- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 11 April 2019 10:58
- Hits: 1670
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์สอดคล้องภูมิภาค ผ่อนคลายปัจจัยภายนอก-ภายในค่อนข้างนิ่ง
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้น่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ หรือปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดเช้าแกว่งไซด์เวย์แคบๆ เนื่องจากปัจจัยภายนอกประเทศไม่มีประเด็นที่เข้ามากดดันตลาด โดยเฉพาะในเรื่องของการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) หลังจากที่สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้เห็นชอบขยายเวลา Brexit ไปเป็นวันที่ 31 ต.ค.นี้ ซึ่งนานกว่าที่ตลาดคาด ทำให้มีความผ่อนคลายมากขึ้น และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ก็มีการพัฒนาไปในเชิงบวกมากขึ้น
ทั้งนี้ สถานการณ์ในประเทศเองก็ค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงของเทศกาลวันสงกรานต์ และนักลงทุนส่วนใหญ่ยังจับตาดูผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้เริ่มเห็นเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี ก็มองว่าจะช่วยหนุนดัชนีฯแกว่งตัวขึ้นต่อได้
ให้แนวรับ 1,655 จุด แนวต้าน 1,665-1,670 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,157.16 จุด เพิ่มขึ้น 6.58 จุด (+0.03%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.21 จุด เพิ่มขึ้น 10.01 จุด (+0.35%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,964.24 จุด เพิ่มขึ้น 54.96 จุด (+0.69%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 24.92 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 18.58 จุด,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.30 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.86 จุด,ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.13 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 เม.ย.62) 1,662.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.39 จุด (+0.26%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,726.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 เม.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 เม.ย.62) ปิดที่ 64.61 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 เม.ย.62) ที่ 4.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.74/76 แนวโน้มแกว่งแคบ วอลุ่มเบาบาง ใกล้หยุดยาว มองกรอบวันนี้ 31.70-31.80
- จับตา ม.44 ปลดล็อก อุตฯโทรคมนาคม ยืดหนี้ค่ายมือถือจ่ายค่างวดประมูลคลื่น 900 MHz หวังปูทางรับ 5 จี"3 ค่าย"ยิ้มรับช่วยผ่อนปรนภาระการเงิน ส่วนประมูล 5 จี ขอดูเงื่อนไขก่อนตัดสินใจเข้าร่วม ระบุราคาตั้งต้นต้องไม่แพงเกิน นักวิชาการ เผย ม.44 ช่วยย่นเวลา เปิดทางเอกชนลงทุน เทคโนโลยีใหม่ ส่วนหุ้นดีดรับข่าวดียกแผง โบรกฯคาดช่วยสภาพคล่องในการประมูล "5 จี"
- EIC SCB เปิดเผยว่า ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2562 ลงมาอยู่ที่ 3.6% จากประมาณการเดิมที่ 3.8% จากมูลค่าการส่งออกของไทยที่มีอัตราการเติบโตที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ โดยเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวมากกว่าคาดและมีลักษณะ synchronized slowdown มากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าและภาวะการเงินโลกที่ตึงตัวขึ้น รวมทั้งปรับลดประมาณการการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกลงเหลือ 2.7% จากเดิมที่ 3.4% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอตัว
-"ทีดีอาร์ไอ"เตือนรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอ หากสงครามการค้ายืดเยื้อ พร้อมประเมินรัฐบาลใหม่ส่อไร้เสถียรภาพ ด้าน"แบงก์ชาติ"ห่วงเศรษฐกิจจีนทรุด กระทบ 3 ส่วน "ท่องเที่ยว-ส่งออก-อสังหาฯ" ขณะที่"เครดิตบูโร"เผยสหกรณ์ เริ่มหวั่นหนี้เสียพุ่ง จี้ลูกค้าขอข้อมูลเครดิตบูโร มาประกอบการพิจารณาก่อนปล่อยสินเชื่อ หลังพบความเสี่ยงปล่อยกู้เพิ่มจากภาระหนี้ ต่อรายได้ผู้กู้พุ่งแตะ 70-80% พร้อมห่วงระยะเวลา การปล่อยกู้เริ่มนานขึ้น
- อีอีซีโรดโชว์พบนักลงทุนจีน ฟุ้งเอกชนพร้อมปักหมุดพื้นที่อีอีซี เปิดประตูการค้าการลงทุนผ่านไทยสู่เอเซียน เผย เม.ย.นี้ "สมคิด" เตรียมยกทัพเยือนจีนยกระดับความสัมพันธ์
- สคร.เปิดเผยว่าคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ได้มีการประชุมสรุปโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ (ดิวตี้ฟรี) ของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) แล้ว และจะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการพีพีพีที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมวันที่ 18 เม.ย. 62
- รมว.พลังงาน ล้อมวงประชุม กบง.ปลายเดือน เม.ย.นี้ เพื่อหามาตรการส่งเสริมให้ปั๊มน้ำมันนำร่องขายบี 10 เป็นน้ำมันทางเลือกของผู้บริโภคเดือน พ.ค.นี้หลังผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป แจ้งว่ายังไม่พร้อมให้มีการใช้บี 10 แม้ว่าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นยืนยันว่าสามารถใช้ได้
- สรรพสามิตรายงานผลการจัดเก็บรายได้รอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.2561-มี.ค.2562) ทั้งสิ้น 289,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 4.7% โดยภาษีที่จัดเก็บสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ภาษีน้ำมัน จัดเก็บได้ 97,000 ล้านบาท ภาษีรถยนต์ 70,000 ล้านบาท ภาษีเบียร์ 36,700 ล้านบาท ภาษียาสูบ 34,500 ล้านบาท ภาษีสุรา 33,900 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC (ดีบีเอสฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 504 บาท คาด Core Profit ลดลงใน Q1/62 เป็น 1.05 หมื่นล้านบาท (-14%YoY, -13%QoQ) เพราะสเปรดปิโตรเคมีอ่อนลง แต่คาดจะมีกำไรจากสต็อกราว 325 ล้านบาท ยังผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายอยู่ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท (-13%YoY, +2%QoQ) โดยธุรกิจซีเมนต์ยังแข็งแกร่งใน Q1/62 และบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายโต 3-5% ในปีนี้จากโครงการลงทุนภาครัฐต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ (ยอดขายซีเมนต์ภาครัฐ 30-35%) และโครงการที่พักอาศัยที่ขาย Presales ไปแล้วกำลังก่อสร้าง ส่วนยอดขายในอาเซียนยังเติบโตดี แต่อุปสงค์วัสดุก่อสร้างประเภทอื่นยังอ่อนแอ ทั้งนี้ ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ลง 4% สะท้อนการตั้งสำรองผลตอบแทนพนักงานตามกฎหมายใหม่ แต่ไม่กระทบราคาพื้นฐานที่ประเมินด้วยวิธี DCF เพราะเป็นรายการที่ไม่กระทบกระแสเงินสด
- THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท หลังคาดการณ์กำไร Q1/62 เป็น Record high ที่ 471 ล้านบาท +3.6%Q-Q, +29.7%Y-Y จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ +1.3%Q-Q, +15%Y-Y, สินเชื่อที่คาดว่าจะ +2%YTD และคาดการณ์ credit cost ที่ลดลง พร้อมคาดว่ากำไรสุทธิในช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้นตามลำดับ โดย Q2/62 สินเชื่อมีแนวโน้มความต้องการดีกว่า Q1/62 ที่ชะลอจากปัจจัยการเมือง และ H2/62 คาดการฟื้นตัวของยอดขายรถเชิงพาณิชย์ที่ชัดเจนขึ้นตามฤดูกาลและสำรองฯที่ทะยอยลดลง ทั้งนี้ คงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ที่ 1,820 ล้านบาท +11%Y-Y
- TRUE (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.8 บาท จาก Sentiment บวกจากข่าว คสช.เตรียมใช้มาตรา 44 ยืดค่าไลเซนต์คลื่น 900MHz งวดสุดท้ายให้ผู้ประกอบการมือถือเพื่อจูงใจให้เกิดการประมูลคลื่น 5G โดยมอง TRUE ได้ประโยชน์มากสุด 1) มีกำไรเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลง 2 พันล้านบาทต่อปี 2) ลดแรงกดดันต่อประเด็นของการเพิ่มทุน และ 3) Valuation เพิ่มขึ้นจาก Cash outflow ที่ลดลง
--อินโฟเควสท์