- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 21 November 2018 10:13
- Hits: 3455
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามตปท. จากกังวลสงครามการค้ากระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงราว 0.5-1% ตามดาวโจนส์ที่เมื่อคืนร่วงแรง จากความกังวลสงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และมีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯจะไม่โตในปีหน้า รวมถึง"โกลด์แมน แซคส์"ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะผันผวนมากขึ้น พร้อมปรับลดราคาประมาณการของหุ้นแอปเปิล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงแรง คาดว่าจะฉุดหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี อย่างไรก็ดี ปัจจัยในประเทศให้ติดตามมาตรการช็อปช่วยชาติ ส่วนนอกประเทศให้ติดตามความคืบหน้าสงครามการค้า, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นต้น
พร้อมให้แนวรับ 1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,615 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,465.64 จุด ร่วงลง 551.80 จุด (-2.21%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,908.82 จุด ลดลง 119.65 จุด (-1.70%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,641.89 จุด ลดลง 48.84 จุด (-1.82%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 296.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 26.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 343.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 45.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 25.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 16.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 16.14 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 พ.ย.61) 1,612.03 จุด ลดลง 24.45 จุด (-1.49%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 2,175.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 พ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 พ.ย.61) ปิดที่ 53.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 6.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 พ.ย.61) ที่ 5.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.02 อ่อนค่าจากวานนี้หลังดอลล์แข็งเทียบทุกสกุลหลัก จับตากระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย
- ครม.ทุ่มงบกว่า 8 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ 14.5 ล้านราย แจกเงินปีใหม่ คนละ 500 บาท แถมช่วยค่าน้ำ-ค่าไฟ 10 เดือน ค่าเช่าบ้านเดือนละ 400 บาท ให้ค่าเดินทางคนแก่ไปพบหมอพันบาท อุ้มชาวสวนยาง -คนกรีด 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มเงินบำนาญข้าราชการ ธอส.เดินหน้าบ้านล้านหลัง "กอบศักดิ์" ชี้ช่วยดันเศรษฐกิจปีหน้า สศค.คาดกระตุ้นจีดีพี 0.07%
- "สมคิด" สั่ง "คลัง" จัดมาตรการช็อปช่วยชาติ ธ.ค.นี้กระตุ้นกำลังซื้อ ในประเทศ "อภิศักดิ์"รับลูก แย้มรูปแบบไม่เหมือนเดิม ด้าน"ค้าปลีก" ลุ้นรัฐหนุนมาตรการเพิ่มสีสันไฮซีซัน กระตุ้นบรรยากาศจับจ่ายคึกคัก
- ส.อ.ท. เผยผลสำรวจ "ซีอีโอ เซอร์เวย์"พบ 45% มั่นใจเศรษฐกิจปีหน้าโตดีขึ้น พร้อมประเมินการเลือกตั้งปีหน้าหนุนภาพลักษณ์ไทย ดึงดูดการลงทุนเพิ่มขึ้น ด้าน "วีระศักดิ์" มั่นใจไตรมาส 4 การท่องเที่ยวกระเตื้อง อานิสงส์มาตรการเว้นวีซ่า พบจำนวนนักท่องเที่ยว ฟื้น 20% ช่วง 6 วันแรกหลังออกมาตรการ ขณะ "วิรไท" รับเศรษฐกิจไตรมาส 3 ต่ำคาด
- "พาณิชย์" กางแผนเจาะตลาดปี 62 ตามนโยบาย "สมคิด" ลุยเจาะเป็นรายประเทศ เน้นตลาดที่มีโอกาสขยายตัวสูง ทั้งอาเซียน อินเดีย จีน ตะวันออกกลาง แอฟริกา รัสเซีย เผยแต่ละตลาดจะใช้กลยุทธ์แตกต่างกัน ไม่มีเหวี่ยงแห ส่วนตลาดเดิมอย่างสหรัฐฯ อียู ญี่ปุ่น จะปรับกลยุทธ์ใหม่ เน้นเจาะเป็นรายกลุ่มมากขึ้น มั่นใจดันเป้าทั้งปีโต 8% ได้แน่ ส่วนปีนี้ยังมั่นใจส่งออกโต 8% แม้หลายหน่วยงานเริ่มถอดใจ
- เอดีบีชี้ตลาดพันธบัตรเอเชียตะวันออกเกิดใหม่รับมือกับความเสี่ยงระยะสั้นได้ เผยไทยแห่ออกพันธบัตรสูงสุดในอาเซียน
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 46 บาท คาดกำไรสุทธิปีนี้ 5.3 พันล้านบาท +61% Y-Y โดยแนวโน้มกำไร Q4/61 ที่น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งตามฤดูกาลการจับจ่ายใช้สอย ส่วนปีหน้าคาด 6.6 พันล้านบาท +24% Y-Y จากรายได้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อที่เป็น High-yield ทำให้ Spread ดีขึ้นและคาด Credit cost ลดลงจากการตั้งสำรองฯระดับสูงที่มีความจำเป็นน้อยลง เพราะคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ด้านราคาหุ้นที่ยัง Underperform เมื่อเทียบกับ SET50 ใน 5 รอบวันทำการอยู่ 2% และ Current PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ 11% ทำให้ Downside จำกัด
- BCP (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 51 บาท ความน่าสนใจคือราคายังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในระยะยาว และด้วยราคาตลาดในตอนนี้ Downside risk ถือว่ามีค่อนข้างจำกัด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาวที่จ่ายปันผล ระดับ Dividend Yield ในระดับ 5-6% ด้านผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2561 รายได้จากการขายและการให้บริการ 143,244 ล้านบาท (+14% YoY) กำไรสุทธิ 4,009 ล้านบาท (-3% YoY) โดยธุรกิจที่ดึงให้กำไรลดลงได้แก่กลุ่มธุรกิจตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้าน SPAR ซึ่งถือเป็นธุรกิจ Non-Oil
- AAV (ฟินันเซีย) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus 4.83 บาท ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงส่งผลบวกต่อต้นทุนการดำเนินงานลดลง (น้ำมันคิดเป็น 30% ของต้นทุนรวม) ธุรกิจสายการบินมอง AAV ได้ผลบวกมากสุด เนื่องจากเป็นสายการบินที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าราคาน้ำมันไว้น้อยที่สุด (4% ของปริมาณที่ต้องการใช้)
--อินโฟเควสท์