- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 26 August 2019 10:28
- Hits: 3219
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีฯเช้านี้ร่วงตามตลาดหุ้นทั่วโลก เผชิญสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนทวีความรุนแรงมากขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะกระโดดลง ตามตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ปรับตัวลงกันทั่วหน้า ตามดาวโจนส์ รับผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการใช้มาตรการภาษีตอบโต้กันไปมา ทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้น
อนึ่ง สภาแห่งรัฐของจีน ซึ่งเป็นคณะรัฐมนตรีจีน แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 5-10% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. โดยสินค้าดังกล่าวรวมถึงถั่วเหลือง อาหารทะเล ผักผลไม้ และน้ำมันดิบ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็ประกาศว่า สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 30% จาก 25% ในปัจจุบัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ ยังได้ประกาศปรับขึ้นภาษีที่ได้วางแผนไว้สำหรับสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 15% จาก 10% ด้วย โดยจะเริ่มเก็บภาษีผลิตภัณฑ์บางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. และเลื่อนการเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวราวครึ่งหนึ่งไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.
อย่างไรก็ดีนายอภิชติ มองว่าตลาดบ้านเราน่าจะปรับตัวลงไม่แรงมาก เนื่องจากมีปัจจัยในประเทศอย่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคอยช่วยหนุนอยู่ และตลาดหุ้นไทยก็ยังจัดเป็นตลาด Defensive ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,625 ถัดไป 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635-1,640 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ส.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,628.90 จุด ร่วงลง 623.34 จุด (-2.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,847.11 จุด ร่วง 75.84 จุด (-2.59%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,751.77 จุด ร่วง 239.62 จุด (-3.00%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 385.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 46.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 857.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 84.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 32.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 43.86 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 11.05 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 62.37 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ส.ค.62) 1,646.68 จุด เพิ่มขึ้น 13.12 จุด (+0.80%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,521.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ส.ค.62) ปิดที่ 54.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.18 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ส.ค.) อยู่ที่ 4.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.69 ตลาดกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนรอบใหม่
- นักเศรษฐศาสตร์ เตือนรับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย "ธปท."ห่วงบริโภคครึ่งปีหลังชะลอ ชี้ปัญหาการค้าโลกลากยาวถึงปีหน้า "อีไอซี" หวั่นภาคการผลิต โลกซบเซา ฉุดเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหลักทรพย์มั่นใจหุ้นไทยมีสตอรี่ดึงทุนนอก สศช.ห่วงเศรษฐกิจถดถอยลามทั่วโลก "พาณิชย์" ตั้งวอร์รูมรับมือสงครามการค้า
- "ศักดิ์สยาม" สั่ง รฟม. ปรับแผนรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันตก 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเฟสเพื่อลดวงเงินให้สอดคล้องกรอบเพดานเงินผูกพันปี 63 ส่วนที่เหลือ ขอผูกพันปี 64 ต่อเนื่อง "ผู้ว่าฯ รฟม." รับนโยบาย ประสาน สคร.หาแนวทางเร่งชง ครม.
- สศค.หนุนตั้งกองทุนหุ้นยั่งยืน เตรียมสรุปเสนอระดับนโยบายเร็วๆ นี้ หวังจัดตั้งให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ก่อนที่กองทุนแอลทีเอฟจะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีต้นปีหน้า เบื้องต้นจะเสนอวงเงินลงทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ระยะเวลา 7 ปี จำนวนไม่เกิน 2.5 แสนบาท และ ไม่เกิน 30% ของรายได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 19 บาท มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วและจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ Q3/62 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมเพราะบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่ารักษาจากส่วนนี้มานานแล้ว (ขึ้นครั้งสุดท้ายคือ ก.ค.ปี 2560)
- AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 28 บาท กำไรครึ่งปีแรก 693 ล้านบาท +15% Y-Y คิดเป็น 41% ของทั้งปีที่คาดโต 38% และยังมี Backlog 3.75 พันล้านบาท รองรับรายได้กว่า 1 ปี ขณะที่ยอดขายที่ดินที่ระยองและอมตะไทยไชนีสเป็นที่ต้องการสูง บริษัทจึงคงเป้าขายที่ดินในไทย 950 ไร่ โดย 1H62 ขายไปได้กว่า 200 ไร่ และมีลูกค้าที่กำลังเจรจาจำนวนมาก และได้อานิสงส์จากสงครามการค้าเพราะลูกค้าที่ย้ายฐานผลิตมามีทั้งจีน ญี่ปุ่นและเกาหลี โดยเฉพาะจีนที่ระยะหลังมีสัดส่วน 30% ของการขาย บรษัทไม่ได้พึ่งเฉพาะการขายที่ดินเพราะมีรายได้ขายน้ำ-ไฟฟ้าและเค่าเช่าราว 50%