WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

12 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นเล็งแรงหนุนตลาดภูมิภาคขานรับสัญญาณบวกท่าทีจีนอ่อนให้สหรัฐฯ
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Equity Derivative บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ จากแรงหนุนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวก หลังจากที่จีนมีการตอบโต้สหรัฐฯรอบนี้อ่อนข้อให้เล็กน้อย ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯเพียงแค่ 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่าที่สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดฯจึงมองเป็นสัญญาณบวก
อนึ่ง รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.
นายธีรวุฒิ กล่าวต่อว่า ตลาดบ้านเราก็มี Sentiment ดี หลังจากที่ดัชนีฯได้ทะลุ 1,735 จุดขึ้นไปได้ ทำให้มีแรง Follow Buy ออกมา แต่ปรากฏว่าแรงซื้อหลักยังเป็นของนักลงทุนสถาบัน โดยที่นักลงทุนต่างชาติก็ซื้อแต่ยังไม่มากนัก และในวันนี้ต้องจับตาดูว่าช่วงบ่ายจะมีแรง Take profit หรือไม่
นอกจากนี้ ช่วงบ่ายวันนี้ให้จับตาการประชุมคณะกรรมการนโบายการเงิน (กนง.) ด้วย แม้ว่าตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ต้องรอดูการส่งสัญญาณว่าจะมีการขยับดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,735 จุด ส่วนแนวต้าน 1,755 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,246.96 จุด พุ่งขึ้น 184.84 จุด (+0.71%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,904.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.51 จุด (+0.54%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,956.11 จุด เพิ่มขึ้น 60.32 จุด (+0.76%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 334.42 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 85.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 48.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.24 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.12 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.78 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ย.61) 1,744.42 จุด เพิ่มขึ้น 26.03 จุด (+1.51%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,492.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ย.61) ปิดที่ 69.85 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ย.61) ที่ 6.0 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.55 มองกรอบวันนี้ 32.50-32.60 นลท.รอลุ้นทิศทางดอกเบี้ยจากกนง.บ่ายนี้
- ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ส.ค.61 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกภาคดีขึ้น อยู่ที่ 47.8 ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในอนาคต อยู่ที่ 51.9 ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ โดยรวม อยู่ที่ 49.8 สูงสุดนับจากสำรวจมา 8 เดือน ปัจจัยบวกคือ การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโต 4.6% การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ราคาพืชผลเกษตรปรับตัวขึ้น ปัจจัยลบคือ ผลกระทบจากน้ำท่วมและราคาน้ำมัน
- การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) วันนี้ (19 ก.ย.) สำนักงาน กสทช.จะเสนอกรอบเวลาการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประมูล ให้บอร์ดพิจารณา เมื่อบอร์ดอนุมัติจะทำตามขั้นตอนของกฎหมายให้ครบถ้วน โดยเบื้องต้นได้กำหนดเคาะราคาในวันที่ 20 ต.ค.กรณีที่มีผู้มายื่นประมูลมากกว่า 2 ราย แต่หากมีรายเดียว เคาะราคาวันที่ 3 พ.ย.61 โดยมีการแก้เงื่อนไขใหม่ เช่น การลงทุนระบบป้องกันสัญญาณรบกวน เป็นต่างฝ่ายต่างลงทุนของตัวเองจากเดิมผู้ชนะประมูลคนสุดท้ายเป็นผู้ลงทุนและขยายเวลาการชำระเงิน จาก 4 งวดเป็น 8 งวด
- ประธานบอร์ด GPSC ลั่นเดินหน้ากระบวนการซื้อหุ้น GLOW สร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า จูงใจการลงทุนพื้นที่อีอีซี ยันการซื้อขายถูกต้องตาม กระบวนการเชิงพาณิชย์ พร้อมเดินสายเคลียร์ใจลูกค้าหลักเครือเอสซีจี ยังรอผลชี้ขาดจาก กกพ. ก่อนเซ็นสัญญากู้เงินแบงก์ รับห่วงถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง ลุ้นชี้ขาดประเด็นผูกขาดหรือไม่ 27 ก.ย.นี้
- ศาลปกครอง มีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราวประกวดแบบอาคาร 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ตามที่กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เอสเอ กรุ๊ป ฟ้องร้อง ทอท.ต่อศาลปกครองกลาง พร้อมขอให้ศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองการประกวดออกแบบ ด้าน "กลุ่มดวงฤทธิ์ บุนนาค" ที่ได้อันดับที่ 2 จ่อรอเซ็นสัญญา
*หุ้นเด่นวันนี้
- PRM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9 บาท เป็น 1 ใน SET100 ที่ราคายัง Laggard ในช่วง 3 เดือน -12% แย่กว่า SET100 ที่กลับมาเคลื่อนไหวทรงตัว ทั้งที่ผลประกอบการ Q2/61 โตทั้ง Q-Q และ Y-Y แนวโน้ม H2/61 จะยิ่งสดใส เพราะธุรกิจเดิมเข้าสู่โหมดทำกำไรเต็มที่ และเป็นช่วงรวมงบ BIG SEA คาดกำไรทั้งปี +39% Y-Y อยู่ที่ 1 พันลบ.ส่วนปีหน้าจะได้แรงหนุนเพิ่มจากการลงทุนของกลุ่มพลังงาน และวันนี้มี Opp Day คาดว่าจะทำให้ตลาดเชื่อมั่นกับแนวโน้มธุรกิจหลังจากนี้มากขึ้น
- KTB (โกลเบล็ก) เป้า Consensus 20.88 บาท, TMB เป้า Consensus 2.53 รมว.คลัง ไฟเขียว KTB ควบกับ TMB สั่งให้ได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ ดันเป็นแบงก์พาณิชย์ใหญ่สุด สินทรัพย์ 3.65 ล้านล้านบาท แซงหน้า BBL SCB และ KBANK ด้านที่ปรึกษาการเงินคาดใช้วิธีแลกหุ้น (Share Swap) พร้อมย้ำมูลค่าหุ้น TMB ต้องไม่ต่ำกว่าต้นทุนคลังที่ 3.86 บาท นักวิเคราะห์ชี้ช่วยสร้างความได้เปรียบต่อ KTB อย่างมาก เผยมีการแอบเก็บหุ้น KTB มาตลอด ด้านกลุ่มธนชาตแอบย่องเจรจาซื้อ TMB ด้วย เหตุอยากได้ไอเอ็นจีเป็นพันธมิตรแทนโนวาสโกเทีย แต่ขุนคลังบอกปัด
- CPALL (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 80.50 บาท แม้คาดว่าไตรมาส 3/61 จะเป็นอีกไตรมาสที่กำไรสุทธิจะอ่อนตัว แต่คาดว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะยังอยู่ในแนวบวก อย่างไรก็ดีคาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/61 หนุนจากบรรยากาศการบริโภคที่ดีขึ้นตามการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีรายได้ระดับต่ำและ ความคาดหวังต่อการเลือกตั้งที่จะมาถึง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ นักลงทุนคลายวิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐและจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,754.96 จุด เพิ่มขึ้น 334.42 จุด, +1.43% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,694.80 จุด ลดลง 5.15 จุด, -0.19% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,170.02 จุด เพิ่มขึ้น 85.36 จุด, +0.32% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,808.50 จุด เพิ่มขึ้น 48.29 จุด, +0.45% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,319.22 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด, +0.44% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,143.46 จุด เพิ่มขึ้น 4.12 จุด, +0.13% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,794.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.78 จุด, +0.10%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า
ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์หลายรายซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สเตทสโตน เวลธ์ กล่าวว่า การที่สหรัฐและจีนต่างก็เรียกเก็บภาษีนำเข้าครั้งล่าสุดในอัตราที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์นั้น ได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ผลประกอบการของภาคเอกชนยังสดใส และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดขยับลง 1.87 จุด ขณะตลาดจับตาผลกระทบสงครามการค้า
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากสหรัฐและจีนต่างก็ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,300.23 จุด ลดลง 1.87 จุด หรือ -0.03%
นักลงทุนจับตาผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า
ทางด้านรัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.เช่นกัน
สำหรับหุ้นที่ปิดตลาดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นเกลนคอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 2.8% ขณะที่หุ้นเอฟราซ พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นเซนทริกา ปรับตัวขึ้น 2.7%
ส่วนหุ้นเอ็นเอ็มซี เฮลธ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพรายใหญ่ของอังกฤษ ดิ่งลง 3.1% ขณะที่หุ้นไอทีวี ซึ่งเป็นบริษัทสื่อของอังกฤษ ปรับตัวลง 3%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับหุ้นรถยนต์พุ่ง,ตลาดคลายกังวลสงครามการค้า
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) หลังจากสหรัฐและจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นโฟล์คสวาเกนที่ดีดตัวขึ้นกว่า 2% หลังจากบริษัทประกาศแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 10 ล้านคัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดขยับขึ้น 0.1% แตะที่ระดับ 378.73 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,157.67 จุด เพิ่มขึ้น 61.26 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,363.79 จุด เพิ่มขึ้น 14.92 จุด หรือ +0.28% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,300.23 จุด ลดลง 1.87 จุด หรือ -0.03%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า
ส่วนรัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 10 ล้านคัน ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มรถยนต์นั้น หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ดีดตัวขึ้น 0.2% หุ้นเดมเลอร์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นออดี้ พุ่งขึ้น 1.9% และหุ้นเปอร์โยต์ พุ่งขึ้น 3.8%
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.24% ขณะที่หุ้นอินฟิเนียน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของยุโรป ปรับตัวขึ้น 1.56%
หุ้นซาแลนโด ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ของเยอรมนี ดิ่งลงกว่า 13% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2562
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 184.84 จุด รับหุ้นเทคโนฯฟื้น,สหรัฐ-จีนเรียกเก็บภาษีต่ำกว่าคาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐและจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์จากบริษัทแอปเปิล และบริษัทฟิตบิท ไม่ได้รวมอยู่ในรายการสินค้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,246.96 จุด พุ่งขึ้น 184.84 จุด หรือ +0.71% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,904.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.51 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,956.11 จุด เพิ่มขึ้น 60.32 จุด หรือ +0.76%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า
ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์หลายรายซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สเตทสโตน เวลธ์ กล่าวว่า การที่สหรัฐและจีนต่างก็เรียกเก็บภาษีนำเข้าครั้งล่าสุดในอัตราที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์นั้น ได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ผลประกอบการของภาคเอกชนยังสดใส และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับที่สูงมาก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์จากบริษัทแอปเปิล และบริษัทฟิตบิท ไม่ได้รวมอยู่ในรายการสินค้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดนี้ โดยหุ้นฟิตบิท พุ่งขึ้น 6.4% หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 5%
ส่วนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศนั้น ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 1.9% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 1.3% และหุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.8%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก หลังจากกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณว่ายังไม่เร่งเพิ่มกำลังการผลิต โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 1.1%
หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทเทลซีย์ แอดไวซอรี กรุ๊ป ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นไนกี้ หลังยอดขายออนไลน์ของไนกี้พุ่งขึ้น 31% จากการที่บริษัทตัดสินใจเลือกโคลิน แคเปอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ในลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของไนกี้ ภายใต้แคปเปญ "Just Do It"
หุ้นวีซ่า ดีดตัวขึ้น 1% และหุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากทั้งสองบริษัทยอมจ่ายเงินเพื่อยุติคดีความเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมที่ร้านค้าต้องจ่ายเมื่อรับรูดบัตรเครดิต
หุ้นเทสลา ร่วงลง 3.4% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า เทสลาอาจถูกดำเนินคดีอาญาจากกรณีที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ได้ทวีตข้อความก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด ขณะที่นักกฎหมายเตือนว่าการทวีตข้อความของนายมัสก์เสี่ยงที่จะทำให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) สั่งปรับบริษัท และอาจทำให้นายมัสก์ถูกดำเนินคดีอาญา
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 67 ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน อย่างไรก็ดี หากเทียบเป็นรายปี  ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 3 จุด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต
 
--อินโฟเควสท์ 
OO13977

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!