WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET33ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามตลาดสหรัฐฯ-ราคาน้ำมันดิบ-หวั่นทางเทคนิคจะลงทดสอบแนวรับเดิม
 
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงตามโมเมนตัมของตลาดสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงด้วย อีกทั้งในทางเทคนิคก็มีลุ้นลงทดสอบแนวรับเดิม 1,598-1,596 จุด ซึ่งไม่ควรจะหลุดแนวนี้ ถ้าหลุดก็มีแนวรับถัดไปที่ 1,580 จุด ซึ่งขณะนี้นักลงทุนก็วิตกทางเทคนิคเช่นกัน ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,613-1,628 จุด
 
อย่างไรก็ดี หลายตลาดในภูมิภาคไม่ได้ปรับตัวลงตามตลาดสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่ยังยืนในแดบวกได้ เนื่องจากเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ได้เคลื่อนไหวในแดนบวก ทำให้สัญญาณดูดีขึ้น และต่างก็มองว่าที่ตลาดสหรัฐฯปรับตัวลงแรงเป็นปัจจัยเฉพาะตัว
 
พร้อมให้ติดตามการประชุมของหลายธนาคารกลางในสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), การคณะกรรมนโยบายการเงิน (กนง.), การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยให้จับตาการส่งสัญญาณจากเฟดว่าจะมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ถ้าชะลอการขึ้นดอกเบี้ยตลาดฯก็น่าจะดีขึ้น และรอดูตลาดฯจะประกาศหุ้นในกลุ่ม SET50, SET100 ส่วนการเลือกตั้งก็คงเป็นไปตามโรดแมพ นอกจากนี้ก็ต้องรอดูว่าจะมีเม็ดเงินจากกองทุน LTF, RMF เข้ามาช่วยหนุนตลาดฯหรือเปล่าในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี ตรงนี้ทำให้มอง Downside ตลาดฯไม่มาก
 
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,100.51 จุด ลดลง 496.87 จุด (-2.02%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.95 จุด ลดลง 50.59 จุด (-1.91%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,910.67 จุด ลดลง 159.66 จุด (-2.26%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 16.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.25 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 11.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.69 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 12.68 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 23.10 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ธ.ค.61) 1,609.45 จุด ลดลง 5.54 จุด (-0.34%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,478.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ธ.ค.61) ปิดที่ 51.2 ดอลลาร์/บาร์เรล  ลดลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ 2.6%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ธ.ค.61) ที่ 2.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.78/79 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ตลาดจับตาผลประชุมกนง.-เฟดกลางสัปดาห์นี้
- การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นนัดส่งท้ายปี 2561 มีความเป็นไปได้สูง ที่ กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากระดับ 1.5% เป็น 1.75% ซึ่งจะนับเป็นการปรับ"ขึ้น"ดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 7 ปี และยังเป็นการ "ขยับ" ดอกเบี้ยครั้งแรกในสมัยของ "วิรไท สันติประภพ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คนปัจจุบัน
 
- แบงก์พาณิชย์ส่งสัญญาณขยับดอกเบี้ยตาม กนง. "กสิกรไทย"จ่อนำร่องขึ้นดอกเบี้ยออมทรัพย์ เอาใจผู้ออม หลังอยู่ระดับต่ำมานาน ขณะดอกเบี้ยเงินกู้ต้องปรับขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับตลาด ด้าน"ซีไอเอ็มบีไทย" ยอมรับต้องปรับตามระบบ แต่ห่วง"เอสเอ็มอี"มีภาระเพิ่ม ขณะ"แบงก์กรุงเทพ"แจงไม่เป็นผู้นำการปรับขึ้น ย้ำต้องประเมินสถานการณ์รอบคอบ อาจให้สมาคมแบงก์ตัดสินใจ
 
- "พาณิชย์" เผยธุรกิจตั้งใหม่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ช่วง 10 เดือน ปี 61 มีจำนวน 2,125 ราย เพิ่ม 6.62% ทุนจดทะเบียน 4,533.64 ล้านบาท คาดทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังรัฐบาลเร่งรัดโครงการลงทุน และเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมและการท่องเที่ยว
 
- คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานรุดเข้าหารือ "กุลิศ" ปลัดพลังงานและผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงานวันนี้(17 ธ.ค.) หวังเคลียร์แผนพีดีพีใหม่ให้ชัดย้ำจุดยืนต้องตอบโจทย์มั่นคงและค่าไฟที่ไม่กระทบกับประชาชนระยะยาว มองร่างพีดีพีหลายประเด็นยังคลุมเคลือ ชี้ยังมีเวลาศึกษาลงลึกแต่ละด้านเหตุไฟฟ้ายังมีเหลือใช้ช่วง 1-2 ปีนี้
 
- การบินพลเรือนฯเล็งออกกฎคุม 'บริการเสริม' ดัดหลังสายการบินเอาเปรียบขายพ่วง บริการเลือกที่นั่ง-น้ำหนักสัมภาระ เตรียมบังคับต้องแจ้งค่าบริการล่วงหน้า และแยกราคาออกจากบัตรโดยสาร หลังพบสายการบินทั่วโลกแห่ใช้ เป็นช่องทางโกยรายได้หลักนอกจากค่าตั๋ว
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- BGRIM (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 33 บาท เก็งกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้าโดย กกพ.ประกาศแผน PDP ใหม่ในเดือนนี้ส่งผลดีต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มจาก New growth story
 
- SAT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 25.5 บาท ผู้บริหารประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์จะเติบโตต่อเนื่อง  โดยคำสั่งซื้อใหม่จะทำให้ SAT เติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์  แต่จากฐานที่สูง จะทำให้การเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง SAT มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งปัจจุบันเหลือหนี้เงินกู้เพียง 389 ล้านบาท ในขณะที่มีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นสูงถึง 1.9 พันล้านบาท  ราคาหุ้น SAT ปัจจุบันซื้อขาย P/E ต่ำ 8.3 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.8%
 
- ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5.50 บาท หุ้นเล็กที่กำไรมีคุณภาพสูง โดยที่ผ่านมา กำไรกว่า 60% มาจากรายได้ประจำจากการให้เช่าโครงข่ายและดาต้าเซ็นเตอร์ ขณะที่กำไรปีหน้าจะโตอีกเท่าตัวเป็นราว 250-300 ลบ. จากปีนี้ที่คาดจบ 142 ลบ. +39% Y-Y หลังได้งานใหญ่ 2 งานทั้งเน็ตชายขอบรอบ 2 และงานวางระบบสื่อสารให้ กฟน. หนุน Backlog เพิ่มเป็น 6 พันลบ. ด้านราคาหุ้นตอนนี้ซื้อขายบน PE2562 เพียง 10 เท่า ยังไม่ถึงครึ่งของค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 27 เท่า ความเสี่ยงขาลงจึงจำกัดมาก
-อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!