- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 09 April 2019 11:00
- Hits: 1224
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงบวกเล็กน้อย เล็งกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯรับแรงหนุนราคาน้ำมันปรับขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์อิงทางบวกได้เล็กน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเชื่อว่าจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังเฝ้ารอติดตามความคืบหน้าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงความคืบหน้าสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) ด้วย
ขณะที่บ้านเราเช้าใกล้วันหยุดยาวต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนั้น นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนไปจนถึงช่วงกลางเดือน ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย
พร้อมให้แนวรับ 1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650-1,655 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,341.02 จุด ลดลง 83.97 จุด (-0.32%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,895.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด (+0.10%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,953.88 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด (+0.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 11.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.42 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 11.16 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.72 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.84 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 เม.ย.62) 1,646.18 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด (+0.12%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 440.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 เม.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 เม.ย.62) ปิดที่ 64.40 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 เม.ย.62) ที่ 3.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.86 แนวโน้มแกว่งแคบในกรอบ 31.80-31.90 รอปัจจัยใหม่
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดภาพรวมกำไรสุทธิของระบบธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทยจะอยู่ที่ประมาณ 4.51 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 1/62 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนประมาณ 4.0% โดยกำไรจากการดำเนินงานยังคงเผชิญแรงกดดันหลังจากผลกระทบจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล อย่างไรก็ดี ผลจากปัจจัยเชิงฤดูกาลอาจทำให้กำไรสุทธิทรงตัว หรือมีโอกาสขยับขึ้นได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยค่าใช้จ่ายทางการตลาดอาจลดต่ำลง ประกอบกับมีธนาคารบางแห่งตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงาน (สำหรับพนักงานอายุงาน 20 ปีขึ้นไปจาก 300 วัน เป็น 400 วัน) ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ไปแล้วในไตรมาส 4/61
- กระทรวงพลังงานยังไม่ได้รับทราบถึงกรณีที่ผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานหมุนเวียนยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลใช้อำนาจสั่งระงับหรือชะลอการประกาศใช้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี 2018) ปี 2561-80 แต่อย่างใด โดยกระทรวงพลังงานยังยืนยันว่าแผนพีดีพีดังกล่าวจัดทำขึ้นภายใต้พื้นฐานที่คำนึงถึงความมั่นคงด้านพลังงานและให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ดังนั้น หากราคาพลังงานหมุนเวียนมีต้นทุนต่ำก็สามารถผลิตเพื่อขายเข้าระบบได้ตามปกติ
- รายงานข่าวจากอุตสาหกรรมยานยนต์เผยถึงความคืบหน้ากรณีภาครัฐไม่สามารถนำร่องใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (บีอีวี) เนื่องจากปัญหาการกำหนดราคารถอีวีของสำนักงบประมาณ ต่ำกว่าราคาตลาดที่กำหนดราคารถบีอีวีอยู่ประมาณ 3 ล้านบาทว่าขณะนี้การสนับสนุนภาครัฐให้ใช้รถบีอีวี 20% ของรถยนต์ใหม่ทั้งหมดของรัฐ ตามมติ ครม. วันที่ 28 มี.ค.60 ยังมีอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจากได้ตรวจสอบหลักเกณฑ์การประกวดราคาที่ภาครัฐกำหนดไว้ในระเบียบจัดซื้อจัดจ้างต้องมีเอกชนเสนอราคาเป็นคู่เทียบ 2-3 ราย แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนิสสันรายเดียวที่ผลิตบีอีวีรุ่นนิสสัน ลีฟ ทำให้ไม่สามารถเปิดประกวดราคาแบบมีคู่เทียบแข่งกันได้
*หุ้นเด่นวันนี้
- BDMS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 30 บาท จะบันทึกกำไรพิเศษ ประมาณ 6.1 พันล้านบาทจากการขายหุ้น RAM ในช่วง Q1/62 หากมองกำไรหลัก (core profit) คาดว่าการเติบโตในช่วง H1/62 จะยังไม่โดดเด่นมากนักจากฐานที่สูงในปี H1/61 อย่างไรก็ตามหากมองในระยะยาว ยังชอบ BDMS จากการที่จะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวหลังจากลงทุนอย่างหนักในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่า EBITDA margin น่าจะปรับเพิ่มจาก 22% เป็น 25% ภายใน 4 ปีข้างหน้า
- MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 48 บาท แม้กำไร Q1/62 จะลด Q-Q, Y-Y เพราะ Rev Par ต่างจังหวัดและแอฟริกาใต้หดตัว และ NH Hotel ที่คาดขาดทุนเพราะ low season แต่การเติบโตในระยะถัดไปจะได้แรงหนุนจากการรวมงบฯ NH Hotel เต็มปี และมี Synergy กับ NHH ทั้งขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม NHH การ Repositioning รร.เครือ NHH โดยใช้แบรนด์ในเครือของ MINT ช่วยเพิ่มราคาห้องพัก รวมทั้งมีแผนขายและเช้ากับ รร.บางแห่งในยุโรป จึงมีกำไรพิเศษไปลดดอกเบี้ย
- AOT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 70 บาท คาดได้ผลบวกโดยตรงหากวันนี้ ครม.อนุมัติต่ออายุมาตรการฟรีวีซ่า (VOA) นอกจากนี้ AOT ยังมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประมูลพื้นที่ Duty ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิ
--อินโฟเควสท์