- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 20 September 2018 12:49
- Hits: 1700
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามภูมิภาค หลังคลายกังวลสงครามการค้า-เงินบาทแข็งค่าหนุน Flow ไหลเข้า
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ยืนในแดนบวก ตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นไป หลังจากผ่อนคลายเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จากที่จีนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯไม่ได้สูงตามที่ตลาดคาด มีผลตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศก็ได้แรงหนุนจากการเลือกตั้งที่ขณะนี้ก็เดินหน้าตามแผนโรดแมพ และการที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าทำให้สกุลเงินในเอเชียแข็งค่าขึ้นมา รวมถึงเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นด้วย ทำให้คลายความกังวลว่าเงินใน Emerging Market จะอ่อนค่า และ Fund Flow ก็คงจะไหลกลับเข้ามา
อย่างไรก็ดี ให้ระวังแรงขายทำกำไรในระยะสั้นหลังจากที่ตลาดฯปรับขึ้นไปเร็ว โดยดัชนีฯขึ้นมาแล้ว 100 จุด คิดเป็น 5% ในสัปดาห์เดียว แต่ Sentiment ตลาดฯก็ยังเป็นบวกอยู่ พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เสียงแตกในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในต้นปีหน้า ก็อาจจะเป็นสิ้นปีนี้ก็ได้
พร้อมให้แนวรับ 1,745 จุด แนวต้าน 1,760 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,405.76 จุด เพิ่มขึ้น 158.80 จุด (+0.61%), ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,907.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด (+0.13%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.04 จุด ลดลง 6.07 จุด (-0.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 80.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.32 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 198.35 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.86 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 35.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ก.ย.61) 1,749.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.38 จุด (+0.31%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,621.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ก.ย.61) ปิดที่ 71.12 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.ย.61) ที่ 5.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.38 แข็งค่าต่อเนื่องจากวานนี้ มองกรอบวันนี้ 32.30-32.50 จับตาเงินทุนไหลเข้า
- กนง.เสียงแตกเพิ่มมีมติ 5:2 คงดอกเบี้ยที่ 1.5% ส่งสัญญาณใกล้หมดยุคดอกเบี้ยต่ำ ความจำเป็นในการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายลดลง ห่วงแบงก์ลดความเข้มงวดปล่อยกู้บ้าน แย้มอาจมีมาตรการคุม สั่งยกระดับติดตามค่าเงิน หลังแข็งค่ามากกว่าคู่แข่ง ล่าสุด วานนี้แข็งค่ามากสุดในรอบ 3 เดือน ด้านตลาดคาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยแน่ในเดือนธ.ค.นี้ ขณะที่มองสงครามการค้ากระทบการส่งออกชะลอตัว ทำให้ปรับลดประมาณการส่งออกปี 2562 เหลือโต 4.3%
- "พาณิชย์"วิเคราะห์สหรัฐ ขึ้นภาษีสินค้าจากจีนรอบ 3 อีก 5,745 รายการ พบส่งผลดีต่อการส่งออกไทย ขณะสื่อนอก วิเคราะห์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน เอื้อประโยชน์เต็ม ๆ บริษัทที่มีฐานการผลิตใน 10 ประเทศอาเซียน เหตุต้นทุนการผลิตต่ำ โรงงานผลิตมีความพร้อม และกฏระเบียบเอื้อลงทุน
- ส.อ.ท.แถลงผลสำรวจผู้ประกอบการ ส.ค.ต่ำสุดรอบ 4 เดือน เหตุกำลังซื้อลดลง พร้อมแจงดัชนีเชื่อมั่นฯ ปรับลดลง จากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งผลให้ยอดขายชะลอตัว ต้นทุนน้ำมัน-วัตถุดิบพุ่ง
- ส.อ.ท.เผยยอดผลิตรถยนต์โต 2.15% อานิสงส์กำลังซื้อในประเทศฟื้น จับตายอดขายเวียดนามฮวบ ทำส่งออกเดือน ส.ค.ร่วง 0.38%
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOP (หยวนต้า) "เก็งกำไร" แนวโน้มกำไรปกติ Q3/61 คาดเติบโต QoQ ทั้งจากค่าการกลั่น และ PX Spread ที่ขยายตัว QoQ ขณะที่การลดสารกำมะถันในน้ำมันเตาของอุตสาหกรรมเดินเรือจาก 3.5% เหลือ 0.5% (IMO) เริ่มปี 2563 จะเป็นบวกต่อค่าการกลั่นในระยะกลาง-ยาว ด้านเทคนิคเตรียมทดสอบแนวต้านสำคัญเส้น 200 วันที่ 87.00 บาท หากผ่านได้ทางเทคนิคมีโอกาสขึ้นทดสอบ 91.00-91.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 85.75 บาท
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 73 บาท ได้ผลบวกโดยตรงหลังวานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศใช้กฏทุ่มตลาดเม็ดพลาสติก PET จาก 5 ประเทศ (บราซิล, อินโดฯ, เกาหลี, ปากีสถาน และ ไต้หวัน) คาดหนุนราคา PET ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อ IVL ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตหลักของสหรัฐ
- PTG (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 16.2 บาท ปี 61 Bloomberg Consensus คาดกำไรโต 7.2%YoY จากเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปีนี้ที่เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ความต้องการเชื้อเพลิงพลังงานด้านยานยนต์เพิ่มขึ้น และปีนี้มีแผนเพิ่มสถานีบริการน้ำมันและแก๊สเป็น 1,900 สาขา และมีเป้าหมายผลักดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non Oil เพิ่มขึ้นเป็น 15% ในปี 62 จากปัจจุบันที่ 10%
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ นักลงทุนคลายวิตกสงครามการค้า,ตลาดขานรับดาวโจนส์พุ่ง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะไม่รุนแรงมากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,752.79 จุด เพิ่มขึ้น 80.27 จุด, +0.34% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,732.17 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด, +0.05% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,605.72 จุด เพิ่มขึ้น 198.35 จุด, +0.72% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,886.19 จุด เพิ่มขึ้น 28.92 จุด, +0.27% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,314.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.95 จุด, +0.26% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,180.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.86 จุด, +0.12% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,804.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด, +0.18% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,256.53 จุด เพิ่มขึ้น 35.30 จุด, +0.49%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า
ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 30.89 จุด หลังหุ้นธนาคารพุ่งรับคาดการณ์แบงก์ชาติอังกฤษขึ้นดบ.
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากอังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,331.12 จุด เพิ่มขึ้น 30.89 จุด หรือ +0.42%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ทะยานขึ้น 2.7% และหุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 2.2%
สำหรับปัจจัยที่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมเดือนส.ค.
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้นแตะ 2.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านเสื้อผ้า สันทนาการ รวมทั้งการขนส่งทางเรือและอากาศ
อัตราเงินเฟ้อในเดือนส.ค. ออกมาสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะชะลอตัวสู่ระดับ 2.4% จากระดับ 2.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนก.ค.เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับหุ้นเหมือง-หุ้นแบงก์พุ่งแรง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม หุ้น Danske Bank ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก ร่วงลงกว่า 3% หลังจากซีอีโอของธนาคารประกาศลาออก อันเนื่องมาจากข่าวการฟอกเงิน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.3% แตะที่ระดับ 379.98 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,219.02 จุด เพิ่มขึ้น 61.35 จุด หรือ +0.50% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,393.74 จุด เพิ่มขึ้น 29.95 จุด หรือ +0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,331.12 จุด เพิ่มขึ้น 30.89 จุด หรือ +0.42%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาโลหะในตลาดโลก โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 5.1% หุ้นอันโตฟากัสตา ทะยานขึ้น 5.9% หุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 3.4%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ทะยานขึ้น 2.7% และหุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 2.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้น Danske Bank ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก ร่วงลง 3.4% หลังจากนายโธมัส เอฟ บอร์เจน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังเกิดเหตุอื้อฉาวเกี่ยวกับการฟอกเงินในสาขาของธนาคารในเอสโทเนีย
ทั้งนี้ Danske Bank ระบุว่า คณะกรรมการของธนาคารได้ตัดสินใจที่จะบริจาคเงินรายได้ที่มาจากลูกค้าที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเอสโทเนียในช่วงปี 2550-2558 ให้แก่มูลนิธิแห่งหนึ่งเพื่อสนับสนุนการกวาดล้างการก่ออาชญากรรมทางการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการฟอกเงินในเดนมาร์กและเอสโทเนีย
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 158.80 จุด รับหุ้นแบงก์ดีดแรงหลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมองว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะไม่รุนแรงมากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ที่ดิ่งลงหนักสุด หลังจากบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,405.76 จุด เพิ่มขึ้น 158.80 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,907.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.13% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.04 จุด ลดลง 6.07 จุด หรือ -0.08%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค.ปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.812% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.076%
ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ต่างก็พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 3.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 2.5% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดตัวขึ้น 1.3%
หุ้นไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาและเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทวางแผนสู้คดี จากกรณีที่มอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไบเออร์ ถูกฟ้องร้องในข้อกล่าวหาที่ว่า ผลิตภัณฑ์ยาฆ่าหญ้า "ราวน์อัพ" ซึ่งมีสารไกลโฟเสท ส่งผลให้มีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ขณะที่มอนซานโตยืนยันว่า ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์กว่า 800 กรณีได้สนับสนุนความจริงที่ว่า สารไกลโฟเสทไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็ง
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากสหรัฐและจีนต่างเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 0.4% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.2% และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 1.6%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไป่ตู้ พุ่งขึ้น 4.4% หุ้น JD.com พุ่งขึ้น 4.5% และหุ้นอาลีบาบา ทะยานขึ้น 3.8%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1.3% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเกือบ 10% แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์ ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.7% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 0.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.2% หุ้นไมโครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.6%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 9.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.282 ล้านยูนิต จากระดับ 1.174 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐลดลง 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 สู่ระดับ 1.015 แสนล้านดอลลาร์
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต
--อินโฟเควสท์
OO14027