นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับฐานต่อเนื่องหลังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามา แต่ยังกังวลสงครามการค้ากระทบเศรษฐกิจโลกและเงินทุนไหลออก รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยในประเทศเป็นขาขึ้น หลังเสียงกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เห็ฯว่าควรปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประชุมรอบที่แล้ว ด้านแนวโน้มราคาน้ำมันแม้รีบาวด์บ้าง แต่ภาพใหญ่ยังวิตกดีมานด์ปีหน้าชะลอลง ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้บวก-ลบเล็กน้อย ให้แนวรับที่ 1,640 และแนวต้านที่ 1,660 จุด

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับฐานต่อเนื่อง หลังปัจจัยแวดล้อมยังคงเดิมและยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา โดยนักลงทุนยังกังวลสงครามการค้าที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และเงินทุนที่ยังไหลอออก นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังมีทิศทางขาขึ้นชัดเจน

 

ด้านราคาน้ำมันแม้จะรีบาวด์เมื่อวานนี้ แต่ขึ้นมาในเกณฑ์ที่ไม่มากหลังยังถูกกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีหน้าจากปัญหาสงครามการค้า โดย บล.เอเซีย พลัส ได้ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันในปี 62 มาอยู่ที่ระดับ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิม 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้แกว่งตัวแคบทั้งแดนบวกและลบ

 

พร้อมให้แนวรับที่ 1,640 จุด และแนวต้านที่ 1,660 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,080.50 จุด ลดลง 205.99 จุด (-0.81%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,701.58 จุด ลดลง 20.60 จุด (-0.76%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,136.39 จุด ลดลง 64.48 จุด (-0.90%)

 

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 176.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.10 จุด,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 207.75 จุด,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.58 จุด,ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.49 จุด,ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.98 จุด , ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 10.89 จุด

 

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ย.61) 1,652.30 จุด ลดลง 7.48 จุด (-0.45%)

- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,727.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ย.61

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 พ.ย.61) ปิดที่ 56.25 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 1.01%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ย.61) ที่ 5.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 32.94 แข็งค่าตามตลาดโลกหลังดอลล์อ่อน จับตาเงินทุนเคลื่อนย้าย มองกรอบ 32.85-33.00

- "สมคิด"ชี้ปีหน้าเศรษฐกิจไทย เผชิญทั้งโอกาส-ความเสี่ยง ห่วงสงครามการค้า กระทบส่งออก สั่งคลังอัดมาตรการชุดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี  ด้าน กนง.โหวต 4 ต่อ 3 คงดอกเบี้ย 1.5% "ศุภวุฒิ"ฟันธงจีดีพีปีหน้าโตต่ำกว่า 4% กังวลการเมืองปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจครึ่งแรกปีหน้า

 

- กองทัพเรือเตรียมขายซองประมูลเมืองการบินอู่ตะเภา 16 พ.ย.นี้ ชี้มีประสบการณ์บริหารสนามบิน 10 ล้านคนต่อปี ผลตอบแทนรัฐขั้นต่ำ 5% คาดรัฐรับผลประโยชน์ 4 หมื่นล้านบาท ทอท.ออกตัวไม่ร่วมประมูล ชี้มีส่วนร่วมร่างทีโออาร์ ด้านผอ.สนามบินอู่ตะเภาเปิดผลประมูลดิวตี้ฟรี ชี้คิงเพาเวอร์เสนอราคาสูงสุด ส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ คือ เซ็นทรัล เผยอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารก่อนประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการ

 

- ค้าปลีกขานรับโครงการอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซลล์ "พาสปอร์ต พรีวิลเลจ" ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกจับจ่ายเมืองไทย "เซ็นทรัล" อัดฉีด 500 ล้าน ผนึกกำลังทุกธุรกิจในเครือ-พันธมิตรร้านค้ากว่า"หมื่นแบรนด์" งัดโปรโมชั่นแรงลดสูงสุด 50% ปลุกใช้จ่ายคึกคักทั่วประเทศ หวังทัวริสต์เพิ่ม 20% เม็ดเงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้าน

 

- ม็อบสวนยางเมืองคอนเคลื่อนทัพเข้าสุราษฎร์ฯ เรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาราคายางตกต่ำอย่างจริงจัง เตรียมแผนสองหากถูกสกัด ด้าน"กฤษฎา"หารือผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่เตรียมชง ครม.ของบกว่า 2 หมื่นล้านบาทช่วยเหลือเกษตรกร โดยให้เงินสนับสนุนไร่ละ 1,500 บาท ดันราคายางแผ่น กก.ละ 40 บาท และทบทวนข้อกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อส่งเสริมการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น

 

- กนง.คงดอกเบี้ย 1.5% จับตาเสียงโหวตให้ขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มมาเป็น 3 เสียง ส่งสัญญาณขยับดอกเบี้ย กังวลความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ส่งออกก.ย.ชะลอตัว อัตราแลกเปลี่ยนผัวผวนต่อเนื่อง

 

- สนช.พิจารณาภาษีที่ดินวาระ 2 และ 3 วันนี้ คลังคาดผ่านแน่นอน หนุนกฎหมายมีผลบังคับใช้ปี 2563 เก็บภาษีจริงปี 2563 เคาะเพดานภาษี 4 ประเภท ยันไม่กระทบผู้เสียภาษี แจงรีดภาษีบ้านหลังแรกที่เกิน 50 ล้านบาท ขณะที่รัฐบาลยังเร่งผลักดัน พ.ร.บ.สถาบันการเงินประชาชน คาดผ่านสนช. ตั้งเป้า 8,000 แห่งทั่วประเทศ หวังสู้หนี้นอกระบบ

 

- กทพ.จ่อหารือคลังช่วยหาแนวทางบริหารแก้ภาวะเงินล้นมือ หลังระดม TFF ได้กว่า 4.48 หมื่นล้านแต่ยังไม่ประมูลก่อสร้าง เผยพระราม 3-ดาวคะนองก้อนแรกจ่าย 3 พันล้าน เตรียมขอใช้ลงทุนด่วนบางนา-ชลบุรีเข้าท่าเรือคลองเตย และ N1 ทดแทนด้วย ขณะที่เซ็นข้อตกลงคุณธรรมเร่งประมูล 5 สัญญาด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ใน ธ.ค.นี้ ตอกเข็ม พ.ค.62

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- CPALL (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 75 บาท รายงานกำไรสุทธิ 5,182 ล้านบาท (+4.2%YoY,+8.4%QoQ) มากกว่าตลาดและเคทีบีฯคาด (+6.5%) ได้รับผลดีจากการบริหารสินค้าที่มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดและลดแอลกอฮอล์ที่มีมาร์จิ้นต่ำลง บริหาร Distribution Center ได้ดีขึ้น MAKRO เริ่มฟื้นจากเดิมคาดอ่อนตัว ราคาสินค้าอาหารสดหมูไก่อยู่ในแนวโน้มดีขึ้น การขยายสาขาเป็นไปตามแผน มองกำลังซื้อฟื้นใน 4Q61 จากเข้า high season กำไร 9 เดือนคิดเป็น 73% ของกำไรทั้งปี คงประมาณการกำไรปี 61 ที่ 20.9 พันล้านบาท และขยายเข้าสู่ธุรกิจ logistics แนวโน้มโตตาม e-commerce ที่ขยายตัวสูง 10-15% ต่อปี รวมถึงอาจได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหากรัฐบาล

 

- BJC (เมย์แบงก์ฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 68 บาท คาดกำไร Q4/61 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY เป็นระดับสูงสุดของปี จากไฮซีซั่นค้าปลีก BigC ขยายสาขาต่อเนื่อง ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ได้ประโยชน์เต็มไตรมาสหลังจากขยายกำลังผลิตขวดแก้ว ขณะ รง.แก้วในมาเลเซียคาดกลับมาผลิตหลังแก้ไขเหตุขัดข้อง นอกจากนั้น อัตราภาษีมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท พร้อมคาดโตต่อเนื่องในปี 62 ทุกกลุ่มธุรกิจทั้งบรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค เวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจค้าปลีกภายใต้ BigC

 

- SAWAD (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 53 บาท มองกำไร Q3/61 ดีกว่าคาดที่ 766 ล้านบาท +26% Q-Q, +23% Y-Y จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อและการเปลี่ยนรูปแบบมาปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเดิม ช่วยยืนยัน Spread ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน Q1/61 โดย Loan spread ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 16.3% จาก 15.6% ในไตรมาสก่อนหน้า ด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้นดีกว่าคาดที่ 9% Q-Q, 18% YTD ตามฤดูกาล ขณะที่ NPL Ratio ลดลงมาอยู่ที่ 5% ปรับประมาณการกำไรปี 61 ขึ้น 9% เป็น 2.7 พันล้านบาท (+1.8% Y-Y) และคาดการณ์กำไรปี 62 ที่ 3.17 พันล้านบาท +17% Y-Y