือนแรกปี 57 จัดเก็บได้ 1 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการกว่า 3.2 หมื่นล้าน ระบุปัจจัยการเมืองยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้จ่ายในประเทศ ประกอบกับภาคการค้าระหว่างประเทศที่ยังคงหดตัว ทำให้การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เผยหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน มี.ค.57 มีจำนวน 5.55 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 46.07% ของจีดีพี เพิ่มขึ้น 3,874 ล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า โดยหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 1.35 หมื่นล้านบาท แต่หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน)และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐลดลง 7,478 ล้านบาท 1,239 และ 940 ล้านบาท ตามลำดับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- TICON-T2(ใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้(TSR)ของบมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)เริ่มซื้อขายวันที่ 20-28 พ.ค.57 จำนวน 182,757,024 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบแสดงสิทธิ:1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาใช้สิทธิ 15.00 บาท อายุ 52 วัน (วันที่ 7 พ.ค.-27 มิ.ย.57)ราคาใบแสดงสิทธิ 0.00 บาท กำหนดวันใช้สิทธิ 27 มิ.ย.57
- ITD(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.70 บาท แม้ในระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกชัดเจน แต่เริ่มมองราคาหุ้นมี Downside Risk จำกัด จากที่ล่าสุดซื้อขายที่ P/BV เพียง 1.35 เท่า ต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่โอกาสทางธุรกิจระยะกลาง-ยาวจากการเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของกลุ่มรับเหมาฯทำให้เชื่อว่าหลังวิกฤติทางการเมืองผ่านไป และการประมูลงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่กลับมาเห็นเป็นรูปธรรมอีกครั้งจะเป็นปัจจัยบวกต่อโอกาสรับงานในอนาคต
- TUF(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 70 บาท คาดการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานชัดเจนในปี 57 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายที่ 4 พันล้านดอลลาร์และอัตรากำไรขั้นต้น 14% เป็นอย่างน้อย มองว่ามีความเป็นไปได้หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นในสินค้าปลาทูน่าและกุ้งตั้งแต่ใน 2H56 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 13% และ 11% จาก 12% และ 5% ตามลำดับใน 1H56 ขณะที่ US Pet Nutrition คาดคุ้มทุนกลางปี ประเมินกำไรสุทธิปี 57 ที่ 5.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% YoY
- CK(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 20 บาท กำไรปกติ 1Q14 ฟื้นตัวแรงที่สุดในกลุ่ม +59% Q-Q, +27% Y-Y ตามคาด และคิดเป็น 42% ของคาดการณ์กำไรปกติทั้งปีที่ 877 ล้านบาท ลดลง 5% Y-Y ยังคงไว้เพราะแนวโน้ม BMCL(CK ถือ 30.2%)และบจ.ไซยะบุรีพาวเวอร์(ถือ 30%)คาดว่าจะขาดทุนในช่วงที่เหลือของปี
- MATCH(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"ราคาเหมาะสม 3.76 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตได้ประโยชน์ทั้งโดยตรงและทางอ้อมจากยุคทีวีดิจิตอลส่งผลบวกต่อการรับผลิตรายการ และธุรกิจบริการให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำที่มีคู่แข่งขันน้อยราย ผลักดันกำไร 3 ปีโตเฉลี่ย(CAGR)สูงถึงปีละ 16% และมีจุดเด่นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 38% พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 57 จะโต +13.2% yoy ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash Company และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยราว 4% ต่อปี
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังหุ้นไอทีบวก-หุ้นอุตสาหกรรมร่วง
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศปรับตัวขึ้น แต่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหดตัวลง
ดัชนี MSCI Asia Pacific เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยที่ระดับ 139.32 จุด เมื่อเวลา 9.29 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 14,088.45 จุด เพิ่มขึ้น 82.01 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,011.85 จุด เพิ่มขึ้น 6.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,758.02 จุด เพิ่มขึ้น 53.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,011.85 จุด ลดลง 3.29 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,922.08 จุด เพิ่มขึ้น 22.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,260.49 จุด ลดลง 1.94 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,886.14 จุด ลดลง 0.93 จุด
หุ้นยาฮู เจแปน คอร์ป ทะยาน 14% ขณะที่หุ้นซูมิโตโม เมทัล ไมนิ่ง บวก 4.3%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 11.26 จุด หลังหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าร่วงหนัก
ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจากหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าดิ่งหนักกว่า 10% หลังบริษัทปฏิเสธข้อเสนอเทคโอเวอร์ครั้งใหม่จากไฟเซอร์ อิงค์
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 11.26 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 6,844.55 จุด
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าร่วงลง 11% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี หลังบริษัทผู้ผลิตยาของอังกฤษปฏิเสธข้อเสนอเทคโอเวอร์ที่ให้ราคาสูงขึ้นของไฟเซอร์ โดยระบุว่าข้อเสนอใหม่ของไฟเซอร์ที่ 6.94 หมื่นล้านปอนด์นั้นยังต่ำเกินไป
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวดีดตัวขึ้น 0.8% หลังร่วงถึง 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นำโดยหุ้นอีซี่เจ็ทที่พุ่งขึ้น 4.7% ขณะที่หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดต แอร์ไลนส์ (ไอเอจี) บวก 3.5%
หุ้นไรอันแอร์ โฮลดิงส์ พุ่ง 11% หลังบริษัทประกาศว่าจะจ่ายเงินปันผลพิเศษในไตรมาสสี่ของปีนี้
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ไรท์มูฟเผยราคาบ้านอังกฤษแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนพ.ค. โดยเพิ่มขึ้น 3.6% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากอุปสงค์ยังคงมีมากกว่าอุปทาน ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงหนุนให้ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นต่อไปจนกว่าอุปทานบ้านจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ โดยเฉพาะในลอนดอน
มาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า ราคาบ้านที่ทะยานขึ้นถือเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ และเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายอาจดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หากจำเป็น
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปขยับลงเล็กน้อย หลังหุ้นแอสทราเซเนการ่วง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) ขณะที่การทะยานขึ้นของหุ้นไรอันแอร์ โฮลดิงส์ ได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นแอสทราเซเนกาได้บ้าง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 338.61 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,659.39 จุด เพิ่มขึ้น 30.29 จุด, +0.31% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,469.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.48 จุด, +0.30% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,844.55 จุด ลดลง 11.26 จุด, -0.16%
ตลาดได้รับแรงกดดันจากหุ้นแอสทราเซเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ร่วงลง 11% หลังจากบริษัทปฏิเสธข้อเสนอกิจการในขั้นสุดท้ายจากบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของสหรัฐ โดยระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าต่ำเกินไป
ไฟเซอร์ได้เสนอซื้อกิจการแอสทราเซเนการอบใหม่ที่ 55 ปอนด์ (92 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากข้อเสนอก่อนหน้านี้ โดยมูลค่าการเสนอซื้อแอสทราเซเนกาในขั้นสุดท้ายอยู่ที่ราว 6.9 หมื่นล้านปอนด์ (1.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดผิดหวังกับข่าวการควบรวมกิจการในภาคธุรกิจเวชภัณฑ์ หลังแอสทราเซเนกาปฏิเสธข้อเสนอของไฟเซอร์ ขณะที่ไม่มีแนวโน้มว่าไฟเซอร์จะดำเนินความพยายามซื้อกิจการของแอสทราเซเนกาอีกครั้ง
ส่วนหุ้นไรอันแอร์พุ่งขึ้น 11% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าผลกำไรหลังหักภาษีในปีที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค.2558 จะเพิ่มขึ้นมากถึง 19%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : หุ้นเทคโนโลยีนำดาวโจนส์ปิดบวก 20.55 จุด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) หลังจากปรับผันผวนในช่วงแคบๆในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดทะยานขึ้น ซึ่งเป็นผลจากแรงซื้อชดเชย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 20.55 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 16,511.86 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 7.22 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 1,885.08 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 35.23 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 4,125.82 จุด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเปิดทำการแทบไม่เปลี่ยนแปลงก่อนจะมีการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่ไม่มีปัจจัยกระตุ้นสำคัญๆที่จะมากำหนดทิศทางของตลาด เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐเมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อมาตลาดได้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อระลอกใหม่ในหุ้นกลุ่มที่มีแรงผลักดันและหุ้นกลุ่มทุนจดทะเบียนต่ำ ซึ่งได้มีการปรับฐานรุนแรงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ส่วนข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการที่ออกมาแตกต่างกัน ไม่ได้ช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวในช่วงขาขึ้นมากนัก
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บริษัทเอที แอนด์ ทีได้ตกลงซื้อกิจการบริษัทไดเร็ค ทีวี ซึ่งเป็นบริษัททีวีผ่านดาวเทียมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ที่ระดับ 95 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 4.85 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยอิงกับราคาปิดตลาดของหุ้นเอที แอนด์ ทีเมื่อวันศุกร์ แถลงการณ์ร่วมระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบอร์ดผู้บริหารของทั้งสองบริษัท
ขณะเดียวกัน บริษัทแอสทราเซเนกา ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ได้ปฏิเสธข้อเสนอกิจการในขั้นสุดท้ายจากบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของสหรัฐ โดยระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าต่ำเกินไป ทั้งนี้ ไฟเซอร์ได้เสนอซื้อกิจการของแอสทราเซเนการอบใหม่ที่ 55 ปอนด์ (92 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากข้อเสนอก่อนหน้านี้ โดยมูลค่าการเสนอซื้อแอสทราเซเนกาในขั้นสุดท้ายอยู่ที่ราว 6.9 หมื่นล้านปอนด์ (1.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่หุ้นของไฟเซอร์ปรับขึ้น 0.55%
อินโฟเควสท์