WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET44ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามภูมิภาคหลัง IMF หั่นคาดการณ์ GDP โลก-สหรัฐขู่เก็บภาษีสินค้าอียู
 
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงถ้วนหน้า จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงมาเหลือโต 3.3% จากเดิมที่คาดโต 3.5%
 
นอกจากนี้ ยังกลับมากังวลสงครามการค้าอีกรอบ หลังจากสหรัฐขู่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ส่งผลให้ตลาดสหรัฐและยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากสงครามการค้าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
 
ส่วนบ้านเราคงจะปรับฐานบ้างในระหว่างวัน แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้เช่นกันหากยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ระดับ 1,655 จุดได้ก็จะทำให้ตลาดฯไปต่อได้ และวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดฯ อีกทั้งราคาน้ำมันยังคงทำ New High น่าจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงานให้มาผลักดันดัชนีฯได้
 
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 1/62 ที่น่าจะทยอยประกาศออกมาหลังเทศกาลสงกรานต์ และวันนี้ก็ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งน่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ให้จับตาเรื่อง Brexit ว่าจะมีการกล่าวถึงอย่างไรบ้าง
 
พร้อมให้แนวรับ 1,650 จุด ส่วนแนวต้าน 1,665 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,150.58 จุด ร่วงลง 190.44 จุด (-0.72%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,878.20 จุด ลดลง 17.57 จุด (-0.61%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,909.28 จุด ลดลง 44.61 จุด (-0.56%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 222.91 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 15.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 105.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 11.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 8.02 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย  ลดลง 0.11 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 เม.ย.62) 1,657.74 จุด เพิ่มขึ้น 11.56 จุด (+0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,205.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 เม.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 เม.ย.62) ปิดที่ 63.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.7%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 เม.ย.62) ที่ 4.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.81 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.75 - 31.85 จับตาประชุม ECB-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ วันนี้
- คลังยอมรับประชาชนขาดความเชื่อมั่น หลังเสพข่าวการเมืองมากดึงบริโภค-ลงทุนเอกชนชะลอ ลุยหารือ สศค.เตรียมออกมาตรการกระตุ้น หวังฟื้นความเชื่อมั่น เล็งเสนอ "สมคิด" พิจารณาหลังสงกรานต์นี้ พร้อมตั้งเป้ารักษาการเติบโต"จีดีพี"ที่ 4% ด้าน "ลวรณ"เผยขอดูข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 2 ก่อน ยอมรับเตรียมมาตรการไว้พร้อมแล้ว
- นักกำหนดกลยุทธ์บริษัทพลังงานโลกคาดราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นในปีนี้ จากปัญหาการสู้รบในลิเบีย การคว่ำบาตรเศรษฐกิจเวเนซุเอลาและปัญหาขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ล่าสุดการสู้รบในลิเบียหนุนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสทะยานสูงสุดในรอบ 5 เดือน
 
- กระทรวงดิจิทัลฯเลื่อนประมูล"อีอีซีดี" ยาวออกไปเป็นวันที่ 3 มิ.ย.นี้จากเดิมต้องยื่นซอง 24 เม.ย.นี้หวั่นมีผู้ยื่นซองประมูลน้อย ซ้ำรอยประมูลแหลมฉบังรอบแรก อ้างเอกชนเตรียมเอกสารไม่ทัน เผยนักพัฒนาอสังหาฯไทย-ต่างชาติซื้อซอง 16 ราย
 
- ตลาดหลักทรัพย์ เตรียมออกแนวปฏิบัติการทำธุรกรรม "ชอร์ตเซล" คาดชัดเจนเดือนเม.ย.นี้ พร้อมยืนยันการเปิดให้ต่างชาติชอร์ต "เอ็นวีดีอาร์"ได้ ไม่ทำให้ภาวะตลาดผันผวนขึ้น ขณะ ยอดชอร์ตเซลไตรมาสแรกพุ่ง 45% มูลค่าแตะ 1 แสนล้าน
 
- แนวโน้มตลาดตราสารหนี้โดยรวมเติบโตดี ในไตรมาส 1/2562 มูลค่าคงค้างรวม 12.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จาก 12.79 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 และพบว่าตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวออกเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันใน ปีก่อน และเป็นการออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของไตรมาสที่ 1 โดย ส่วนใหญ่เป็นการออกของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคที่เกี่ยวข้องกับการผลิต (เรียลเซ็กเตอร์) ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ด้านการลงทุนจากต่างประเทศพบว่าต่างชาติขายออกสุทธิ 42,305 ล้านบาทในตราสารหนี้รัฐระยะสั้น แต่ยังเข้าซื้อสุทธิในตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาว ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2562 ต่างชาติมีมูลค่าการลงทุนสะสมสุทธิในตราสารหนี้ไทย 942,993 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.3% ของมูลค่ารวมตลาดตราสารหนี้ไทย
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 90 บาท โดย SSSG 2 เดือนแรกยังอยู่ในเกณฑ์ดี คาดว่าจะบวกได้ตลอดไตรมาส ประกอบกับทิศทางการบริโภคที่ฟื้นต่อเนื่อง การขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 700 แห่งที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเห็นรูปแบบ omni channel มากขึ้น หนุนกำไรทั้งปี +15% Y-Y เป็น 2.41 หมื่นลบ. ส่วนดีลเปิดร้าน 7-11 ในลาวและกัมพูชาคาดเซ็นสัญญาใน Q2/62 (ขยายเวลาได้) การลงทุนจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
 
- TRUE (กรุงศรี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 6.8 บาท วันนี้ได้ Sentiment บวกจากข่าว คสช.เตรียมใช้มาตรา 44 ยืดค่าไลเซนต์คลื่น 900MHz งวดสุดท้ายให้ผู้ประกอบการมือถือเพื่อจูงใจให้เกิดการประมูลคลื่น 5G จึงมอง TRUE ได้ประโยชน์มากสุด 1) มีกำไรเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลง 2 พันล้านบาทต่อปี 2) ลดแรงกดดันต่อประเด็นของการเพิ่มทุน
 
- SAWAD (เคทีบี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 55 บาท ได้โอกาสสะสมรอบใหม่ คาดเข้า SET50 การปรับลงของราคาหุ้นวานนี้เป็นโอกาสในซื้อสะสมรอบใหม่ และคาดผลการดาเนินงานปี 2562 ยังดีต่อเนื่องอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท (+20%yoy) โดยมองว่า Loan Yield ได้ผ่านจุดต่าสุดในปีที่ผ่านมา และจะทยอยเพิ่มขึ้น จากการครบอายุสัญญาเช่าซื้อที่มี Loan Yield ที่ต่า ควบคู่การปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มี Loan Yield ที่สูงขึ้น ด้านราคาไม่แพง ปัจจุบันเทรด PBV ต่าเพียง 4.8x เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 5.6x เป้าพื้นฐาน 57 บาท (อิง PBV 4.2x)
-อินโฟเควสท์
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!