WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET18ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามดาวโจนส์ที่พุ่งกว่าพันจุด แต่ระวังการปิดสัญญาฟิวเจอร์สวันนี้อาจทำให้ตลาดฯเหวี่ยง

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นตามดาวโจนส์ที่บวกกว่า 1,000 จุด ซึ่งไม่เคยเห็น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีหลังจากที่ได้ปรับตัวลงมาหลายวัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยั่งยืนหรือไม่ ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนบวกเช่นกัน

สำหรับบ้านเราวันนี้ให้ระวังการปิดสัญญาในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งอาจเหวี่ยงในครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของการเทรดวันนี้ อย่างไรก็ดี หากตลาดฯปรับตัวขึ้นก็แนะนำให้ขายทำกำไรก่อน เพราะในช่วงปลายตลาดฯอาจเผชิญ Profit Taking ได้ พร้อมคาดวันนี้หุ้นบิ๊กแคปน่าจะปรับตัวขึ้นก่อน และหุ้นที่ได้มีการปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่แนะนำให้ไล่ซื้อตาม

นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศก็ให้รอดูความคืบหน้าจากสงครามการค้า, ทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ย รวมถึงเรื่องการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นต้น

พร้อมให้แนวรับ 1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,600 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,878.45 จุด พุ่งขึ้น 1,086.25 จุด (+4.98%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,467.70 จุด เพิ่มขึ้น 116.60 จุด (+4.96%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,554.35 จุด เพิ่มขึ้น 361.44 จุด (+5.84%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 379.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 29.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 167.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 76.02 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 44.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.11 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ธ.ค.61) 1,556.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด (+0.02%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,285.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ธ.ค.61) ปิดที่ 46.22 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 3.69 ดอลลาร์ หรือ 8.7%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ธ.ค.61) ที่ 3.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.58/60 แนวโน้มอ่อนค่าเล็กน้อย มองกรอบวันนี้ 32.50-32.65
- 2 บอร์ดแบงก์ชาติ "กนง.-กนส." ประชุมร่วมถกเสถียรภาพระบบการเงิน มั่นใจด้านต่างประเทศยังแข็งแกร่ง รับมือความผันผวนตลาดทุนโลกได้ดี แต่ห่วงความเสี่ยงบางจุด ทั้งดีมานด์ซื้อคอนโดจากจีนที่ส่อชะลอตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะ "สหกรณ์" ยังแสวงหาผลตอบแทน พบกู้เงินระยะสั้นลงทุนหุ้นเพิ่ม ด้าน "กรุงไทย" ลดพอร์ตปล่อยกู้สหกรณ์ต่อเนื่อง

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปีหน้าโต 8% ชะลอตัวจากปีนี้ที่คาดว่าจะโต 12% ผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ และความกังวลเรื่องภาระหนี้ครัวเรือน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย มองผู้ประกอบการทั้งแบงก์และนอนแบงก์ ยังแข่งดุ อัดแคมเปญและโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ขยายฐานลูกค้า

- ตลาดหลักทรัพย์เผยบริษัทจดทะเบียน ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2561 รวมกว่า 5.19 แสนล้านบาท คิดเป็น อัตราผลตอบแทน 3.31% สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก โดยปตท.ปันผลสูงที่สุดกว่า 5.7 หมื่นล้านบาท

- สศค.เผย ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน พ.ย.61 ได้รับแรงผลักดันจากการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ GDP ไตรมาส 4 ขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส 3 เมื่อพิจารณาจากผลจัดเก็บรายได้ VAT หลังหักเงินเฟ้อที่ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส ขณะผลจัดเก็บตัวเลขในเดือน ต.ค.-พ.ย. 61 เติบโต 8.4%

*หุ้นเด่นวันนี้
- WHA (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 4.80 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/61 ประมาณ 1.8-1.9 พันล้านบาท (+7%YoY, +401%QoQ) ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของปี 2561 โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อการดำเนินงานตามปกติเพิ่มมากขึ้น จากการที่บริษัทสามารถรับรู้ยอดขายที่ดินกับลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็น Pre-sale ได้ประมาณ 350 ไร่ ส่งผลให้ยอด Pre-sale และยอดโอนปี 2561 ที่ 900 และ 600 ไร่ ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าที่คาด ส่งผลให้ปรับเพิ่มผลการดำเนินงานตามปกติในปี 2561 จะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (+30% YoY) แต่จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และส่งผลต่อขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลกระทบจากจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากการตัดจำหน่ายลูกหนี้กรมสรรพากร จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 3.4 พันล้านบาท (+3% YoY) ขณะที่ปี 2562 คาด 3.9 พันล้านบาท(+16% YoY) จากฐาน Backlog เพิ่มขึ้นสูงกว่า 670 ไร่, การลงทุนในพื้นที่อีอีซีที่ชัดเจนขึ้น และการเปิดดำเนินงานนิคม Nghe An

- BJC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 66 บาท คาดกำไรสุทธิผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และ Q4/61 น่าจะทำจุดสูงสุดของปีที่ 1,750 ล้านบาท เพราะธุรกิจ Packaging ฟื้นตัว และโมเมนตัมของ BIGC ที่ดีขึ้นต่อเนื่องจาก SSSG 4QTD ที่เป็นบวกเล็กน้อย รวมถึงภาษีจ่ายที่ลดลง หลังจากปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ และในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ยัง Underperform SET50 อยู่ 2% ขณะที่ NVDR ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติตด่อกัน ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 81.2 ล้านหุ้น

- BDMS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 30 บาท ผ่านพ้นช่วงการลงทุนใหญ่มาแล้ว จากที่ปี 2559 ซื้อปาร์คนายเลิศ ทำ BDMS Wellness clinic หรือ ศูนย์สุขภาพใหญ่สุดในเอเชีย ต่อจากนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไร

- SAWAD (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 55 บาท คาดงบ Q4/61 ดีต่อเนื่องจากแรงหนุนของยอดสินเชื่อที่ยังขยายตัว และ NPL ลดลง ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นมอง SAWAD ได้รับผลกระทบน้อยสุดเพราะมีเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากบัญชีเงินฝากของ BFIT ทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นน้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่น

--อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!