WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET77ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามตปท.วิตกเศรษฐกิจโลกชะลอ-น้ำมันร่วง เล็งกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯเผชิญแรงขาย
 
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานลง เนื่องจากตลาดต่างประเทศต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า ทั้งตลาดสหรัฐฯ, ตลาดในยุโรป รวมถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากเมื่อคืนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาระบุในทำนองว่าไม่เชื่อสภาคองเกรสจะตกลงกันได้ในเรื่องการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐฯอาจทำการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐฯอีกครั้ง
 
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ออกมาระบุว่าว่าเศรษฐกิจยุโรปแย่ลง ทำให้อาจจะต้องกลับมาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีกรอบ แต่คงจะไม่ใช่ปีนี้ ส่วนของจีนกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ออกมา หดตัวลง 1.9% มองเป็นผลจากสงครามการค้ากับสหรัฐ
 
รวมถึงราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ปรับตัวลง 3% จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และยังขาดปัจจัยหนุน ดังนั้น บ้านเราอาจเผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี แต่แรงซื้อก็ยังมีอยู่ในพวก Domestic Plays เนื่องจาก Fund Flow ต่างชาติยังเข้าซื้อ ทำให้การปรับฐานอาจไม่ลงไปมาก รวมทั้งให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของ SCC และ PTTEP ที่คาดว่าจะออกมาในวันพรุ่งนี้
 
พร้อมให้แนวรับ 1,616 จุด ส่วนแนวต้าน 1,634 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ม.ค.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,528.22 จุด ร่วงลง 208.98 จุด (-0.84%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,643.85 จุด ลดลง 20.91 จุด (-0.78%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ ปิดที่ 7,085.68 จุด ลดลง 79.18 จุด (-1.11%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 93.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 179.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 68.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.47 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.64 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.79 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ม.ค.62) 1,625.03 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด (+0.09%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,087.36 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ม.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ม.ค.62) ปิดที่ 51.99 ดอลลาร์/บาร์เรล  ร่วงลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 3.2%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ม.ค.62) ที่ 1.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.54/56 แนวโน้มแข็งค่า นลท.จับตาประชุมนโยบายการเงินของเฟดรอบแรกปีนี้
- ร.ฟ.ท.เจรจาต่อรอง "ซีพี" ร่างเงื่อนไขสัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เผยมีอีก 30-40 หัวข้อที่ยังไม่จบ ยันสุดท้ายต้องเห็นตรงกัน หากมีข้อขัดแย้งต้องล้มโต๊ะเจรจา แต่ยังมั่นใจเจรจาจบภายในกลางเดือนก.พ.นี้ ก่อนชงบอร์ด EEC ให้ความเห็นชอบและชง ครม. อนุมัติ พร้อมลงนามในเดือนมี.ค.62 ส่วนรถไฟไทย-จีนตอน 2 เริ่มก่อสร้างมี.ค. เผยเตรียมเปิดประมูลรถไฟทางคู่เฟส 2 ในปีนี้อีก 4 เส้นทาง
 
- "อาคม" รับความเห็น สศช.เบรกเทอร์มินอล 2 สุวรรณภูมิผิดตำแหน่ง เตรียมเรียก ทอท. หารือ เผย ทอท. ปรับแผนแม่บทเอง สุ่มเสี่ยงพัฒนาผิดพลาด เล็งให้ ICAO ช่วยศึกษาตามมาตรฐาน พร้อมเร่งขยายอาคารเดิมด้านตะวันออกเพื่อแก้ปัญหาแออัด
 
- รมว.ท่องเที่ยว เผยปี 61 ต่างชาติเที่ยวไทย 38.27 ล้านคน โกยเงินเข้าประเทศ 2.01 ล้านล้านบาท ส่วนนัก ท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย 164.24 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท มีรายได้จากท่องเที่ยวเป็นอันดับ 4 ของโลก คาดปีนี้ นักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 41.1 ล้านคน เพิ่ม 7.5% มีรายได้ 2.21 ล้านล้านบาท เพิ่ม 10%
 
- คลังหนักใจส่งออกชะลอตัว ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 61 เติบโต 4.1% คาดปีนี้โต 4%
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมความพร้อมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในเขต EEC ระดมทุนผ่านตลาดทุน เพื่อรองรับการลงทุนทั้งอุตสาหกรรมรายเดิม-ใหม่ ที่ต้องใช้เงินลงทุนอีกจำนวนมาก พร้อมเตรียมสรุปแผนงาน 3 ปีภายใน 31 ม.ค.นี้ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังต้องลุ้นปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ แม้การเลือกตั้งชัดเจน และกำไร บจ. ยังอยู่ในเกณฑ์ดี พร้อมมั่นใจไอพีโอคึกคัก หุ้นบิ๊กแคป 3 รายจ่อระดมทุนภายในปีนี้
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 11.60 บาท แนวโน้มกำไร Q4/61 ทรงตัวสูง 102 ลบ. -3% Q-Q, +53% Y-Y ตามความคืบหน้าของงานที่เร่งขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่ทรงสูงแถว 20.8% ขณะที่ Backlog มีราว 2.4 พันลบ. รองรับรายได้ที่คาดปีนี้ไปแล้ว 84% ส่วนกำไรทั้งปี 2561 คาดจบที่ 345 ลบ. +49% Y-Y และปี 2562 คาด 356 ลบ. +3% Y-Y ด้านราคาหุ้นที่ปรับตัวลงทำให้ PE2562 เหลือเพียง 15.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 22 เท่า ไม่สอดคล้องกับทิศทางกำไรที่เป็นขาขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีงานใหม่เข้ามาอีก 2-3 พันลบ.
 
- ERW (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 8.2 บาท ได้ Sentiment บวกนักท่องเที่ยวจีนเดือน ธ.ค.61 เพิ่มขึ้น yoy เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน มองผลบวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐจะยังหนุนให้ นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกในเดือน ม.ค.- เม.ย. 19 พร้อมเลือก ERW เป็น Top pick กลุ่มท่องเที่ยว
 
 
- BBL (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 242 บาท จะได้รับอานิสงค์จากการที่นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นขนาดใหญ่ โดย BBL เห็นว่าเป็นธนาคารที่มีความเสี่ยงต่ำและมีการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นเหนือธนาคารใหญ่อื่น ๆ แม้กำไรสุทธิใน Q4/61 อยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท ลดลง 5% YoY และ 10% QoQ ต่ำกว่าที่คาด แต่หลัก ๆ มาจากการตั้งค่าชดเชยกรณีพนักงานเกษียณและเลิกจ้างจำนวน 2.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นรายการ one-time ขณะที่มีการตั้งสำรองที่ต่ำเพียง 2.8 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่ 5.3 พันล้านบาท เนื่องจากมีสำรองเพียงพอแล้ว โดยมี Coverage Ratio ที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ 191% โดยยังเลือก BBL เป็น Top pick ในกลุ่มธนาคาร
 
-อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!